1 เม.ย. 2020 เวลา 10:48 • ธุรกิจ
👉ชาย มโนภาส 30/03/2020
ถามอีก กับอิก TAM-EIG
👉ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้ว่าบริษัทไหนจะรอดบ้างเพราะเราไม่รู้ว่า
วิกฤตนี้จะจบเมื่อไร การที่ไม่ถือหุ้นเลยอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
ทั่วโลก บริษัทหลายๆที่ไมม่มีรายได้
แต่มีค่าใช้จ่ายอยู่ แล้วบริษัทจะอยู่ได้อย่างไร
วิกฤตจะเกิดตอนเราชะล่าใจ
ดอกเบี้ยต่ำคนก็กู้เพิ่มไปเรื่อยๆ ทุกปี
สิ่งที่เห็นว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตต้องดูว่ามันคุ้มค่าไหม ดู ROI
บางที่โตจากการกู้เงินมหาศาลมาโตจากการกู้เงินบนความเสี่ยงที่สูงขึ้น
กำไรมันโตอยู่แล้วแต่ต้องดูว่าประสิทธิภาพมันต่ำลงไหม
มองเคสที่แย่ที่สุดว่าประเทศ Lock down 1 ปีบริษัทไหนรอดบ้าง
อย่างเช่นบริษัทที่มีหนี้น้อย และพอวิกฤตผ่านไปจะโตไว
ของกินของใช้มันก็น่าจะรอดเพราะยังไงคนก็ต้องกินต้องใช้
ข้อดีของไทยคือหนี้สินรัฐบาลเอกชนน้อย
สภาพคล่องและเงินสดเหลือเยอะมาก
อย่าง ptt ที่มีเงินสด3แสนล้าน
ถ้าปิดสัก 6 เดือน น่าจะรอดเป็นส่วนใหญ่ใน set 50
อาจจะยกเว้นการท่องเที่ยวที่อาจจะเหนื่อยหน่อย
ต้องดูว่าบริษัทมีค่าใช้จ่ายปีนึงเท่าไรหรือถ้าให้ละเอียดว่า
หยุดอันไหนค่าใช้จ่ายบ้างอย่างอาจลดลง
แต่ตีคราวๆเลยค่าใช้จ่ายกับเงินสดตอนนี้เท่าไร
ถ้าไม่พอไปดูหนี้สินต่อทุนว่าไปขอกู้แบงค์ได้ไหม
พอจะทำให้รู้ได้ว่าบริษัทไหนรอด แค่รอดก่อน
แล้วต้องดูว่าใครรอดแล้วจะกลับมายิ่งใหญ่
ต้องดูคุณภาพของบริษัท
กลยุทธ์เป็นอย่างไร
👉ถ้ามันเป็นขาลงจริงเราจะอยู่กับมันอย่างไร?
เราจะเห็นว่าขาลงรอบใหญ่จริงๆทุก asset
จะลงเหมือนกันหมด แปลว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่รอด
แต่ในฐานะที่เป็นนักลงทุนเราต้องรักษาสภาพคล่อให้ได้
สินทรัพย์ที่เราลงทุนควรมีสภาพคล่องและปันผล
บริษัทที่มีหนี้น้อยที่ขายของที่จำแป็น หนี้น้อยก็ยังจ่ายปันผลได้
บางท่านอาจบอกว่าเอาเงินไว้ในแบงค์
แต่ถ้าไปดูวิกฤตจริงๆบ้างแบงค์ก็อาจจะไม่รอด
คนบ้างคนอาจจะต้องขายเพื่อไปใช้หนี้โดยไม่สนราคา
แต่พอแรงขายหมดแล้วพุ้นจะยืนอยู่ได้
ในวิกฤตมันมีคนได้ประโยชน์เสมอถ้าหาเจอมันจะมีโอกาสอยู่บ้าง
อย่าง 2540 คนได้ประโยชน์ก็เป็นกลุ่มส่งออก
การที่จะทำอย่างไร มันขึ้นอยู่กับความรู้ของแต่ละคน ทำแบบใครไม่ได้
อยู่ที่เราความรู้อยู่ระดับไหนเชียวชาญอุตสาหกรรมไหน
หาบริษัทที่เราเข้าใจธุรกิจดี
เรื่องของการลงทุนไม่มีกฏตามตัว
ถ้าถามความเห็น ความเห็นคนเปลี่ยนตลอดเวลา
พรุ่งนี้ความเห็นผมจะเปลี่ยนก็ได้ เนื่องจากตัวแปรในโลกเปลี่ยนไปทุกวัน
บางทีเราอาจถูกในสภาวะแวดล้อมเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หรืออาจถูกต่อไปก็ได้
เวลาตัดสินใจห้ามใช้อารมณ์ให้ใช้เหตุผล แล้วหาหลักฐานมายืนยัน
หาอะไรมายืนยันเหตุผลของตัวเองว่ามีอะไรไหม
เราต้องตั้งสมมุติฐานและทดสอบสมมุติฐาน
เนื่องจากหุ้นเราไม่มีทางเห็นภาพ 100%
เวลาผ่านไปมันมีเฉลยมามากขึนเราค่อยซื้อมากขึ้นก็ได้
ถ้าเวลาจำกัด,เงินจำกัด,ทรัพยากรจำกัด
ถ้าจำกัดมากก็อย่าลงทุน เราสู้เขาไม่ได้หรอก
ยิ่งมีคาวมรู้เยอะยิ่งมีโอกาสมาก
ถ้าเห็นโอกาสน้อยก็ต้องไปแย่งชิงกับเขา
โอกาสมีตลอดต้องขยายขอบเขตความรู้ไปเรื่อยๆ
👉ไม่ต้องใส่ใจความคิดใคร มันก็แค่opinionถ้าอยากเป็นนักลงทุนที่จริงจัง
ควรฟังทั้งหมดแต่อย่าเชื่อใคร ผิดด้วยตรรกะเราเองยังได้เรียนรู้
ผิดบ้างในวันนี้จะถูกเสมอในวันข้างหน้า
👉ที่มา
โฆษณา