30 มี.ค. 2020 เวลา 15:59 • ปรัชญา
หัวข้อ TED ที่อยากจะมาแชร์ในวันนี้ คือ
“We don't "move on" from grief. We move forward with it”
หรือที่แปลเป็นไทยออกมา ก็คือ “ เราไม่จำเป็นต้องลืมความโศกเศร้า แต่
เราแค่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับมัน “
บทพูด โดย Nora McInerny นักเขียน และนักพูดสร้างแรงบรรดาลใจ
สิ่งที่ทำให้อยากจะแชร์หัวข้อนี้ก็เพราะว่า เราเป็นบุคคลนึงที่เพิ่งผ่านพ้น การสูญเสีย ซึ่งการสูญเสียของเรานั้นไม่ใช่ในรูปแบบการตายจากกัน แต่มันคือการสูญเสียความสัมพันธ์ในรูปแบบคนรัก คือการเลิกรานั่นเอง
เราอาจจะขอย้อนเล่าเรื่องนิดนึงว่า เรากับแฟนคบหาดูใจกันมาเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ซึ่งเอาจริงๆ ก็คือวันนี้สมควรที่จะเป็นวันครบรอบสามปีของเราค่ะ แต่
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เขาต้องย้ายไปอยู่ต่างๆ
ประเทศ ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มมองอนาคตออกว่า ความสัมพันธ์ระยะไกลคงจะเป็นอุปสรรคอย่างมาก ในช่วงแรก ทั้งสองคนพยายามปรับตัวและประคับประ
คองเพื่อให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปได้ แต่ไม่นานนัก เราทั้งสองก็ได้รู้ว่า
มันเป็นไปได้ยากมาก การเจอกันครั้งละเดือนหรือวีดีคอลไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างที่ห่างกันได้ เราทั้งสองจึงตกลงที่จะจบความสัมพันธ์ฉันคนรักมาเป็นแค่เพื่อนกัน
สำหรับเรามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเจ็ปปวดอยู่เหมือนกันค่ะ ถึงแม้ส่วนตัวแล้วจะเป็นคนที่เข้มแข็งมากคนนึง แต่ในกระบวนการการยอมรับความจริงและ
เผชิญกับความผิดหวัง บ่อยครั้งทำให้เราต้องนั่งเศร้าโดยไม่รู้ตัว
เราพยายามที่จะเอาชนะความรู้สึกเจ็ปปวดผิดหวังนี้แทบทุกอย่าง อ่านหนัง
สือ เขียนบันทึก ขอคำแนะนำจากเพื่อนและคนรอบข้าง หรือแม้กระทั่ง
ภาวนากับพระเจ้า หรือคุยกับแฟนเก่าเองเพื่อที่จะทำให้ความรู้สึกมันชินต่อ
สถานะใหม่ หรือ Transform ไปในรูปแบบที่เราสองคนรู้สึกสบายใจมากที่สุด
บ่อยครั้ง หลายคนได้แนะนำให้เรา Move On นั่นก็คือการทำใจ ลืม และทิ้งทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นใหม่ เอาจริงๆ เราไม่ชอบคำนี้มากๆ ค่ะ เพราะเราคิดว่าการเลิกกันของคนสองคนทำไมต้องลืม ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้อง
ไม่พุดคุยหรือแม้กระทั่งต้องทำเป็นไม่รู้จักกันไปเลยด้วยซ้ำ แต่ภายหลังเราก็ได้เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของแต่ละคู่อาจจะจบไม่เหมือนกันและคู่เราเองก็
อาจจะแตกต่างกันไป แต่ยังไงก็แล้วแต่เราพยายามเอาตัวเองหนีห่างจากคำว่า move on เพราะทุกครั้งที่เรามองย้อนกลับไป มันมีเรื่องราวต่างๆ มาก
มายเกิดขึ้นในเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ร้ายและดีปะปนกันไป แต่เราเลือกมอง
แต่สิ่งที่ดีๆ นึกถึงทีไรก็มีความสุข แต่หลายคนก็ไม่ได้คิดเหมือนกันกับเรา
ทุกคนต่างมองว่าการที่เรายังคิดถึงช่วงเวลาดีๆ กับคนรักเก่ามันหมายความว่าเรายัง move on ไม่ได้ เราพยายามที่จะหาคำมาอธิบายเพื่อที่จะให้ทุกคนเข้าใจ จนกระทั่งเราได้มาเจอบทพูดของ Nora Malnery นักเขียนและนักพูดชาวอมริกา
Nora Malnery ซึ่งปกติแล้วเธอคนที่สนุกสนาน เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากๆ คนหนึ่ง แต่ในปี 2014 Nora ได้เผชิญกับความโศกเสร้าครั้งยิ่งใหญ่ด้วย
การสูญเสียคนที่รักถึงสามครั้ง ภายในปีเดียวกัน Nora ได้สูญเสียสามี คุณพ่อ และลูกของเธอในขณะที่ตั้งครรถ์อยู่ ซึ่งการสูญเสียนี้นอกจากจะทำให้ Nora นั้นในฐานะมนุษย์ธรรดาคนนึงได้ตกอยู่ในช่วงเวลาที่เศร้าหมอง แต่
ด้วยความที่ Nora เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี และเป็นคนร่าเริง เธอจึงได้หา
หนทางที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดี และในขณะเดียวกันเธอก็ได้ตระหนักว่าคงมี
คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียเช่นเดียวกับเธอ เธอจึงจัดตั้งชมรม The Hot Young Widows Club (ชมรมแม่หม่ายเด็กสุดฮอต) ขึ้นมา เพื่อให้คนที่สูญเสียไม่ว่าจะเป็นคนรัก พ่อแม่ พี่น้อง ได้มาพูดคุยและแลก
เปลี่ยนเรื่องราวกัน เพราะเธอเชื่อว่าคนที่เผชิญสิ่งเดียวกันอยู่จะสามารถเข้าใจความรู้สึกของกันและกันได้ดีกว่าคนทั่วไป ซึ่งชมรมก็ได้ผลตอบรับค่อน
ข้างดีมาก และในขณะเดียวกัน Nora ก็ได้ค้นพบว่า คำส่วนใหญ่ที่คนจะมักพูดหลังจากที่คนใดคนนึงสูญเสียคนในครอบครัวไปมักจะเป็นคำว่า moving on ( ทำใจและทิ้งทุกอย่างได้ข้างหลัง ) Nora ยอมรับว่าเธอเกลียดคำนี้มากๆ
และถึงแม้เธอเองก็เริ่มที่จะมีชีวิตห่างไกลออกจากความเศร้าโศก ได้แต่งงานใหม่และมีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้ง แต่เธอกลับบอกว่า เธอไม่ได้ move on เลยสักนิด มาถึงตรงนี้เราก็เริ่มมีข้อสงสัยว่า ถ้าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า
move on เราจะจำกัดความมันว่ายังไง .... มันจะใช่และตรงกับสิ่งที่เราอยากสื่อหรือเปล่า
Nora ให้เหตุผลต่อไปว่า ชีวิต ความรัก ความตายของสามีเขานั้นเป็นแค่ช่วงเวลาช่วงนึงที่ Nora สามารถที่จะทิ้งมันไว้ข้างหลังแล้วเดินหน้าต่อไปได้ แต่ในขณะเดียวกันกันการนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ มันก็ทำให้ Nora นอนหลับได้อย่างสบายและก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าซึ่งเธอก็เชื่อว่ามันเกิดขึ้นได้กับทุกคน Nora ยังได้อธิบายเสริมว่ามันไม่ใช่เพราะคนเราหลงลืมความรู้สึกไปชั่วขณะ แต่มันคือการที่คนที่เราสูญเสียไปนั้นยังอยู่กับเราเสมอ ในทุกๆ ที่เราไป ในทุกๆ
อย่างที่เราทำ ในทุกๆ คนที่เราเจอ เพราะ เพราะคนเรานั้นเมื่อถึงจุดนึงที่เราได้แชร์สิ่งต่างๆ ร่วมกันมากมาย ความรู้สึกนั้นมันจะอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน แม้
ความตายก็เอาไปไม่ได้ Nora บอกว่า การสูญเสีญจะเป็นความทรงจำที่น่าเศร้าและเจ็ปปวดเสมอ แต่ความทรงจำในการเจอกันของเธอและสามีจะเป็นอะ
ไรที่ทำให้เธอหัวเราะได้เสมอ ก็เหมือนความทรงจำดีๆ ที่เรามีกับคนๆนึง
Nora ได้จำกัดความหมายของ grift ว่า มันไม่ได้เกิดมาจากเครื่องดุดฝุ่น
แต่มันคือการรวมตัวกันของอารมณ์ที่หลายหลาย ซึ่งสิ่งที่เราทุกคนสามารถที่จะทำได้ก็คือการเตือนสติของกันแหละกันเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่า บางสิ่งบางอย่างมันไม่สามสารถถูกซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม บางบาดแผลก็ไม่สามารถูกรักษาให้หายดีได้ ซึ่งก็เหมือนกับความรู้สึกคน ถ้าเรายอมรับและก็เข้าใจว่าคนเรานั้นสามารถมีความสุขและความทุกข์ภายในเวลาเดียวกันได้ เสียใจและก็ตกลงหลุมรักใครได้อีกโดยที่ความรู้สึกเดิมๆ จะยังอยู่ตรง
นั้นพร้อมกับความรู้สึกดีใหม่ๆ ซึ่งมันก็คือการ move forward นั่นเอง
การ move forward ในนิยามของ Nora ก็คือ การระลึกได้จากบุคคลที่เรา
สูญเสียไป ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ ซึ่งในบทพูดนี้น่าจะเน้นไป
ทางความสุขมากกว่า และมันก็คือการที่เราแบกเอาความรู้สึกดีๆ กับคนเก่าไปกับเราเพื่อที่จะได้นำเอาสิ่งที่เราได้เรียนรู้และเติบโตกับเขาไปปรับใช้กับความสัมพันธ์ในอนาคตนั่นเอง
มาถึงตรงนี้เราก็ได้เข้าใจมากขึ้นแล้วว่าสิ่งที่เราอยากจะสื่อให้คนได้เข้าใจ
ในสิ่งที่เราทำอยู่นั้น มันคือการ move forward เพราะในความสัมพันธ์ครั้งนี้ เราได้แลกเปลี่ยนมุมมองความคิด ทัศนคติ การใช้ชีวิต ความเชื่อ และอีกมากมาย ... กับคนๆ นึงเป็นเวลาหลายปี มันทำให้เราทั้งสองได้เรียนรู้ที่จะทำให้ตัวเองหรือคนตรงข้ามเติบโตไปในอีกขั้นของการเป็น best version ของกันและกันไม่ว่าจะเป็นด้านการงานและความสัมพันธ์ ทุกสิ่งที่ได้แชร์ มันทำให้เราเป็นพัฒนาความเป็นตัวเรามากขึ้นและเราก็รู้สึกขอบคุณที่เขาได้
เข้ามาเป็นแรงบรรดาลใจและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเรา ฉะนั้นการที่เราเลิก
กันมันไม่จำเป็นที่จะต้องตัดเขาออกไปจากชีวิตเลย การได้ระลึกถึงเขา
พาความรู้สึกที่ดีที่มีให้เขาไปด้วยทุกที่มันทำให้เรายังยิ้มได้จริงๆ นะ
บทความนี้อาจจะส่วนตัวไปหน่อยแต่อยากจะมาแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อาจจะกำลังเผชิญเรื่องผิดหวังอยู่ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก้ทุกคนไม่มากก็น้อยนะค่ะ
โฆษณา