4 เม.ย. 2020 เวลา 10:39 • ประวัติศาสตร์
“อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) บุรุษผู้เกลียดชังชาวยิว” ตอนที่ 2
ชีวิตที่พลิกผันของอดอล์ฟ
1
ภายหลังจากคลาร่าเสียชีวิต อดอล์ฟก็ได้เดินทางกลับไปเวียนนา โดยเขาได้เงินมรดกเล็กๆ น้อยๆ จากคลาร่าและเงินช่วยเหลือจากการเป็นกำพร้าอีกจำนวนหนึ่ง
ด้วยความที่การเงินฝืดเคือง อดอล์ฟจึงต้องเช่าห้องเล็กๆ ของหญิงชาวโปแลนด์คนหนึ่งและขอร้องให้กัสต์ช่วยมาหารค่าเช่า
1
อดอล์ฟหลอกล่อกัสต์โดยบอกว่าเวียนนานั้นเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจและกัสต์อาจจะได้เข้าเรียนดนตรีในสถาบันที่มีชื่อเสียง ทำให้กัสต์สนใจและตอบตกลง
เวียนนาในช่วงเวลาที่อดอล์ฟกลับมาอีกครั้ง
เมื่อมาถึงเวียนนา ทั้งคู่จึงหารค่าห้องกัน ซึ่งห้องที่ทั้งคู่พักอยู่นั้นก็เป็นห้องเล็กๆ แค่อยู่สองคนก็แย่แล้ว แต่กัสต์ดันเช่าแกรนด์เปียโนและนำเข้ามาในห้องอีก
กัสต์นั้นมีพรสวรรค์ในด้านการเล่นเปียโนและได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนในโรงเรียนสอนดนตรีในเวลาไม่นาน ซึ่งอดอล์ฟก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อน ไม่ได้บอกเพื่อนว่าเขาสอบเข้าโรงเรียนสอนศิลปะไม่ติด เขาอายเกินกว่าจะยอมรับความจริง
ทุกเช้า กัสต์จะออกไปเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรี ส่วนอดอล์ฟก็เอาแต่นอน เดินเล่น อ่านหนังสือ และวาดรูปอย่างบ้าคลั่ง
ออกัสต์ คุบิเซก (August Kubizek)
ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนในเวียนนา อดอล์ฟนั้นใช้เวลาอยู่กับการคิดแผนการใหม่ๆ เขาเริ่มจะเขียนโอเปร่าของตนเอง จากนั้นเขาก็เริ่มออกแบบตึกใหม่ๆ ในเวียนนา เวลาที่เหลือคือหมกตัวอยู่กับกองหนังสือ โดยความบันเทิงหรือฟุ่มเฟือยอย่างเดียวสำหรับเขาคือการไปชมโอเปร่า
ต่อมาในฤดูร้อน กัสต์ได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่บ้าน ทำให้อดอล์ฟต้องอยู่คนเดียว และเขาก็ตัดสินใจจะลองสมัครสอบเข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่เขาคิด ครั้งนี้โรงเรียนศิลปะไม่อนุญาตให้เขาเข้าสอบด้วยซ้ำ
อดอล์ฟยิ่งผิดหวังหนักกว่าเดิม
อดอล์ฟไม่ยอมที่จะอับอาย เขาไม่ยอมบอกกัสต์ว่าเขาล้มเหลว เขากลับย้ายออกจากห้องเช่าโดยไม่บอกกัสต์ และไปหาเช่าห้องที่ใหญ่ที่สุดที่เขาพอจะเช่าได้
อดอล์ฟฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ และเขาก็พบบทความที่น่าสนใจ
บทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์ กล่าวว่าชาวเยอรมันที่มีผมบลอนด์ ตาสีฟ้าคือผู้ปกครองที่แท้จริง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความยิ่งใหญ่และสามารถนำทางประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
แต่ในขณะเดียวกัน บทความก็ได้กล่าวถึงชาติพันธุ์ที่ด้อยกว่า ชาติพันธุ์ที่มีผมสีเข้ม ผิวเข้ม และเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความหายนะทั้งหมด
ลักษณะชาติพันธุ์ที่อดอล์ฟยอมรับว่าเหมาะจะเป็นผู้นำ
อดอล์ฟสนใจบทความนี้มาก ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีผมบลอนด์ แต่เขาก็มีดวงตาสีฟ้าและพูดภาษาเยอรมัน
ด้วยความที่เขากำลังสิ้นหวัง เมื่อเขามองไปยังผู้คนรอบๆ ตัว และพบว่าคนจำนวนมากมีผมสีเข้ม มีลักษณะที่ต่างไปจากชาติพันธุ์ที่เป็นผู้นำในอุดมคติ เขาก็เกิดความโกรธแค้นและโทษว่าความโชคร้ายทุกอย่างของเขามาจากคนเหล่านี้
ในเวลานี้ อดอล์ฟได้ใช้เงินมรดกจากแม่จนหมดแล้ว เขาจึงเหลือเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพียงเล็กน้อย
อดอล์ฟยังคงฮึกเหิมและไม่ยอมรับความตกต่ำ เขายังคงไม่หางานทำ ถึงแม้ว่าเงินที่มีจะจ่ายค่าห้องเช่าไม่ไหวแล้วก็ตาม
ภายหลังจากแยกจากกัสต์เพียงแค่ปีเดียว อดอล์ฟในวัย 20 ปีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าร่วมกับพวกขอทานและพวกขี้เมา นอนข้างถนนและคุ้ยถังขยะเพื่อหาเศษอาหาร
ขอทานในยุโรป
ในช่วงเวลาตกต่ำนี้เอง อดอล์ฟได้รับจดหมายจากป้าของเขา ซึ่งป้าของเขานี้ก็เป็นห่วงเขามาก ป้าจึงได้เขียนจดหมายมาหาพร้อมส่งเงินมาให้ก้อนหนึ่ง
อดอล์ฟจึงร่วมมือกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกัน ใช้เงินที่ป้าให้มาเปิดธุรกิจของตนเอง โดยอดอล์ฟจะวาดภาพทิวทัศน์ของเวียนนา ส่วนเพื่อนจะนำภาพไปขายตามโรงเบียร์ต่างๆ
แต่ถึงแม้ภาพวาดของอดอล์ฟจะขายได้ดี แต่เขาก็แตกคอกับเพื่อนเรื่องเงิน โดยอดอล์ฟกล่าวว่าเพื่อนคนนี้โกงเงินค่าภาพวาด อดอล์ฟจึงแจ้งความและขอให้ชายชาวยิวคนหนึ่งขายภาพวาดให้
หนึ่งในภาพวาดฝีมืออดอล์ฟ
อดอล์ฟพักอยู่ในเวียนนาอีกกว่าสองปี ซึ่งเขากำลังรอที่จะมีอายุครบ 24 ปี เพื่อที่จะได้รับมรดกของพ่อ
อดอล์ฟบอกกับคนอื่นๆ ว่าเขาจะไปเยอรมนีเพื่อศึกษาศิลปะ และเมื่อเงินก้อนแรกมาถึง อดอล์ฟก็เก็บของและมุ่งสู่มิวนิค เมืองในประเทศเยอรมนี
เมื่ออดอล์ฟมาถึงมิวนิค เขาก็ตกหลุมรักเมืองนี้ในทันที
มิวนิคเต็มไปด้วยถนนที่กว้างใหญ่ แกลเลอรี่ศิลปะ และสถาปัตยกรรมสวยๆ มากมาย แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของเยอรมนี
มิวนิคในยุคเก่า
แต่ชีวิตที่มิวนิคของอดอล์ฟก็ไม่ใช่จะประสบความสำเร็จนัก เขาตัดสินใจไม่เข้าเรียนในโรงเรียนสอนศิลปะ เนื่องจากเขาคิดว่าเขารู้ทุกอย่างแล้ว
อดอล์ฟได้หาเลี้ยงชีพด้วยการวาดภาพโปสต์การ์ดและนำไปขายตามโรงเบียร์
ชีวิตของอดอล์ฟจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา