1 เม.ย. 2020 เวลา 02:25 • ธุรกิจ
สวัสดีครับ พอดีได้โอกาสฟังพอดแคสต์ จาก Mission to the moon ในตอนที่ EP 411 MM - การเปลี่ยนผ่านยุคของ marketing เข้าสู่ Relevence Marketing เลยขออนุญาติแชร์ให้ฟังครับ
ปัจจุบันยุคของการทำการตลาดด้วย Loyalty นั้นหมดไปแล้วเพราะการทำการตลาดปัจจุบันกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของ Relevance โดยที่ Relevance คือการที่แบรนด์เข้าไปมีความสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้อย่าง ถูกที่ ถูกใจ และ ถูกเวลากับผู้บริโภคได้มากที่สุด
ซึ่งบริษัท Ganther retail มีรายงานที่บอกว่า 71% ของลูกค้าการที่มี Incentive Program ไม่ได้อยากทำให้อยากซื้อมากขึ้น แต่ความอยู่ถูกที่ถูกเวลาตังหากที่ทำให้อยากซื้อ
โดยยุคของการตลาดทั้งหมดมีอยู่ด้วยกัน 5 Genneration ด้วยกัน
Generation ที่ 1 ในช่วงปี 1970 คือการทำ Mass Marketing โดยใช้ Performance Indicator ด้วยการวัดจากปริมาณและ Management Focus ไปที่ Product และ Sales
Generation ที่ 2 ในช่วงปี 1980 คือการทำ Segment Marketing ซึ่งมีเครื่องมือหลักคือการใช้ Market Research โดยการใช้ Performance Indicator เป็น Sell funnel และมี Management Focus เป็น Channel และ Scale
Generation ที่ 3 ในปี 1990 เป็นยุของ Customer ซึ่งวัดผลด้วนการใช้ CLV (Customer Lifetime Value) และมี Management Focus ไปที่ Channel และ Relationship ซึ่งยุคนี้เป็นยุคที่นานที่สุดก่อนจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค Loyalty
Generation ที่ 4 เริ่มในปี 2010 จนถึงปัจจุบันและกำลังจะเปลี่ยนในปี 2020 ยุค Loyalty เป็นยุคที่เครื่องมือหลักในการทำงานคือ Advance CRM มีตัววัดผลประสิทธิภาพเป็น Customer Retention ซึ่งสนใจไปที่ Experince และ Relationship
ซึ่งในยุคที 5 คือยุคที่เรากำลังจะเข้าถึงเป็นยุคของการตลาดแบบ Relevance ซึ่งเป็นแนวคิดที่พัฒนามาจาก Maslow's Hierachy pyramid
ซึ่งสรุปออกมาได้เป็นแนวคิด 5P คือ
P1.Purpose คือ ความรู้สึกที่ลูกค้าจะมีร่วมกับบริษัท
P2.Pride รู้สึกภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าจากแบรนด์นั้นๆ
P3.Partership คือความรู้สึกที่ลูกค้ามีความสัมพันธ์หรือได้ร่วมงานกับแบรนด์
P4.Protection คือความรู้สึกว่าหากใช้ของแบรนด์นั้นๆจะรู้สึกปลอดภัย
P5.Personalization ข้อนี้จะสามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่โดยหลักคือผู้บริโภคต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเลือกได้
แล้วจะปรับ Mindset อย่างไรให้องค์กรสามารถนำ 5p มา Implement ได้ ?
1.Go outside your comfort zone
คือความกล้าขององค์กรที่จะลองเปลี่ยนกระบวนการทางการตลาดหรือปรับ Work Flow อย่างเช่น บริษัทโยเกิร์ต Yo play ที่เคยเป็นเจ้าใหญ่ในการทำงานด้วย Mass Production แต่ปรับตัวเองไปเป็นโยเกิร์ตที่นำเสนอด้วยความเป็นต้นตำรับของฝรั่งเศษ เพื่อสร้างตัวตนและความพิเศษแก่ลูกค้าที่กิน
2.Timing is Everything
การเข้าไปให้ถูกที่ถูกเวลาคือปัจจัยสำคัญมากๆ อย่างเช่น Hertz Car Rental ที่ใช้เทคโนโลยี Predictive Analytic เพื่อทำให้เกิด Timing ที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภค
3. Don't be loyal to the status quo
อย่ายึดติดกับความเป็นแบรนด์เดิมๆของตัวเอง อย่างเช่น Bmw ที่เมื่อก่อนเป็นบริษัทที่ผลิตและขายรถยนตร์เพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันมีความต้องการที่จะสร้าง Ecosystem เพื่อทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ชีวิตในเมืองได้ดีขึ้น เพื่อที่จะสร้าง Partnership แก่ลูกค้า เช่นการทำ Car Sharing มีระบบการหาที่จอดรถ และ Ev Charging
#อยากเล่า จริงๆมีการตลาดอีกรูปแบบ ที่น่าสนใจไม่ต่างกับ Relevance Marketing คือ Tribe marketing จาก หนังสือ Tribes: We need you to Lead Us” โดย Seth Godin
โฆษณา