26 มี.ค. 2020 เวลา 15:20 • สุขภาพ
"หนีจรเข้ ปะเสือ"
ภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายที่ถูกถ่ายโดยคนไทยในสนามบิน
เป็นเที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายของการบินไทย ที่รับผู้โดยสารจาก สนามบิน Kingsford Smith Intrnational Airport มหานครซิดนีย์ เพื่อเดินทางไปยัง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร TG 476 และยังไม่มีกำหนดว่าจะเริ่มอีกครั้งเมื่อไหร่
เห็นแล้วก็อดใจหายไม่ได้ครับ เพราะตั้งแต่การบินไทยเปิดเที่ยวบินที่ซิดนีย์ ไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้เลย ผู้คนอยากเดินทางมาตอนไหนก็ได้ หรือเดินทางกลับช่วงไหนก็ได้ ทุกวัน วันละสองเที่ยว
มหานครซิดนีย์ เป็นเมืองหลวงของรัฐ New South Wales ในประเทศออสเตรลีย และออสเตรเลียเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการเดินทางจะไปได้ด้วยสองเส้นทางคือ ทางเรือ และทางอากาศ ซึ่งทางเรือ จะต้องเป็นเรือขนาดใหญ่ถึงจะสามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรมาได้ แต่ถ้าเป็นทางอาาศก็เป็นเครื่องบินอย่างเดียวครับ
ฉะนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เปรียบไปก็เหมือนการติดเกาะนี่เอง แต่เป็นเกาะขนาดใหญ่ แล้วยิ่งน้องนักเรียนที่มาเรียนหนังสือด้วยแล้วยิ่งอดใจหายไม่ได้ เพราะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย
นั่นก็คือ
อย่างแรก ต้องทนกับความคิดถึงบ้าน ซึ่งปกติมีสายการบินไทยอยู่ ยังทำให้สบายใจได้บ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วและไม่มีกำหนด
อย่างที่สอง ต้องเจอกับการตกงาน หรือหยุดงานกระทันหัน ค่าใช้จ่ายที่จะตามมีแทบทุกก้าวย่าง ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน ค่าใช้จ่ายยังคงเป็นเงาตามตัวตลอดเวลา เพราะซิดนีย์ขึ้นชื่อว่า ค่าครองชีพแพงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
อย่างที่สาม ค่าเช่าบ้าน นี่คือสิ่งที่โหดที่สุดของคนไทยที่นี่ครับ เพราะต้องจ่ายเป็นอาทิตย์ต่ออาทิตย์ หรืออาจเป็นสองอาทิตย์ครั้งขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้าน ซึ่งเมื่อเทียบกับเมืองไทยเป็นรายเดือนครับ และชุมชนที่คนไทยอาศัยอยู่มากที่สุด นั่นก็คือย่านไทยทาวน์ ซึ่งย่านไทยทาวน์ก็อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟ Central เดินเพียง 2-5 นาทีก็ถึง แทบจะเรียกว่าใจกลางเมืองก็ยังได้
อย่างที่สี่ ต้องหยุดเรียนแบบไม่มีกำหนด โดยหันมาเรียนออนไลน์แทน บางคนอาจจะบอกว่า สะดวกสบายดีและชอบก็ได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้คือต้องเรียนที่บ้านเท่านั้น ออกข้องนอกไม่ได้ เปรียบเหมือนกับการถูกบังคับให้อ่านนังสืออยู่ในห้องเท่านั้น ส่งงานก็ออนไลน์
อย่างที่ห้า หนี้สินที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งมีนักเรียนเป็นจำนวนมากที่ต้องมีหนี้สินหรือต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อที่จะเดินทางมาตามหาความฝันของตัวเอง แต่เพราะไวรัสเลยทำให้ความฝันต้องพังทลายลงไป ส่วนนักเรียนบางส่วนที่มาด้วยเงินส่วนตัวและไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็คลายไปข้อหนึ่ง
อย่างสุดท้าย สภาพปัญหาทางด้านจิตใจ นั่นก็คือความเครียด ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากทุกๆ ข้อที่กล่าวมาครับ เริ่มตั้งแต่คิดถึงบ้าน ต้องหยุดเรียนเพื่อเรียนที่บ้าน ต้องหยุดงานซึ่งเป็นรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายต่างๆ ต้องจ่ายค่าบ้านที่แสนโหด ต้องจ่ายค่าเทอมทุกสามเดือน
เมื่อทุกอย่างมารวมกันในสถานการณ์แบบนี้ และไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แล้วจะหารายได้จากที่ไหน เพื่อนำมาใช้จ่าย ซึ่งลำพังก็ปากกัดตีนถีบอยู่แล้วถึงจะอยู่รอดในสังคมนี้
แต่เมื่อเจอทางตันแบบนี้มีสองทางครับ
ทางที่หนึ่ง คือ สู้ต่อ สู้ไปโดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาปกติ สิ่งใดที่พอทำได้ก็ต้องทำ แต่เท่าที่ดูคือก็คือ สถานการณ์ไม่เอื้อกับน้องนักเรียนเท่าไหร่ ยกเว้น ทำออนไลน์แต่ก็ลำบากมากๆ เพราะคนไม่ใช้เงินเลย แต่อย่างไรก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
อย่างที่สอง คือ การกลับไทย ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำหรับนักเรียนหลายๆ คน เพราะอย่างน้อยเรื่องค่าเช่าบ้านก็ไม่ต้องกังวล ยังมีพ่อแม่ พี่น้อง และญาติๆ ที่พอช่วยได้ ในวิกฤตินี้ แต่บางคนก็ต้องตัดสินใจกลับแม้จะมีหนี้สินที่เมืองไทย แต่อย่างน้อยยังพอมีช่องทางบ้าง ซึ่งสถานการณ์ที่เมืองไทยก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ซึ่งเปรียบไปก็เหมือน การหนีจรเข้ เพื่อไปเจอกับเสือ....
แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทุกอย่างมีทางออกครับ ตั้งสติให้ดี ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ อย่าให้อำนาจของความกลัว อำนาจของความฟุ้งซ่านมาบดบังได้ แล้วสถานการณ์ก็จะกลับมาเป็นปกติ ขอให้ทุกคนก้าวผ่านไปด้วยกันครับ
โฆษณา