4 เม.ย. 2020 เวลา 05:26 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อพูดถึงจุดเริ่มต้นเอกภพหรือภาษาคนเรียกว่า"จักรวาล" ก็จะเกิดสองแนวคิดแตกแยกออกมาหลักๆเลยคือ 1.ทุกอย่างได้ดำรงอยู่แบบนี้มาตลอดไม่มีการเริ่มต้นและสิ้นสุด
2.ทุกอย่างเริ่มต้นจากการระเบิดครั้งใหญ่(Bigbang) เมื่อประมาณ 13000 ล้านปีที่แล้วและมีจุดจบด้วย
แน่นอนว่า ณ วันนี้ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์หัวฟูคนใดที่แสดงหลักฐานยืนยันทั้งสองข้อนั้นได้แบบชัดเจน แต่อย่างไรก็แต่ละแนวคิดย่อมได้รับการยอมรับไม่เท่ากัน แต่ทฤษฎี Bigbang ก็ได้รับการยอมรับว่า "น่าจะเป็นแบบนี้" มากกว่าทฤษฎีอื่นๆ จากหลักฐานที่มีในขณะนี้คือ พบว่าแกแล็กซี่ทุกกลุ่มกำลังเคลื่อนที่ห่างออกจากกันด้วยอัตราเร่ง พวกที่อยู่รอบนอกยิ่งไกลยิ่งไปไว นั่นหมายความว่าหากย้อนเวลากลับไปแล้วแกแล็กซี่ทุกกลุ่มจะเคยอยู่รวมกันที่จุดเดียว ก่อนทีจะเกิดแรงมหาศาลบางอย่างผลักดันให้ทุกอย่างกระจายตัวออกไปดังเป็นที่ในปัจจุบัน นี่คือคำอธิบายตามทฤษฎี Bigbang
นอกจากนี้ถ้าหากเอกภพดำรงอยู่เช่นนี้มานานแสนนานแล้วทำไม ดาวกฤษ์บางดวงเพิ่งจะมาส่องสว่าง เข้มบ้าง จางบ้างตามระยะทาง แทนจะที่แสงจากทุกดวงน่าจะเดินทางมาถึงโลกกันหมดแล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงท้องฟ้าในเวลากลางคืนก็จะสว่างไม่ต่างจากตอนกลางวันเพราะแสงจากดาวฤกษ์ทุกดวงในจักรวาลอันแสนไกลได้มีเวลาเพียงพอในการเดินทางมาถึงโลกแล้ว และยิ่งกว่านั้นจักรวาลจะต้องร้อนกว่านี้มากเพราะแสงจากดาวกฤษ์ทุกดวงได้เดินทางไปถึงทุกที่แล้ว และเป็นการเข้าสู่ภาวะสมดุลเรียบร้อยคือทุกจุดในเอกภพมีอุณหภมูิเท่ากันหมด ซึ่งคงไม่ใช่ความสมมาตรพอที่จะที่เกิดชีวิตได้บนโลกเราแบบนี้
เหตุที่ท้องฟ้าตอนกลางคืนมีจุดสว่างเป็นบางจุดดังที่เห็นเท่านั้นก็เพราะว่า แสงจากดวงดาวที่อยู่ไกลมากๆ ยังเดินทางมาไม่ถึง นั่นบ่งบอกได้ว่าดาวดวงนั้นเพิ่งจะกำเนิดได้ไม่นานนัก มิใช่การดำรงอยู่มาแล้วอย่างตลอดกาล เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สนับสนุนทฤษฎี Bigbang
แต่ขณะเดียวกันเอกภพต้องมีอายุที่พอเหมาะคือไม่สั้นเกินไปและไม่ยาวนานจนเกินไปด้วย นั่นคือถ้ามีอายุที่สั้นเกินไป ก็จะมีเวลามากพอให้มวลสารต่างๆแปรสภาพจนทำให้เกิดชีวิตได้เช่นโลกเรา แต่ถ้ามีอายุที่ยาวนานเกินไป พลังงานที่ปล่อยออกมาจากดาวกฤษ์ทั้งแสงและความร้อนก็จะหมดลง ซึ่งนั่นคือจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นเมื่อดาวกฤษ์ดวงสุดท้ายหมดพลังงานและดับลง จักรวาลก็จะมืดมิดในทุกจุด นั่นคือจุดจบของเวลาด้วย และเชื่อว่ากันทุกอย่างจะกลับเข้าหามารวมกันอีกครั้งก่อนที่จะถึงความหนาแน่นในระดับหนึ่ง ภายในความมืดมิดนั่นและแล้ว Bigbang ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เวลาเดินต่ออีกครั้ง
ทั้งหมดนี้คือข้อคิดเล็กๆ ที่อาจจะพาให้ปวดหัวนิดนึง ประมาณว่าจะไปคิดถึงมันทำไม แต่สำหรับผมแล้วไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงเรื่องนี้ จึงได้นำมาแชร์กันเผื่อจะเป็นประโยชน์ด้านการศึกษา
โฆษณา