26 มี.ค. 2020 เวลา 12:44 • การศึกษา
[Opinions]
พอเรียนรู้มาซักพักก็อยากจะพัฒนาตัวไปเรื่อยๆ (ถ้าไม่จำเป็นจริงๆช่วงหลังๆก็จะพยายามไม่ใช้ Price-Base Modelหรือถ้าใช้ก็คงเอาส่วนที่เป็นกำไรเท่านั้นมาใช้)
ทีนี้จะทำอย่างไรให้สมการตรงนี้มันออกมาสมบูรณ์แบบ เพราะถ้าเรา Design มี Portfolio Foundation ที่อ่อนแอสมการมันก็จะเป็นอีกแบบไปโดยทันที (High Risk = High Expected Return) เพราะส่วนมากจะใช้ Leverage ที่สูงเพราะมุ่งเน้นไปที่ Return เป็นหลักและการทำเช่นนี้มันก็มีโอกาสที่จะทำให้เรา Game over ได้หากวันไหนตลาดเกิด Collapse ขึ้นมาจริงๆ
.
ด้วยมุมมองของการอยู่รอดระยะยาวและไม่ต้องการมีความเสี่ยงใดๆอีก ทำให้ต้องใส่ใจเกี่ยวกับการรักษาเงินต้นเป็นอันดับแรกและ ค่อยไปหากำไรจาก Home run อีกที
.
กลับมาที่สมการ
Return = cash + alpha + beta
หากต้องการจะรักษาเงินต้น มันก็จำเป็นที่จะต้องควบคุมความเสี่ยง (Risk, Drawdown) และใช้ Leverage ลดลง(อาจจะถึงขั้น 1:1) การลด Leverage ให้ต่ำลงมันทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น เพราะเมื่อตลาดเข้าสู่ช่วงเวลาที่ผันผวนจริงๆ มันก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องมาปรับกลยุทธ์ในช่วงนั้นอีกเพราะทุกอย่างมันตรงตามแผนของใน กลับกันหาดเรามีการใช้ Leverage ซึ่งเมื่อตลาดผันผวนยังไงมันก็จะส่งผลกระทบโดยตรงกับ Drawdown ทำให้เราอาจจะต้องมาปรับแก้กลยุทธ์บ้าง (หากบางคนมีการควบคุมความเสี่ยง)
.
จากที่กล่าวมาทั้งหมด เมื่อเราเริ่มมี mind set เกี่ยวกับกการรักษาเงินต้นแล้ว มันจะทำให้เราเริ่มนึกออกว่าการวางกลยุทธ์มันอาจจะไม่ใช่การมองไปที่ Returnมากหรือน้อย แต่จะเป็น Returnที่ยั่งยืนต่างหาก
.
Return ที่ยั่งยืนมันมาจากไหนหละ?
เมื่อมองไปที่สมการ
Return = cash + alpha + beta
มันก็คือการวางกลยุทธ์ให้เกิดประโยชน์กับความยั่งยืนนั้นๆ ซึ่งทุกๆส่วนก็มีส่วนสำคัญทั้งหมด
.
Cash : จะบริหารยังไงให้มีคุณภาพ >> หากเราใช้ Leverage ต่ำ การบริหาร Cash จะมีส่วนสำคัญต่อมูลค่า Port ได้เลย หากเราเข้าใจเรื่อง Rebalancing ก็จะสามารถเก็บมูลค่าส่วนเกินได้เรื่อยๆ หรือบางคนจะนำเงินส่วนนี้ไว้เก็บเกี่ยวในวันที่เจอ Alpha เจ๋งๆ
.
Alpha : คือสิ่งที่สามารถสร้าง Home run ให้กับเราได้ เพราะฉะนั้นก็คงต้องเป็นอะไรที่ค่อนข้างสุดโต่งนิดๆ ซึ่งส่วนตัวผมจะนำ Dynamic Concept เข้ามาช่วยจับ (อาจจะเป็นหุ้นเติบโต Discount หนักๆ หรืออะไรก็ได้) เช่นโยดา ไปลงใน Bank of Greece, FXCM เป็นต้น
.
Beta : คือความผันผวนของสินค้าที่เราไปลงทุน เราจะบริหารยังไงให้มีความเสี่ยงต่ำ (ต้องเลือกสินค้าที่เป็น 0 ยากไหม?) ซึ่งสินค้าตัวนี้ก็ต้องมี Volatility ด้วยเพื่อที่จะสามารถ Generate Cash Flow ได้ (หากเราเข้าใจ บางคนก็จะเอา Close System มาจับใน Beta Model นี้)
.
สุดท้ายคงไม่ได้บอกนะครับว่า สัดส่วนของแต่ละอย่างเป็นกี่ % ทุกคนมีมุมมองที่ต่างกันครับ ลอง Design และประยุกต์ให้เข้ากับตัวเองมากที่สุดดูนะครับ
โฆษณา