Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักเตะดังในอดีต
•
ติดตาม
26 มี.ค. 2020 เวลา 14:56 • กีฬา
ย้อนรอยทริปเบิ้ลแชมป์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 1998-99 ถือเป็นฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของเหล่านักเตะและสาวก ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถประกาศศักดาคว้าแชมป์มาไว้ในครอบครองได้ถึง 3 รายการในฤดูกาลเดียว
ในถ้วย พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนั้น พวกเขาขับเคี่ยวกับ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล และมี สิงห์บูล เชลซี เป็นตัวสอดแทรก 3 ทีมไฝว้กันจนถึงโค้งสุดท้ายก่อนที่ อสูรแดงแรงฤทธิ์ จะเข้าป้ายมีชัยเหนือทั้ง 2 คู่ปรับ ไปด้วยคะแนน 79 แต้ม เฉือน ปืนใหญ่ ที่ตามมาเป็นอันดับที่ 2 เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น และ เชลซี ที่ตามมาเป็นอันดับ 3 ก็เก็บได้ถึง 75 คะแนนเลยทีเดียว ถือเป็นการต่อสู้ที่สนุกสูสีเป็นอย่างมาก
เกมรับของพวกเขาไม่ดีเป็นจุดขายของทีมในฤดูกาลนั้น เพราะในเกมลีกของพวกเขา หากเทียบกันกับทีมในบรรดากลุ่ม top 5 ของตารางพรีเมียร์ลีก ปีศาจแดง เสียประตูเป็นอันดับ 3 โดยโดนยิงไป 37 ประตู แม้ว่าเก็บคลีนชีตได้ 13 เกม แต่ก็มีถึง 9 เกมที่พวกเขาโดนยิงถึง 2 ประตูขึ้นไป แสดงให้เห็นว่าเกมรับยังเป็นปัญหาของพวกเขาอยู่
แต่ตรงจุดๆนี้พวกเขาแก้ไขมันได้แบบไม่เป็นปัญหา ด้วยการมีเกมรุกสุดโหดเข้ามาแทนที่ โดยยิงสลุตมากที่สุดในลีกที่ 80 ประตูด้วยกัน ชนิดที่ห่างจากอันดับ 2 ที่ยิงได้มากสุดในลีก อย่าง อาร์เซนอล ถึง 18 ประตูเลยทีเดียว โดย 1 ใน 3 ส่วนของประตูที่ยิงได้ มาจาก 2 คู่หูสุดฮ็อต ยอร์ค + โคล ที่ยิงรวมกัน 35 ลูก
ไปที่ถ้วย เอฟเอ คัพ กันบ้าง พวกเขาก็ไม่ได้เจองานเบาแต่อย่างใด เพราะตลอดเส้นทางของถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกรายการนี้ เหล่าพลพรรคปีศาจแดง ต้องเจอกับทีมจาก พรีเมียร์ลีก เกือบจะทุกรอบ ขาดเพียงแค่รอบ 5 เท่านั้นที่พวกเขาพบกับ ฟูแล่ม ซึ่ง ณ เวลานั้นยังเล่นอยู่ใน ดิวิชั่น 2 (ปัจจุบันคือ ลีกวัน)
เริ่มจากรอบ 3 เอาชนะ สิงห์แดง มิดเดิ้ลสโบร์ห 3-1 โดยที่พวกเขารัว 3 ลูกรวดหลังจากถูกนำไปก่อนในต้นครึ่งหลัง แมนยู ในยุคนั้นแพ้ยากจริงๆ และมักจะกลับมายิงคู่แข่งได้ในช่วงท้ายเสมอ
3
แต่ถ้าคุณคิดว่าการคัมแบ็คที่สุดยอดแล้ว ถือว่ายังไม่ใช่ เพราะรอบ 4 ที่พวกเขาจับสลากมาจ๊ะเอ๋กับคู่ปรับตัวฉกาจ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ถือเป็นคลาสสิกแม็ตช์สำหรับสาวก ผีแดงอย่าแท้จริง ไมเคิล โอเว่น ยิงให้ หงส์แดง นำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 3 จะหมดเวลาการแข่งขันอยู่แล้ว ดไวท์ ยอร์ค มาตีเสมอได้สำเร็จ 1-1 แค่แข่งใหม่คงยังไม่สาแก่ใจ พวกเขาเอาถึงขั้นชนะเลยทีเดียว จาก ประตูชัยของ ยอดตัวสำรองอย่าง โอเล่ กุนน่าร์ โซลชา ที่ลงมาในนาที่ 81 ซัดประตูพลิกนำ 2-1 ไปแบบเจ็บแสบไปถึงทรวงใน
ในรอบที่ 6-7 พวกเขาต้องออกแรงถึงรอบละ 2 เกม หลังจากที่ต้องเจอะเจอกับ เชลซี ในรอบ 6 เกมแรกเสมอในบ้าน 0-0 ก่อนจะบุกไปคว้าชัยถึง สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-0
แต่คงไม่มีเกมไหนที่จะอยู่ในความทรงจำของแฟนผี เท่ากับเกมนัดรีเพลย์ของ รอบรองชนะเลิศในซีซั่นนั้นอีกแล้ว หลังจากเสมอมาในนัดแรก 0-0 และ ในยุคนั้น อาร์เซนอล เองก็ไม่เป็น 2 รองใครซะด้วย พวกเขาสู้กันจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังเสมอกัน 1-1 ใน 90 นาที เป็นไปได้สูงว่าจะลงเอยด้วยการดวลจุดโทษ แต่ ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดในตำนาน ลากเดี่ยวโซโล่จากครึ่งสนาม แหวกผู้เล่น ปืนโต คนแล้วคนเล่า เข้าไปซัดใส่แสกหน้า เดวิด ซีแมน เป็นประตูชัยในนาที 109 พาปีศาจแดงเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
พอผ่านเกมที่ยากที่สุดไปแล้ว เกมนัดชิงจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แม้ นิวคาสเซิล จะมี ฮ็อตช็อต อลัน เชียเรอร์ เป็นตัวชูโรง แต่ก็ไม่อาจต้านทานความเร่าร้อนของ เฟอร์กี้เบ๊บส์ไปได้ แมนยู เอาชนะไปได้ 2-0 คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ไปครองได้สำเร็จ
มาถึงถ้วยยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ถ้วยใบใหญ่สุดในยุโรป (สมัยนั้นมี 3 รายการยุโรป ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก , ยูฟ่า คัพ , คัพวินเนอร์ส คัพ ) เส้นทางของถ้วย เอฟเอ คัพ ว่าหินแล้ว เส้นทางของถ้วยนี้ ยิ่งทุรกันดารยิ่งกว่า เพราะเหล่านักเตะหนุ่มของเฟอร์กี้ถูกจับให้มาอยู่ กลุ่มดี ซึ่งเป็นกรุ๊ปออฟเดธ เรียกว่าเป็นตายเท่ากันก็ว่าได้ คู่แข่งในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย บาเยิร์น มิวนิค , บาร์เซโลน่า , บรอนด์บี้
แม้พวกเขาจะไม่แพ้เลยในรอบแบ่งกลุ่มนี้ แต่ก็เอาชนะได้แค่ บรอนด์บี้ แบบไป-กลับเท่านั้น ที่เหลือเสมอรวด แต่กระนั้นการที่ บาร์เซโลน่า ไปพลาดท่าพ่ายให้ บาเยิร์น แบบไป-กลับ ทำให้เจ้าบุญทุ่มไม่อาจไล่ แมนยู กับ บาเยิร์น ทันในนัดสุดท้าย ปีศาจแดง กับ เสือใต้ กอดคอกันเข้ารอบ น็อคเอาท์ไปได้ โดยผลชนะ 2-0 ของ บาร์เซโลนา เหนือ บรอนด์บี้ ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มไม่มีความหมายแล้ว
รอบ 8 ทีม พวกเขาต้องมาเจอกับ อินเตอร์ มิลาน ยอดทีมจาก อิตาลี ที่นำโดย โรแบร์โต้ บาจโจ้ เกมแรกที่ โอลแทรฟฟอร์ด แมนยู เอาชนะไปได้ 2-0 จากการเหมาคนเดียว 2 เม็ดซ้อนของ ดไวท์ ยอร์ค ก่อนที่ จะไปยันเสมอที่ ซาน ซีโร่ 1-1 และแม้ ในเกมนัดที่ 2 อินเตอร์ จะมี โล่นทองคำโรนัลโด้ อยู่ด้วยในเกมนั้น แต่ แมนยู ก็เอาตัวรอดไปได้
รอบรองชนะเลิศ ยูเวนตุส ที่มี ซีดาน เป็นดารานำ ทีมจาก อิตาลี ยุค 90 แข็งแกร่งจริงๆ พวกเขาน่าจะบุกมาเอาชนะ แมนยู ได้คาบ้านไปแล้ว แต่อย่างที่บอก แมนยู ในฤดูกาล 1998-99 พวกเขาก็ฆ่าไม่ตายเช่นกัน ไรอัน กิ๊กส์ ยิงตีเสมอได้ในนาทีสุดท้าย เก็บเอาผลเสมอไว้ในอ้อมกอดได้แบบฉิวเฉียด ก่อนจะไปวัดกันใหม่ในนัดที่ 2 ที่ เดลเล่ อัลปิ
1
ฟิลิปโป้ อินซากี้ ยิง 2 ประตูในช่วงต้นเกมให้ ม้าลาย นำไปก่อน 2-0 แต่ขอบอกว่า ในช่วงเวลานั้น แมนยู ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้จริงๆ พวกเขาจัด 3 เม็ดซ้อนๆ จาก รอย คีน , ดไวท์ ยอร์ค , แอนดี้ โคล ส่ง แมนยู เข้ารอบชิง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพากฏประตูทีมเยือนด้วยซ้ำไป พวกเขาเอาชนะไปด้วยประตูรวม 4-3
รอบชิงชนะเลิศ ต้องโคจรมาเจอกับโจทก์เก่า เสือใต้ ยอดทีมจาก บุนเดสลีกา รอย คีน ที่สะสมใบเหลืองครบจากรอบที่แล้ว ไม่สามารถลงช่วยทีมในนัดชิงได้ เฟอร์กี้ ใช้ นิคกี้ บัตต์ ยืนกลางคู่กับ ไรอัน กิ๊กส์ แทน แล้วหน้าที่ปีกซ้าย เป็นของ เจสเปอร์ บลอมควิสท์ ปีกจากสวีเดนรับผิดชอบพื้นที่ตรงนั้นแทน
มาริโอ บาสเลอร์ จอมปั่นฟรีคิกของ บาเยิร์น ยิงฟรีคิกปริดวิญญาณให้ เสือใต้ ออกนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 6 เกมดำเนินไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมันสมกับเป็นคู่ชิงชนะเลิศ บาเยิร์น ที่ทั้งทีมมีผู้เล่น เมดอินเยอรมัน ถึง 10 ชีวิตในสนาม มีเพียง ซามูเอล คูฟฟูร์ คนเดียวเท่านั้นที่เป็น กาน่า เล่นได้แข็งเกร่งตามมาตรฐาน แล้วเหลืออีกเพียง 1 นาทีเท่านั้น (ไม่รวมทดเจ็บ) พวกเขาก็จะได้แชมป์ไปครอง
เฟอร์กี้ ทิ้งไพ่ลงมา 2 ใบ เชอร์ริงแฮม & โซลชา แล้ว 2 คนนั้นก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง และก็สมกับคำล่ำลือว่า แมนยู ปี 1999 ตายยากตายเย็นจริงๆ เชอร์ริงแฮม จัดการยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้ทีมได้ในนาที 89 แชมป์ที่อยู่แค่เอื้อมของ เสือใต้ กลายเป็นว่า ต้องมาว่ากันใหม่ซะแล้วในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ตีเสมอ 1-1 ในนาที 89 ว่าดราม่าแล้ว การยิงประตูชัยในอีก 1 นาทีให้หลัง เรียกว่าดราม่าซ้อนดราม่ากันเลยทีเดียว โอเล่ กุนน่าร์ โซลชา ที่ไม่ยอมให้เสียชื่อสุดยอมอภิมหาซุปเปอร์ซัป จัดการยิงประตูชัย 2-1 ให้ปีศาจแดงในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน
เรียกได้ว่าไม่ให้โอกาส เสือใต้ ได้แก้ตัวเลย พวกเขาหมดอาลัยตายอยาก ทรุดตัวลงไปนั่งทั้งที่ ปิแอร์ลุยจิ คอลลิน่า พี่หัวหลอดไฟยังไม่เป่านกหวีดยาวหมดเวลาด้วยซ้ำ โดนเข้าไปแบบนี้เป็นใครก็คงหมดเรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อ
แมนยู ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก อย่างยิ่งใหญ่ และเป็น ทริปเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนั้น สร้างตำนานจอมคัมแบ็คชนิดที่ยากจะมีใครเสมอเหมือน
และนี่คือช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1998-99
2 บันทึก
12
2
6
2
12
2
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย