31 มี.ค. 2020 เวลา 08:55 • ไลฟ์สไตล์
น้ำหอม หอมติดไม่นาน บางทีเราไปนึกโทษยี่ห้อหรือคุณภาพของน้ำหอมว่าไม่ดี อันที่จริงแล้วบางครั้งเราอาจกำลังไม่รู้ตัวว่า เราอาจลืมใส่ใจในประเภทของน้ำหอมที่เราเลือกซื้อมาก็เป็นไปได้ครับ วันนี้ผมจะเล่าเกร็ดเล็กๆของประเภทน้ำหอม เพื่อการเลือกซื้อที่เหมาะสมกับตรงกับการใช้งานกันครับ
รู้หรือไม่ครับ จริงๆแล้วน้ำหอมที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้นั้น มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมอยู่แค่ประมาณ 0-40% เท่านั้นครับ ส่วนที่เหลือจะเป็นส่วนผสมอื่นๆ อาทิ น้ำ หรือ แอลกอฮอล์ เพื่อใช้เจือจางหัวน้ำหอมครับ โดยกลิ่นจะติดทนนานหรือไม่นั้น นอกจากคุณภาพ ประเภทของกลิ่นที่ใช้ ปริมาณหัวน้ำหอมที่ใช้ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญเช่นกัน
1
โดยหนึ่งในการแบ่งประเภทของน้ำหอมนั้นคือการแบ่งประเภทตามความเข้มข้นของหัวน้ำหอมที่ใช้ผสมในการทำน้ำหอมชนิดนั้นๆครับ โดยหลักสากลนั้นแบ่งออกได้ทั้งหมด 5 ประเภท
2
ประเภทแรกคือ Eau Fraiche (โอ เฟรช) ซึ่งจะมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมอยู่แค่ประมาณ 1-3% เท่านั้น กลิ่นจะค่อนข้างอ่อน และติดตัวเราไม่นานมากนัก ประมาณแค่ 1 ชั่วโมงหรือเต็มที่ก็ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นครับ
ประเภทที่สองเรียกว่า Eau de Cologne - EDC (โอ เดอ โคโลญจน์) หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า โคโลญจน์นั่นแหละครับ โดยจะมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมเพิ่มมาอีกนิดประมาณ 2-5% และมีกลิ่นติดตัวเราประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ ซึ่งน้ำหอมประเภทนี้ส่วนใหญ่คนมักจะฉีดในปริมาณที่เยอะ หลายคนเรียกว่าอาบเลยก็ได้ครับ เพราะราคาค่อนข้างถูก ทำให้ไม่เสียดายเท่าไหร่เวลาใช้ครับ
2
ส่วนประเภทที่สาม เรียกว่า Eau de Toilette - EDT (โอ เดอ ตัวเลตต์) ประเภทนี้ก็จะมีให้เห้นกันบ่อยในห้าง โดยราคาจะค่อนข้างถูกกว่าตัวที่เป็นน้ำหอมเข้มข้น โดยจะมีหัวน้ำหอมอยู่ 5-15% ฉีดแล้วมีกลิ่นติดตัวไปประมาณ 4-6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา หากเราต้องการออกไปข้างนอกแค่ชั่วครู่ครับ
ประเภทที่สี่เขยิบขึ้นมาอีกนิดเรียกว่า Eau de Parfum - EDP (โอ เดอ พาร์ฟูม) ซึ่งจะมีหัวน้ำหอมอยู่ที่ 15-20% และกลิ่นติดตัวเรานานถึง 6-8 ชั่วโมงครับ โดยส่วนตัวผู้เขียน น้ำหอมประเภทนี้ค่อนข้างตรงกับการใช้งานมากที่สุดครับ เนื่องจากผู้เขียนออกไปข้างนอกแค่วันละประมาณ ไม่ถึง 8 ชั่วโมงเท่านั้นครับ
ประเภทสุดท้ายที่ราคาค่อนข้างแพงที่สุด เรียกว่า Parfum (พาร์ฟูม) / Perfume (เพอร์ฟูม) คือศัพท์ที่เราใช้เรียกน้ำหอมโดยทั่วๆไปนั่นแหละครับ โดยน้ำหอมประเภทนี้จะมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ถึง 15-40% (โดยทั่วไปในตลาดจะอยู่ประมาณที่ 20-30%) ซึ่งจะทำให้กลิ่นติดทนอยู่กับร่างกายเราได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงและในบางยี่ห้อที่มีความเข้มข้นค่อนข้างมาก กลิ่นจะติดตัวถึง 12 ชั่วโมงเลยก็มีครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับราคาที่แสนจะแพงเมื่อเทียบกับน้ำหอมประเภทอื่นๆครับ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนมองว่าเหมาะจะใช้ในกรณีที่ออกงานยาวๆเช้ายันเย็นเท่านั้นครับ และใช้ทีละน้อย ฉีดตามจุดเฉพาะบนร่างกายเช่น หลังหู ข้อมือ และคอเป็นต้นครับ
4
นอกจากการแบ่งประเภทของน้ำหอมตามความเข้มข้นแล้ว จริงๆแล้วการแบ่งประเภทของน้ำหอมนั้นยังมีการแบ่งประเภทออกตามกลิ่น รวมถึงซอยย่อยไปถึงระดับความคงทนของกลิ่นในแต่ละประเภทด้วยครับ ไว้มีโอกาสผู้เขียนจะนำมาเล่าให้ฟังกันครับ
 
สุดท้ายนี้ก่อนซื้อน้ำหอม อย่าลืมตรวจสอบว่าตรงกับประเภทหรือความต้องการของการใช้งานหรือไม่นะครับ โดยส่วนใหญ่จะสามารถตรวจสอบประเภทได้บนชื่อกล่องใต้ยี่ห้อที่เป็นอักษรภาษาแปลกๆที่เราสงสัยกันมานานนั่นแหละครับ โดยยิ่งน้ำหอมที่จัดอยู่ในประเภทที่มีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมเยอะเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งแพงยิ่งขึ้นครับ
อย่างไรก็ตาม ความแพงของน้ำหอมก็ยังคงขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น กลิ่น วัตถุดิบที่ใช้ในการแต่งกลิ่น รวมถึงราคาแบรนด์แวลูของน้ำหอมนั้นๆอีกด้วย เพื่อนๆก็อย่าลืมเลือกประเภทกันให้ถูกต้องตามการใช้งานนะครับ เพราะบางครั้งเราอาจจะไปข้างนอกแค่ช่วงเวลาครู่เดียว การไปฉีดน้ำหอมที่มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมเยอะก็อาจจะสิ้นเปลืองงบได้ครับ
*ระะเวลาของกลิ่นที่ติดตัวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เวลาที่เขียนเป้นเพียงแค่เวลาประมาณการเท่านั้นครับ
Source :
โฆษณา