4 เม.ย. 2020 เวลา 03:00 • บันเทิง
MovieTalk ภูมิใจเสนอ นิยายบู๊ภูธร
“บางบอกดิก” ตอนที่ 7
โดย มูฟวี่ เมืองกรุง
ความเดิมตอนที่แล้ว
แว่น เลี้ยงยายพยายามหาทางล้วงความลับจากเสกด้วยการพามาเที่ยวที่ โชโกะเลาจ์ และหวังจะให้น้อง ๆ เพื่อนของพิ้งค์หาทางล้วงความลับจากเสกหลังจากเริ่มเมา
ในขณะที่วันรุ่งขึ้น พ่อเลี้ยงก้อมส่งเต้ เบียร์วุ้นไปคุมงานส่งอาวุธสงครามให้พวก ผกค. ที่ชายแดน แต่ระหว่างทางเลียบหน้าผาก็ถูกกลุ่มคนลึกลับปล้นชิงอาวุธและระเบิดรถทิ้งจนเสียหาย ส่วนกลุ่มคนลึกลับวางแผนจะล้างแค้นทั้งพ่อเลี้ยงก้อมและผู้ใหญ่ข้าว
ส่วนทางด้านนายหัวเฉื่อยที่นอนสลบไสลหลังจากจัดเต็มกับสาว ๆ จึงเป็นหน้าที่ของกานต์ บัญชีที่จะต้องไปพบกับนักธุรกิจชาวจีนที่เดินทางมาอย่างลับ ๆ มิสเตอร์ท็อป เหลียง
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ขอเชิญติดตามอ่าน “บางบอกดิก” ได้ ณ บัดนี้...
บางบอกดิก ตอนที่ 7
แสงแดดแผดเปรี้ยงยามใกล้เที่ยงจนสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่ลอยขึ้นมาจากพื้นดิน รถเบนซ์ 230E สีครีมขับฝ่าฝุ่นดินลูกรังจนทำให้สีครีมแทบจะเปลี่ยนเป็นสีส้มไปแล้วครึ่งค่อนคัน
เมื่อเห็นป้ายลูกศรชี้ทางไป “บ้านบางบอกดิก” รถเบนซ์คันดังกล่าวชลอตัวก่อนจะเลี้ยวไปตามทิศทางที่ป้ายบอก
ร้านเฮียหมู ท่ารถบอกดิก
เสียงสับหมูดังโป๊ก ๆ มาจากหลังร้าน เฮียหมูที่กำลังง่วนอยู่กับการใช้ปังตอสับหมูบนเขียงอย่างเมามัน พลางครวญตามโฆษณา
เฮียหมู ท่ารถบอกดิก
“เสียงอะไร...”
“เสียงสับหมู”
เสียงหวาน ๆ ปนขึ้นจมูกนิด ๆ เจื้อยแจ้วตอบ
“หอมอะไร...”
“หอมหมูสับ...” เสียงเจื้อยแจ้วนั้นรับลูก
เฮียหมูแย้มยิ้มให้เจ้าของเสียงพร้อมกับพูดขึ้น
“อาตอง ลื้อเป็นลูกคู่อั๊วแบบนี้ เดี๋ยวเฮียหมูทำมาม่าหมูสับให้ลื้อเจี๊ยะนะ ปูเหลียวจะแถมไข่ต้มให้ล่วย”
ใบตอง ชนแดน
ใบตอง ชนแดน น้องสาวของใจดีนั่นเอง เธอมานั่งอยู่ที่ร้านเฮียหมูได้สักพักแล้ว
“ดีเลยเฮียหมู ตองกำลังหิวเลย”
“ว่าแต่ว่า....เจ้านายลื้อยังไม่มาอีกเหรอ?”
“เดี๋ยวคงมาถึงแล้วล่ะเฮีย...ถ้าไม่หลงทางนะ....”
พิภพและยักษ์ ปักเลน พร้อมลูกสมุนอีกสองคนนั่นอยู่ที่โต๊ะเดิม พลางชำเลืองมองมาทางตองเป็นระยะ ๆ
พิภพเลียริมฝากปาก พร้อมกับลูบศรีษะล้านไร้ผมหนึ่งครั้ง พลางหันมาสบตากับยักษ์ ปักเลน ก่อนพยักหน้าให้กัน
พิภพ หัวล้าน
พิภพลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปหาตองที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปอีกสามตัว โดยมียักษ์ ปักเลน และลูกสมุนอีกสองเดินตามมาด้วย
โดยไม่รอช้า พิภพถือวิสาสะลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ จนตองต้องตกใจ ที่เห็นชายหัวล้านไว้หนวด ท่าทางหื่น
มานั่งข้าง ๆ เธอ
“น้องสาว” พิภพเอ่ยพร้อมกับลูบหนวด “มาคนเดียวเหรอจ้ะ?”
“ค่ะ” ตองตอบสั้นห้วน และหวังว่าตอบเสร็จพวกพิภพจะจากไป
“มาคนเดียวแบบนี้ พี่เห็นน้องคงเหงา เลยมานั่งเป็นเพื่อนน่ะจ้ะ”
พิภพทำเจ้าชู้ยักษ์ต่อแถมเริ่มใช้มือของตนเองไปจับมือของตองที่วางอยู่บนโต๊ะ
ตองตกใจชักมือกลับ พร้อมกับลุกขึ้น
“สุภาพด้วยค่ะ” ตองตอบอย่างไม่พอใจ
พิภพยกมือข้างที่เพิ่งจับมือตองขึ้นมาสูดดม พลางยิ้มอย่างหื่น ๆ
“ห๊อม...หอม....ไม่รู้ว่าตัวจะหอมแบบนี้ไหม?”
ว่าแล้วพิภพก็ลุกขึ้นทำเจ้าชู้ยักษ์เข้าหาตอง พร้อมด้วยยักษ์ปักเลน และลูกสมุนที่ล้อมตองไว้ทั้งสี่ด้าน
ตองเริ่มมีทีท่าตกใจกลัว เมื่อพวกของพิภพกระชับวงล้อมให้แคบเข้ามา
“ช่วยด้วยเฮียหมู...ช่วยด้วยตองด้วย....”
“ร้องทำไมจ้ะน้องสาว...แถวนี้ใครจะกล้ามาช่วยเธอ...” พิภพตอบพลางเลียริมฝีปาก
เฮียหมูคว้าปังตอวิ่งออกมาจากหลังร้านทันที
“ใครวะ...บังอาจมาลวนลามผู้หญิงกลางวันแสก ๆ ต้องเจอกะเฮียหมูปังตอ....หด”
เฮียหมูที่กะจะพูดว่า “โหด” แต่พอเห็นหน้าของพิภพเข้าก็กลายเป็น “หด” แทนเสียแล้ว
ยักษ์ ปักเลน
ยักษ์ปักเลนหันมาถลึงตา
“ไอ้หมู ถ้าเอ็งไม่อยากถูกพังร้าน กลับไปสับหมูบะช่อต่อเลย”
เฮียหมูวิ่งพรวดกลับเข้าหลังร้านตามคำสั่งทันที
ตองเริ่มหน้าเสีย เมื่อเห็นว่าเฮียหมูช่วยเหลืออะไรตนเองไม่ได้
พิภพยื่นมือขวาอันหยาบกร้านออกมาหมายจะลูบไล้แก้มของตอง
แต่ฉับพลันก็มือของพิภพก็ชะงักเพราะถูกอีกมือหนึ่งจับข้อมือไว้
มือที่จับข้อมือขวาของพิภพ เปลี่ยนแปลงด้วยการพลิกข้อมือของพิภพไปด้านหลังของตนเองจนพิภพต้องร้องโอ๊ยดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ยังไม่ทันจะทำอะไร ระหว่างที่พิภพถูกพลิกข้อมือไปด้านหลัง เท้าข้างหนึ่งก็ยันโครมจนพิภพกระเด็นลงไปกองกับพื้น
ยักษ์ปักเลน และลูกน้องหันมามองคนที่กล้าลงมือกับลูกพี่ตัวเอง ทั้งหมดก็จำได้ทันที
พิภพลุกขึ้นปัดฝุ่นด้วยความอาย ก่อนจะถลึงตามองว่าใครที่บังอาจมาถีบตนเอง แต่แล้วก็สะดุ้งเฮือก
บี บางรัก
คนที่จับข้อมือพลิกและถีบซ้ำคือ บี บางรัก นั่นเอง ส่วนถัดไปด้านหลังคือ นก บางรัก น้องสาวของบี
“เอ็งอีกแล้วนะ ไอ้หน้าละอ่อน คราวก่อนมีคุณหนูพิม
อยู่ เอ็งถึงรอด มาคราวนี้เอ็งถูกพวกข้ากระทืบแน่”
พิภพโบกมือให้สัญญาณ ลูกน้องสองคนปรี่เข้ากระหนาบข้างซ้ายขวาของบี บางรัก
บีกวาดตามองซ้ายทีขวาทีด้วยความระมัดระวัง พร้อมกับเบี่ยงตัวสี่สิบห้าองศา ตั้งการ์ดกำหมัดขึ้น
มือซ้ายป้องหน้าบริเวณคาง ส่วนมือขวาอยู่ด้านหน้าเตรียมชกออก
ลูกน้องพิภพคนทางซ้ายเป็นฝ่ายปรี่เข้าต่อยบี แต่บีแย็ปขวาออกติด ๆ กันสองครั้งอย่างรวดเร็ว หมัดแย็ปขวาสองครั้งกระแทกใส่หน้าของชายที่เข้ามา จนหน้าหงาย
ลูกน้องอีกคนที่เห็นบีเปิดช่องว่างด้านหลังรีบฉวยโอกาสปรี่เข้าทำร้าย แต่แล้วก็ถูก
กำปั้นหนึ่งเสยเข้าที่ปลายคาง
เป็นกำปั้นของนกนั่นเอง
นกปราดมายืนหันหลังชนกับบี พลางยกแขนขึ้นตั้งการ์ดด้วยท่วงท่าเดียวกับบี
ลูกน้องที่ถูกนกตะบันหน้าลุกขึ้นอย่างุนงง พลางสลัดศรีษะก่อนจะปรี่เข้าหานกอีกรอบ
นกใช้ออกด้วยท่า “มอญยันหลัก” ใช้เท้าซ้ายยันเข้าไปที่ท้องน้อยจนหงายหลัง ก่อนจะตามเข้าไปฟันศอกเข้าใส่หน้าจนชายคนนั้นคิ้วแตก ร้องโอดโอย
พิภพที่ยืนดูอยู่ถึงกับตะลึง ครั้งก่อนที่เจอกัน ตนเองคิดว่าผู้หญิงผมสั้นดูทอมบอยคนนี้คงไม่มีพิษสงอะไร แต่พอเห็นแบบนี้ถึงกับนึกในใจ
“โชคดีที่กูไม่โดนแบบนั้น แผลแตกแอนตาซิลจ่าย...”
ข้างฝ่ายบีที่กระโดดเตะก้านคอของคู่ต่อสู้จนหลับกลางอากาศ
ยักษ์ปักเลน
ยักษ์ ปักเลน เห็นลูกน้องสองคนถูกเล่นงาน ก็รีบย่างสามขุมเข้าหาบีทันที
บีจำได้ว่าครั้งก่อนเกือบจะปะทะกับยักษ์ ปักเลน ที่ตัวใหญ่ยักษ์สมชื่อ
บีรีบก้าวเท้าขวาพร้อมกับย่อตัวต่ำเข้าหาฝ่ายรุก งอเข่าขวา ขาซ้ายตึง ย่อตัวต่ำเอนไปข้างหน้า น้ำหนักตัวอยู่บนขาขวา ฉับพลัน บียืดเท้าขวายกตัวเป็นแหนบ พร้อมกับพุ่งหมัดชกขวาเสยใต้คางของยักษ์ปีกเลนจนหน้าเงย แขนซ้ายของบีกำบังอยู่ตรงหน้าเสมอคาง ที่ใช้ออกดคือแม่ไม้ “ยกเขาพระสุเมรุ”
ยักษ์ปักเลนถูกหมัดขวาของบีเสยเข้าปลางคางอย่างแรง เสียงดัง”ป๊อกกก” ถึงกับหลับกลางอากาศไปอีกคน ร่างใหญ่ยักษ์ล้มตึง นอนมึนอยู่บนดินลูกรังที่ร้อนระอุ
พิภพเห็นลูกน้องทั้งสามนอนจมอยู่กับพื้น พร้อมกับบีที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาทางตนเอง
โดยไม่รอช้า พิภพวิ่งไปที่รถจิ๊บ สตาร์ทรถเสียงดังลั่น พลางกล่าวอาฆาต
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ว่าแล้วก็สตาร์ทรถออกไป โดยมีลูกน้องสองคนที่หิ้วปีกยักษ์ ปักเลนวิ่งตามไปได้สักพักก่อนที่รถจิ๊ปจะหยุดรอรับขึ้นรถและวิ่งออกไปพร้อมกับฝุ่นตลบคลุ้งบริเวณ
บีหันกลับ และเดินมาหาหญิงสาวที่กำลังตกใจ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” บีถามด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ แฝงความห่วงใย
ตองที่หายตกใจ มองหน้าชายหนุ่มที่ถาม พอสบสายตาที่ดูอบอุ่นของบี ตองก็เกิดอาการหน้าร้อนผ่าว แก้มแดงขึ้นมา
“ตายจริง...นี่พวกมันบีบแก้มคุณจนแดงเหรอครับ?”
บีถามขึ้นเมื่อเห็นแก้มของตองเป็นสีแดง
“ป...เปล่าค่ะ....เอ่อ....คง....” ตองไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่อ้ำอึ้ง “คง...ตกใจกระมังคะ”
พูดจบก็รีบหันหลังให้บีทันที ด้วยความเขินอายด้วยกลัวบีจะเห็นเธอหน้าแดงกว่าเดิม
“แล้วเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
บียืนถามอยู่ด้านหลังของตอง
ส่วนตองพยายามรวบรวมสติ สูดลมหายใจนับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะหันกลับมา แต่พอสบสายตาอบอุ่นของบี ก็หน้าร้อนผ่าวอีกรอบ แต่ครั้งนี้ ตองเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยตองไว้จากพวกอันธพาล”
“ยินดีครับ ผมกำลังจะหาข้าวเที่ยงกินเดินมาที่ร้านนี้ก็เจอเข้าพอดี พวกนี้ครั้งก่อนก็เคยเกือบลวนลามน้องสาวผมครับ”
นกเดินตามมาสมทบพอดี ระหว่างนั้นเธอเฝ้าจับตาและสังเกตเห็นท่าทีของตองอยู่ก่อน เธอดูออกว่าหญิงสาวตรงหน้าพี่ชายของเธอกำลังเขินให้พี่บีอยู่
นกยิ้มให้ตองอย่างมีเลศนัย
“ครั้งก่อนถ้าไม่เห็นว่าเป็นสถานที่ในวัด นกคงจัดการพวกนี้ไปแล้วฮะ”
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ทั้งสองคน...”
นกโน่ บางรัก
นกคล้ายดูออก เธอจึงแนะนำตัวเอง
“นกฮะ ส่วนนี่คือพี่ชายนกชื่อบีฮะ”
“บี บางรักครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณตอง” บีเอ่ยแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มให้
“รอยยิ้มชวนใจละลายเหลือเกิน” ตองบอกกับตัวเองในใจ ก่อนจะตอบ “ใบตอง ชนแดนค่ะ แต่คนที่สนิทเรียกสั้น ๆ ว่า ตองค่ะ”
“งั้นผมเรียกตองด้วยจะอนุญาตไหมครับ?” บีส่งยิ้มพลางถามกลับ
“เอ่อ...ค่ะ...” ตองตอบพลางก้มหน้าด้วยความเขิน
นกใช้ศอกกระทุ้งสีข้างบีเบา ๆ ก่อนพูดขึ้น
“นกหิวแล้วนะพี่บี เมื่อกี้ใช้พลังไปเยอะนะ”
ตองรีบเอ่ยชวน “งั้นเข้าไปนั่งทานอาหารในร้านเฮียหมูในร้านก่อนมั๊ยคะ”
“ดีครับ” บีตอบ
ตองเดินนำหน้า โดยมีบีเดินตาม และนกรั้งท้าย
ตองที่เดินอยู่ข้างหน้ารู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรงกว่าปกติ พลางคิดในใจ
“เหมือนนิยายในหนังสือบางกอกที่เราอ่านเลย นางเอกกำลังจะถูกลวนลาม ก็มีพระเอกรูปหล่อขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ได้ทัน”
พอคิดถึงตอนนี้ ตองยิ่งคิดยิ่งเขิน
ในห้องทำงานของนายหัวเฉื่อย
นายหัวเฉื่อยที่ท่าทีเหมือนคนหมดแรง นั่งอยู่หัวโต๊ะพลางดมยาดม ซดยาหอมเป็นพัก ๆ
นายหัวเฉื่อย
มิสเตอร์ท็อป นั่งมองดูท่าทีของนายหัวเฉื่อยด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา โดยมีคนขับเครื่องบินที่อยู่ในชุดสูทสีดำสวมแว่นดำยืนสงบนิ่งอยู่ด้านหลัง
ที่นั่งข้าง ๆ นายหัวเฉื่อยคือ กานต์ บัญชี ได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ ที่เจ้านายตัวเองดูหมดสง่าราศีแบบนี้
ส่วนอ๊อด พากินแอบหลบออกมาจากห้องทำงานเพื่อไปเล่นกับแมวตัวสีส้มที่ชื่อ “ชาเย็น”
“ดูท่าทางนายหัวเฉื่อยจะไม่ค่อยสบายนะครับ” ท็อปเอ่ยขึ้น
“ใช่...ผมไม่ค่อยสบายครับช่วงนี้ มีหลายโรครุมเร้า” นายหัวเฉื่อยตอบ
“โรคคึกคักไม่ดูอายุล่ะไม่ว่า” กานต์ตอบในใจ
“แล้วผมบินข้ามประเทศมาตั้งไกล เราจะได้ตกลงเรื่องธุรกิจกันไหม?” ท็อปถามขึ้น
“ได้สิ มิสเตอร์ท็อปคุยกับกานต์ได้เลย ผมมอบหมายให้เขาจัดการแทนผมทุกเรื่อง...”
นายหัวเฉื่อยพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ
“ผมต้องขอโทษด้วย แต่หมอให้ผมนอนพักเยอะ ๆ ทุกอย่างที่กานต์ตัดสินใจก็เหมือนผมตัดสินใจ ผมต้องขอตัวก่อนนะ”
นายหัวเฉื่อยกล่าวขึ้นพลางใช้ไม้เท้าประคองตัวเองเดินออกจากห้องทำงาน
มิสเตอร์ท็อป เหลียง
มิสเตอร์ท็อป เหลียงนิ่งเงียบ รออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมผิดหวังมาก ๆ การแสดงออกแบบนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติผมเลย...”
“ใจเย็นนะครับ นายหัวท่านไม่สบายจริง ๆ หมอให้พักผ่อนเยอะ ๆ ครับ อำนาจการตัดสินใจอยู่กับผมครับ”
มิสเตอร์ท็อปใช้ดวงตาเย็นชาจับจ้องมองกานต์ เหมือนจะมองลึกให้เห็นว่าเป็นคนเช่นไร พลางกล่าวขึ้น
“ผมว่า คุณกานต์ดูจะเหมาะสมกับตำแหน่งนายหัวมากกว่าเสียอีกนะ คนจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง”
“เอ่อ...ผมก็แค่พนักงานบัญชีเองครับมิสเตอร์ท็อป” กานต์ก้มหัวนิด ๆ อย่างถ่อมตน
“คนเก่งจริงจะไม่อวดตัว คนอวดตัวมักไม่เก่งจริง คุณเคยได้ยินสำนวนนี้นะ?”
“ครับ”
“คุณคงเข้าใจความหมายของมัน บางทีเพชรมันก็จมอยู่ในโคลนตม แต่พอล้างเราจึงจะพบค่าของมัน”
กานต์รู้สึกกระหยิ่มใจจากคำพูดนี้ แต่เจ้าตัวก็ไม่แสดงสีหน้าท่าทีใด ๆ ออกมาให้มิสเตอร์ท็อปเห็น
มิสเตอร์ท็อปหันมาทางคนสนิทที่ยืนอยู่
“ซันเจิ้น...”
ซันเจิ้น คล้ายรู้หน้าที่ หยิบกระเป๋าเจมส์บอนด์ขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงหน้ามิสเตอร์ท็อป
ซันเจิ้น
มิสเตอร์ท็อปเปิดกระเป๋าออก ข้างในเป็นห่อสีน้ำตาลขนาดเท่ากับถุงน้ำตาลทรายหนึ่งกิโลกรัม บนห่อปั๊มตราด้วยหมึกสีแดง เป็นรูปสิงโตเหยียบลูกโลก
“นี่คือเฮโรอีน เกรดดีของผม เราตั้งใจจะให้คุณเป็นดีลเลอร์ในไทยเพื่อกระจายสินค้าเหล่านี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน”
กานต์มองห่อเฮโรอีนในกระเป๋าที่วางเรียงราย พลางถามขึ้น
“ทางมิสเตอร์ท็อปอยากให้เราช่วยสนับสนุนด้านไหนครับ?”
“ผมทราบว่านายหัวเฉื่อยมีคอนเนคชั่นกับนักธุรกิจหลายคนที่เป็นคู่ค้า ถ้าดึงมาได้ เราจะสามารถขนถ่ายสินค้าไปได้ทั่วทุกภาคและยังใช้ที่บ้านบางบอกดิกไปฮับสำหรับลงสินค้าก่อนจะกระจายไปตามภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อีกด้วย ผมประมาณการเบื้องต้นไว้ที่สิบล้านสำหรับเม็ดเงินที่เราจะได้กลับมา”
กานต์ตาลุกวาว พร้อมกับใช้ความคิดคำนวณตามหลักการบัญชีและการลงทุนถ้า
นำเงินก้อนนี้ไปต่อยอด
กานต์ บัญชี
“คุณคิดว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมนักธุรกิจที่เป็นคู่ค้าของนายหัวเฉื่อยได้ไหม คุณกานต์”
มิสเตอร์ท็อปถามพร้อมกับจ้องตาเขม็งเหมือนต้องการคำตอบ
“ผมเชื่อว่าผมมีนักธุรกิจที่เป็นตัวเลือกอันเหมาะสมครับ ถ้าเรื่องการตลาด ก็ต้องเสี่ยอู๋ ยุคใหม่ แต่ถ้าเรื่องนำเข้าส่งออกก็ต้องเป็น เฮียส่ง สุดขอบฟ้า ครับ”
“งั้นผมคงต้องฝากความหวังไว้ที่คุณกานต์แล้วนะ”
มิสเตอร์ท็อปพูดจบก็ลุกขึ้นพลางยืนขวาออกมาเป็นสัญญาณตกลงทำธุรกิจ กานต์ลุกขึ้นและรีบจับมือตอบทันควัน
ทั้งหมดหัวเราะขึ้นพร้อม ๆ กัน
“โอ๊ย...อิ่ม ๆ ๆ “ นกเอ่ยขึ้น
บีมองดูบนโต๊ะ ตรงหน้านกมีชามก๋วยเตี๋ยวซ้อนกันสองชามใหญ่
“เธอกินจุเกินหญิงไปรึเปล่านก?” บีเอ่ยถามน้องตัวเอง
“อ้าว...นกใช้พลังงานเยอะนี่พี่บี” นกตอบพร้อมกับยกโอเลี้ยงขึ้นมาสูดอึกใหญ่ “อีกอย่างเฮียหมูแกทำมาม่าหมูสับอร่อยจริง ๆ อย่างที่ตองว่า”
“ทำไมสนิทกันเร็วจัง สองคนนี้” บีเอ่ยถาม พลางชำเลืองมองหน้าตอง “ขอโทษนะครับคุณตอง”
“อุ้ย...ไม่เป็นไรค่ะ สนิทกันสิคะดีออก กันเองดีค่ะ” ตองรีบตอบอย่างเขิน ๆ
ขณะนั้นเองรถเบนซ์สีทองที่ถูกเคลือบด้วยฝุ่นดินแดงก็แล่นมาหยุดตรงหน้าร้านเฮียหมู ประตูรถเบนซ์เปิดออก พร้อมกับหนุ่มใหญ่ในชุดสูทสากล ท่าทางดูภูมิฐานก้าวลงมาจากรถ พลางเหลียวซ้ายแลขวา
ตองที่มองออกไปเห็นรีบวิ่งออกไปหา พร้อมกับยกมือไหว้ พลางเชื้อเชิญเข้ามานั่งในร้านของเฮียหมู
ตองเอ่ยแนะนำ
“เจ้านายคะ นี่คุณบีกับคุณนกค่ะ เพื่อนตองเอง”
“คุณบี คุณนก นี่คือเสี่ยอู๋ ยุคใหม่ เจ้านายของตองค่ะ”
เสี่ยอู๋ ยุคใหม่ ทัวร์ยุคใหม่ตลาดไทย
“สวัสดีครับทุกท่าน” เสี่ยอู๋ตอบ
“เสี่ยอู๋ เจ้าของทัวร์ยุคใหม่ตลาดไทยเหรอครับ” บีเอ่ยถาม
“อ้าว...รู้จักด้วยเหรอครับ” เสี่ยอู๋ย้อนถาม
“ผมกับน้องสาวเป็นนักร้อง พวกเราใช้บริการรถทัวร์ยุคใหมเดินทางไปทั่วถิ่นแดนไทยครับ” บีตอบ
“โอ้...ผมดีใจมาก ได้เจอแฟนตัวจริงแบบนี้” เสี่ยอู๋แย้มยิ้มอย่างมีความสุข “เอางี้...ตอง...ผมฝากคุณจัดหาบัตรวีไอพีให้คุณบีกับคุณนกพกไว้นะ ใช้ได้ใช้เป็นส่วนลดเวลาซื้อตั๋วรถทัวร์ครับ”"
“ขอบคุณมากครับ” บีกล่าวตอบพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ
“คุณพ่อคะ เป็นสถานที่อันน่าสนใจจริงแท้เลยค่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งท่าทางรักและดูเป็นมิตรกับทุกคน
ลงมาจากรถเบนซ์และเดินเข้ามาสมทบ
เสี่ยอู๋รีบแนะนำ
“นี่ลูกสาวผมครับ ชื่อแบมแบม”
เด็กสาวแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรยกมือไหว้ทุกคนอย่างอ่อนน้อมพร้อมกับกล่าว
“ยินดีที่ได้รู้จักมาก ๆ เลยค่ะ”
แบมแบม ลูกสาวเสี่ยอู๋
“เจ้านายตองตั้งใจจะมาดูทำเลที่ตั้งสำหรับสร้างสถานีขนส่ง โดยจะพัฒนาเป็นท่ารถที่ทันสมัย สามารถรองรับรถทัวร์ได้ค่ะ” ตองอธิบายเพิ่ม
“ผมมองว่าบ้านบางบอกดิกมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ ที่นี่น่าจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ไม่ว่าจะเที่ยวภูเขา น้ำตก วัดวาโบราณ วิถีชีวิตแบบท้องถิ่น และเรื่องลี้ลับ”
“เรื่องลี้ลับ...?” บีกับนกแทบจะทวนคำพร้อมกัน
“อ้าว...คุณสองคนไม่เคยได้ยินตำนานของที่นี่เหรอ?” เสี่ยอู๋ย้อนถาม
ทั้งบีและนกต่างก็ส่ายหน้า
“งั้นต้องให้ลูกสาวผมเล่าเสียแล้ว เธอชอบมีเรื่องเล่าบนดาวนี้มาให้ฟังเสมอ”
เสี่ยอู๋หัวเราะอย่างภูมิใจลูกสาวแล้วก็นั่งลง ทุกคนต้องนั่งตาม แบมเห็นว่าทุกคนนั่งมองมาทางเธอด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ ก็อดยักไหล่ด้วยความเขิน แล้วก็เริ่มเล่า
“ตำนานบางเรื่องก็ดูลึกลับและเรียกร้องความสนใจจากผู้คน ลึกเข้าไปในหุบเขาบอกดิก มีสถานที่หนึ่งที่ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าย่างกรายเข้าไป เพราะสถานที่แห่งนั้นเรียกว่า “ป่าพยนต์”
ป่าพยนต์เป็นป่าที่อยู่ส่วนลึก ใครก็ตามที่หลงเข้าไปล่าสัตว์ในป่าส่วนลึกซึ่งเป็นพื้นที่ของป่าพยนต์ จะต้องตายหมดสิ้น ไม่มีใครได้กลับออกมาอย่างมีชีวิต ร่ำลือกันว่าเป็นฝีมือของพรายพยนต์...”
ป่าพยนต์...พรายพยนต์
“พรายพยนต์....?” บีทวนคำ
“ค่ะ...พรายพยนต์เป็น...แบมไม่แน่ใจว่าควรเรียกว่าอะไรนะคะ...เป็นบางสิ่งที่เมื่อปรากฏตัว มีเรื่องเล่าว่า เคยมีคนต่อสู้กับพรายพยนต์แล้วใช้ดาบฟันเต็มแรง แต่พรายพยนต์ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ แต่คนนั้นก็ถูกบีบคอตาย มีชาวบ้านมาพบศพในอีกสามวันถัดมา แววตาเหลือกโพลง รอบคอมีรอยคล้ำคล้ายถูกบีบคอจนตายค่ะ”
ทั้งนกและตองที่นั่งฟังอยู่อดสยิวกายด้วยความกลัวไม่ได้
“ด้วยเหตุนี้พื้นที่ตรงนั้นจึงมีการล้อมรั้วกั้นอาณาเขตไว้ไม่ให้ใครบุกรุกเข้าไปค่ะ ลึกเข้าไปในป่าพยนต์จึงเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ได้ยินว่ามีสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากมายอาศัยอยู่อย่างสุขสงบด้วยนะคะ บางทีพรายพยนต์อาจเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาที่ปกปักษ์รักษาคุ้มครองสัตว์ป่าเหล่านั้นก็เป็นได้ค่ะ”
“แต่แบมไม่อยากให้คุณพ่อไปยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่ตรงนั้นเลยนะคะ เรานำความเจริญเข้ามามันจะกลายเป็นรุกล้ำพื้นที่ธรรมชาติรึเปล่าคะ?” แบมหันมามองตาแป๋วไปที่พ่ออู๋ของเธอ
“พ่อมีความรับผิดชอบพอนะลูก พ่อจะไม่เข้าไปทำลายสมดุลทางธรรมชาติเด็ดขาด”
“เป็นตำนานที่น่าสนใจมากเลยครับ ผมเองชักอยากไปค้นหาความจริงแล้วสิ...” บีกล่าวขึ้น
“อย่าไปเลยนะคะคุณบี” ตองเอ่ยปรามพร้อมกับเผลอเอามือทั้งสองข้างมากุมที่ต้นแขนของบีด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวคล้ายรู้สึกตัวรีบชักมือกลับ ก่อนจะพูดกลบเกลื่อน
“เอ่อ...ตองคิดว่าเราอย่าไปท้าพิสูจน์เลยค่ะ ยังไง...เราก็คนไทยนะคะ...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
“คุณตองเป็นห่วงผมเหรอครับ?” บีย้อนถามด้วยสายตานุ่มนวลชวนฝัน
“ก็....ก็...คุณบีเป็นคนดีนี่คะ” ตองตอบเฉไฉ
เสี่ยอู๋ลุกขึ้น “ผมต้องขออนุญาตก่อนนะครับ เราสองพ่อลูกเดินทางมาเหนื่อยมาก อยากพักผ่อนแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันใหม่”
“ตองจะพาเจ้านายตองไปพักที่ไร่สอน ดอยกาแฟของคุณพ่อน่ะค่ะ” ตองเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินตามเสี่ยอู๋และน้องแบมไปที่รถเบนซ์
สองพ่อลูกก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังของรถ
บีกับนกเดินมาส่งตอง บีทำหน้าที่สุภาพบุรุษช่วยเดประตูให้พร้อมกับส่งยิ้มให้ตอง
ส่วนตองสบตากับบีแว่บหนึ่ง สายตาทั้งสองจับจ้องกันเนิ่นนานจนนกต้องกระแอมขึ้น ทั้งคู่จึงคล้ายหลุดจาภวังค์
“ผมจะได้เจอกับตองอีกไหมครับ?” บีถามขึ้น
“น่าจะได้เจอนะคะ เพราะตองต้องไป ๆ มาแถวนี้อยู่แล้วค่ะ” ตองตอบด้วยน้ำเสียงอาวรณ์
“งั้นผมคงมีโอกาสได้เจอกับตองอีกนะครับ” บีส่งยิ้มชวนใจละลายให้
ตองหน้าร้อนผ่าวเมื่อสบสายตาและเห็นรอยยิ้มนั้นของบี แก้มเธอแดงอีกครั้งแล้วรีบขึ้นรถ
รถเบนซ์เคลื่อนออกไปพร้อมกับตองที่โบกมือลาบีกับนกอย่างอาลัยอาวรณ์
ส่วนบียืนส่งสายตาจนรถเบนซ์คันนั้นลับหายไปในฝุ่นที่ปลิวฟุ้ง
นกมองตามก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งสีข้างพี่ชายอีกครั้ง
“นกรู้สึกเดจาวู เหมือนเคยเห็นภาพแบบนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้นะพี่บี อยากให้เขาอยู่ต่อล่ะสิ เจ้าชู้ใช่ย่อยนะเราน่ะ อย่าบอกนะว่าลืมคุณพิมไปแล้ว”
บีหันมายิ้มแก้เก้อก่อนจะบ่นขึ้น
“เกลียดคนรู้ทัน” แล้วก็รีบสาวเท้าไปโดยมีนกวิ่งตามไป
….
โปรดติดตามตอนต่อไป
….
หลังกล้อง “บางบอกดิก” ตอนที่ 7
เคยเปิดตัวไปแล้วเมื่อตอนที่ 4 สำหรับ ใบตอง ชนแดน น้องสาวของ ใจดี ชนแดน ซึ่งเป็นการนำแคแร็กเตอร์ของน้องกรีน คู่จิ้นของพี่บีมาสวมบทนี้ในร่างอวตารของตอง ภัครมัย แต่เจ้าตัวคงน้อยใจทำไมฉันไม่มีบทเสียที แต่สำหรับตอนนี้ก็จะมีบทที่สมอารมณ์จิ้นของคุณเธอทีเดียว น่าสนใจว่าถ้าเรื่องดำเนินต่อไป จะเกิดรักสามเส้า บี พิม ตอง รึเปล่าหนอ
ส่วนใครที่สงสัยว่าทำไม พี่บี บางรัก ถึงเจ้าชู้ ผมมองที่แคแร็กเตอร์เขาเป็นหนุ่มที่ดู Nice เป็นนักดนตรี เป็นศิลปิน จึงมีความอ่อนไหว ใกล้ใครก็เผลอไปรักคนนั้น เพราะความที่เขาเป็นหนุ่มชวนฝันนี่ล่ะ ถึงสร้างปัญหาความรักให้ตัวเอง และในตอนนี้คนอ่านจะได้เห็นพี่บีวาดลวดลายแม่ไม้มวยไทย ซึ่งเขาจะมีศิลปะการต่อสู้คนละแนวกับใจดีหรือเสกไปเลย ผมว่ามันน่าสนใจนะ หนุ่มชวนฝันที่เป็นมวยไทย ย้อนแย้งกันดี
นกไดโนสคูลก็มีบทเด่นเพิ่มขึ้น ผมเห็นภาพนกต่อยกระสอบทรายแล้วก็คิดว่า ตัวละครนี้นอกจากผมสั้นแล้วควรจะเป็นแม่ไม้มวยไทยด้วย และตัวละครนกที่มีร่าอวตารเป็นวิว วรรณรท ใส่วิกผมสั้น ผมเองที่อยากได้ตัวละครสาวทอม (ไม่จริง) แบบ “เจ้าฮะ” นกน่าจะเหมาะกับตัวละครนี้ ส่วนพระเอกของเธอจะเป็นใคร ไว้ไปตามลุ้นกันต่อ เพราะมันน่าสนใจว่า ตัวละครแบบเจ้าฮะ จะมีพระเอกประมาณไหนกันเอ่ย
มิสเตอร์ ท็อป เหลียง มีร่างอวตารคือเหลียงเจียฮุย และเป็นตัวละครที่ดึงมาจากเพจ Top Ranking ตัวท็อปเองเป็นคนสนุก มีมุกเฮฮาในบทความเสมอ ผมเลยพลิกให้เขาเป็นคนที่มีสีหน้าเย็นชา ซีเรียสกับทุกเรื่องในชีวิต มันน่าจะเป็นมุมที่ตรงกันข้ามกับตัวจริงของท็อปอย่างสุด ๆ และก็น่าสนใจดี ท็อปจะเป็นตัวร้ายในแบบเดียวกับที่ อลัน ริกแมน เคยเป็น ฮาน กรูเบอร์ในหนังเรื่อง Die Hard มีมาดนิ่ง สุขุม ฉลาด และเลือดเย็น ถ้าพ่อเลี้ยงก้อมคือ ตัวร้ายโหดฮา ท็อปคือตัวร้ายโหดมีคลาส ไม่พูดเยอะ
คนสนิทของมิสเตอร์ท็อปคือ “ซันเจิ้น” หรือ “อาซัน” มือปืนพิทักษ์ข้างกาย เจ้าของเพจคือ ซัน จากเพจ Sun Stories ผมใช้ร่างอวรตารของ ลิฟท์ สุพจน์ ดูน่าจะเหมาะกับซัน เขาจะเป็นตัวละครแบบที่เราเห็นในหนังเจมส์บอนด์ ที่ตัวร้ายจะต้องมีสมุนคู่ใจที่เก่งมาก ๆ จนพระเอกเกือบตาย ซันเจิ้นจะเป็นตัวละครประเภทนั้นที่เราจะแทบไม่ได้ยินเขาพูดเลยในนิยาย แต่ซันเวลามาโผล่ในคอมเมนท์เขามักจะพูดมาก ผมเลยจะไม่ให้เขาพูดในนิยายเรื่องนี้ (ฮา)
ตัวละครใหม่ที่เปิดตัวในตอนนี้คือ
เสี่ยอู๋ ยุคใหม่ เจ้าของทัวร์ยุคใหม่ตลาดไทย คงไม่ต้องบอกนะว่านักเขียนคนไหนรับบทนี้ ผมเป็นคนไปแอบเชิญพี่อู๋มาเล่นถึงบ้านของพี่อู๋ แกก็ตกลง บทไหนก็ได้ และก็มาเม้นท์ทันทีที่เชิญ ผมเลือกบทนักธุรกิจให้พี่อู๋เพราะดูจะเหมาะกันดี ส่วนร่างอวตารของพี่อู๋ ผมนึกถึงอยู่คนเดียว พี่กบ ทรงสิทธิ์ ดูเป็นผู้ใหญ่อบอุ่น ใจดี มีคุณธรรม และแอบฮาเล็ก ๆ แถมเสียงดี เพราะตัวจริงพี่อู๋เสียงดีมาก ร้องเพลงเพราะจนน่าตกใจ
หลายคนรอคอยว่าน้องคนนี้เมื่อไรจะปรากฎตัว ซึ่งผมน่ะคิดไว้แล้วว่าเธอเหมาะจะมาเป็นลูกสาวของเสี่ยอู๋ เจ้าของเพจเรื่องเล่าจากดาวนี้ น้องแบม นั่นเอง แบมมักจะมีประโยคที่เราอ่านแล้วคุ้นในความเป็นแบม เช่นเดียวกับวิธีเล่าเรื่องในโพสต์ของน้อง ผมก็เลยต้องพยายามก็อปความเป็นแบมมาใส่ในตัวละครนี้ เหมือนไหมต้องไปถามเจ้าตัวกันดู ส่วนร่างอวตารของน้องแบมผมนึกไม่ออก กระทั่งต้องให้ผู้ช่วยผู้กำกับผมช่วยเสนอไอเดีย น้องกู๊ดเสนอว่า ควรเป็นเก้า สุภัสสรา หรือ เอสเธอร์ สุปรียา
ผมเลือกเอสเธอร์เพราะน่ารัก เป็นมิตรมากกว่า ส่วนเก้าจะมีออร่าที่เซ็กซี่กว่า
มีที่เอ่ยถึงแต่ยังไม่ปรากฏตัวคือ พี่นำเข้า จากเพจนำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า แน่นอนล่ะพี่นำเข้าต้องมารับบทเป็นนักธุรกิจอีกคนที่ชื่อ เฮียส่ง สุดขอบฟ้า
และนิยายในตอนนี้มีการเล่าถึงตำนานลี้ลับ “ป่าพยนต์” ซึ่งมันจะนำไปสู่เส้นเรื่องในแบบหนังลี้ลับ พวกป่าอาถรรพ์ เรื่องผี ๆ สาง ๆ และจะทำให้ผมไปดึงเอาแคแร็กเตอร์นักเขียนบางคนไม่น่าจะอยู่ในนิยาย มาอยู่ในนิยายจนได้
ส่วนเรื่องราวมันจะเลอะเทอะออกทะเลไหม ผมคิดว่าไม่ เพราะวิธีคิดนี้มันก็เหมือนหนังมาร์เวล ที่เอาจักรวาลเทพของธอร์ โลกไฮเทคแบบไอออนแมน ห้วงอวกาศเอเลียนส์แบบแก๊งการ์เดี้ยนท์ โลกเวทมนต์ของหมอแปลก ดร.สเตรนจ์มาอยู่ในโลกใบเดียวกันได้ ผมก็ใช้วิธีคิดแบบนั้นในการสร้างอต่ละเส้นเรื่องและเชื่อมโยงเข้าหากันแบบเป็นเนื้อเดียว
ยอมรับนะครับว่าเหนื่อยมาก ใช้พลังงาน และจินตนาการมากมายมหาศาลในการสร้างโลกใบนี้ขึ้น โดยต้องอิงพื้นฐานทางแคแรกเตอร์ของเพื่อน ๆ นักเขียนทุกคนคนให้อยู่ในนั้นด้วย แต่ก็มีท้อที่ถูกบางคนมองว่าเราเป็นพวกหวังดาว ปั่นกระแสบางอย่าง ทั้ง ๆ ที่ตรงนี้คือพื้นที่แห่งความสุข คือห้องนั่นเล่น คือสนามเด็กเล่น ธีมปาร์ค ให้พวกเราทุกคนหลบมาสุมหัวคุยกัน หยอกล้อกัน หัวเราะ ตื่นเต้น สนุกสนาน ไปด้วยกัน และความสุขของทุก ๆ คนที่ผมเห็นผ่านคอมเมนท์คือกำลังใจให้ผมยังมีความสุขที่จะใช้พลังงานกับการสร้างโลกใบนี้ต่อไป เพราะนี่คือรางวัลสูงสุดของนักเขียนไม่สำคัญ คนไร้ชื่อเสียงคนนี้ครับ
ขอบคุณครับ และติดตามกันในตอนต่อไปนะครับ
มูฟวี่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา