30 มี.ค. 2020 เวลา 01:30
NAV กองทุนรวมคืออะไร ไว้ใช้ทำอะไร?
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือ NetAsset Value(NAV) คือ มูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของกองทุนรวม และรวมถึงผลประโยชน์ต่างๆ ที่กองทุนรวมได้รับจากการลงทุน หักออกด้วยค่าใช้จ่ายและหนี้สินของกองทุนรวมนั้น ซึ่งโดยปกติแล้วจะคำนวณจากNAV ตามราคาตลาดของแต่ละหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมถือครองในแต่ละวัน (Mark to Market) เพื่อให้สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ในกรณีที่สินทรัพย์นั้นไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นในวันที่คำนวณ ก็จะใช้ ราคายุติธรรม (Fair Value) หรือราคาปิดครั้งสุดท้ายในการคำนวณแทน
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(NAV) = (มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด + ผลตอบแทนสะสม + เงินสด) – ค่าใช้จ่ายและหนี้สินของกองทุนรวม
ทั้งนี้บลจ. จะเป็นผู้คำนวณราคา NAV โดยผ่านการตรวจสอบจากผู้ดูแล ผลประโยชน์และจะเปิดเผยให้ผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไปทราบทุกสิ้นวันทำการ โดยจะประกาศเป็น “มูลค่าต่อหน่วยลงทุน”(NAV ต่อหน่วย) หรืออธิบายง่ายๆก็คือ
มูลค่าต่อหน่วยลงทุน (NAV ต่อหน่วย) = มูลค่าทรัพย์สินสุทธ หารด้วย จำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด
แล้ว NAV ของกองทุนรวมเอาไว้ทำอะไร?
NAV ของกองทุนรวมจริงๆแล้วสามารถนำมาใช้ในการประเมินเบื้องต้นได้เนื่องจากเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมว่าเติบโตหรือไม่และ ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเราได้ “กำไร” หรือ “ขาดทุน” มากน้อยเพียงใดนั่นเองแต่กองทุนรวมแต่ละกองจัดตั้งกองไม่พร้อมกันดังนั้นกองทุนรวมที่มีอายุมากกว่าแต่ลงทุนในสินทรัพย์เดียวกัน กองที่มีอายุมากกว่ามักจะมี NAV มากกว่า ทำให้ NAV ที่มากน้อยเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงของกองทุนรวมได้
นักลงทุนมือใหม่หลายคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ความถูกและแพงของ NAV” โดยเข้าใจว่ากองทุนรวมที่มีNAV สูง คือ กองทุนรวมที่มีราคาแพงซื้อแล้วได้หน่วยลงทุน น้อยจึงไม่น่าลงทุน ในขณะที่กองทุนรวมใดที่มีNAV ตํ่า แปลว่า ราคาถูก เมื่อซื้อแล้วได้หน่วยลงทุนเยอะ น่าลงทุนมากกว่า แต่จริงๆ แล้วทั้ง 2 กองทุนอาจมีนโยบายการลงทุนที่เหมือนกัน เพียงแต่กองทุนรวม A เริ่มดำเนินงานมาแล้ว 10 ปีในขณะที่กองทุนรวม B เพิ่งเริ่มมาได้เพียง 1 ปีจึงทำให้กองทุนรวม A มี NAV สูงกว่านั่นเอง
ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ
เปรียบเทียบการลงทุนกับการลงทุนในกองทุนรวม 2กอง โดยมีกองทุน A และกองทุน B เป็นกองทุนรวมดัชนี SET 50 index มีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน โดยกองทุน A มีอายุกองทุนนานกว่ากองทุน B (กองทุน A จัดตั้งมาก่อนกองทุน B)
ณ วันที่ 1 มค 25X1
กองทุน A NAV ต่อหน่วยมีราคา 20 บาท
กองทุน B NAV ต่อหน่วยมีราคา 15 บาท
ลงทุนด้วยการซื้อทั้งสองกองทุน กองทุนละ 300,000 บาทเป็นจำนวนเท่ากัน จะได้
หน่วยลงทุนจากกองทุน A จำนวน 15,000 หน่วย
หน่วยลงทุนจากกองทุน B จำนวน 20,000 หน่วย
ต่อมา ณ วันที่ 1 มค 25X2 หุ้นตามดัชนี SET 50 index มีการปรับตัวขึ้น 10 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จะได้
กองทุน A NAV ปรับขึ้น 20x10% = 2 บาท
NAV กองทุน A ต่อหน่วยมีราคาเป็น 20 + 2 = 22 บาท
กองทุน B NAV ปรับขึ้น 15x10% = 1.5 บาท
NAV กองทุน B ต่อหน่วยมีราคาเป็น 15 + 1.5 = 16.5 บาท
หากขายเพื่อนำเงินทั้งหมดออกมา ก็จะได้กำไรเท่ากัน แม้ว่าจะมีจำนวน หน่วยลงทุนต่างกัน ดังนี้
กองทุน A : 15,000 x 22 = 330,000 บาท
กองทุน B : 20,000 x 16.5 = 330,000 บาท
หมายเหตุ : ในการซื้อขายจริงจะมีการหักค่าธรรมเนียมต่างๆซึ่งคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยจะกำหนดต่างกันไปในแต่ละกองดังนั้นกองทุนที่มีนโนบายการลงทุนเหมือนกันแต่ค่าธรรมน้อยกว่าอาจได้กำไรมากกว่าเล็กน้อย
ดังนั้นในการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวม ผู้ลงทุนควรพิจารณาจาก ผลการดำเนินงาน ของกองทุนรวมร่วมกับนโยบายการลงทุน มากกว่าพิจารณาจาก ความถูกหรือแพงของ NAV เพียงอย่างเดียวนะครับ
ติดตาม secure-investor เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - Secure-investor
โฆษณา