NAV ของกองทุนรวมจริงๆแล้วสามารถนำมาใช้ในการประเมินเบื้องต้นได้เนื่องจากเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมว่าเติบโตหรือไม่และ ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเราได้ “กำไร” หรือ “ขาดทุน” มากน้อยเพียงใดนั่นเองแต่กองทุนรวมแต่ละกองจัดตั้งกองไม่พร้อมกันดังนั้นกองทุนรวมที่มีอายุมากกว่าแต่ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน กองที่มีอายุมากกว่ามักจะมี NAV มากกว่า ทำให้ NAV ที่มากน้อยเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงของกองทุนรวมได้
นักลงทุนมือใหม่หลายคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ความถูกและแพงของ NAV” โดยเข้าใจว่ากองทุนรวมที่มีNAV สูง คือ กองทุนรวมที่มีราคาแพงซื้อแล้วได้หน่วยลงทุน น้อยจึงไม่น่าลงทุน ในขณะที่กองทุนรวมใดที่มีNAV ตํ่า แปลว่า ราคาถูก เมื่อซื้อแล้วได้หน่วยลงทุนเยอะ น่าลงทุนมากกว่า แต่จริงๆ แล้วทั้ง 2 กองทุนอาจมีนโยบายการลงทุนที่เหมือนกัน เพียงแต่กองทุนรวม A เริ่มดำเนินงานมาแล้ว 10 ปีในขณะที่กองทุนรวม B เพิ่งเริ่มมาได้เพียง 1 ปีจึงทำให้กองทุนรวม A มี NAV สูงกว่านั่นเอง
ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ
เปรียบเทียบการลงทุนกับการลงทุนในกองทุนรวม 2กอง โดยมีกองทุน A และกองทุน B เป็นกองทุนรวมดัชนี SET 50 index มีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน โดยกองทุน A มีอายุกองทุนนานกว่ากองทุน B (กองทุน A จัดตั้งมาก่อนกองทุน B)