6 เม.ย. 2020 เวลา 02:00 • ความคิดเห็น
ช่วงนี้ความเครียดอาจเกาะกุมหัวใจใครหลายคน
- ดูแลตัวเองและดูแลกัน
- ใจดีกับตัวเองมากขึ้นหน่อย
- ยังไม่ต้องทำตัวเป็นสิ่งมีชีวิตที่โปรดักทีฟสูงมากก็ได้ถ้ายังไปไหว
- ทักหาคนคุ้นเคยผู้ห่างหายเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
- เขาอาจกำลังรอให้ใครสักคนมาคุย
.
---
.
ผมเพิ่งอ่านบทความของ Aisha S. Ahmad ผู้เชี่ยวชาญผู้ผ่านวิกฤติมาหลายรูปแบบ ทั้งสงคราม ความยากจน โรคระบาด ภาวะขาดแคลนอาหารและมหันตภัยนานาในหลายประเทศ บทความนี้เสนอว่า
- อย่าเลย นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำตัวโปรดักทีฟ
.
เมื่อคืนผมอ่านแล้วรู้สึกว่านี่คือบทความที่ผมต้องการในเวลานี้จริงๆ มันช่วยผมไว้จริงๆ
.
ขอเรียบเรียงบางส่วนมาเล่าสู่กันฟังเผื่อจะมีประโยชน์นะครับ
.
Ahmad แบ่งวิธีส่วนตัวเพื่อรับมือกับวิกฤติออกเป็นขั้น
.
👉🏻#ขั้นแรก ให้เวลาปรับสภาพจิตใจ
.
บอกตัวเองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกแย่ และเคว้งคว้างท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ คิดเสียว่าที่ตัวเองรู้สึกแย่นั้นเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องดีที่เรายอมรับความจริง เปิดโอกาสให้ตัวเองค่อยๆ ทำใจ "คนสติดีๆ เขาคงไม่รู้สึกดีท่ามกลางวิกฤติระดับโลกหรอก ดังนั้นขอให้รู้สึกดีเสีย ที่คุณรู้สึกไม่สบายอกไม่สบายใจนัก"
.
ในขั้นนี้พยายามพุ่งความสนใจไปที่ปัจจัยพื้นฐานอย่างอาหาร ครอบครัว เพื่อนและสุขภาพในบางส่วน (อย่าตั้งความหวังกับการออกกำลังกายมากเกินไปนัก แค่พยายามสักหน่อยก็พอแล้ว)
.
เลิกสนใจทุกคนที่โพสต์คลั่ง productivity (เธอใช้คำว่า productivity porn - ซึ่งผมว่าเป็นคำที่เหมาะมากในการอธิบายปรากฏการณ์นี้) Ahmad บอกว่าการที่จู่ๆ คุณจะตกใจตื่นขึ้นมาตอนตีสามถือว่าเป็นเรื่องโอเค การที่คุณลืมกินข้าวกลางวันและไม่ได้เข้าคลาสโยคะออนไลน์ก็ถือว่าโอเค และก็โอเคเหมือนกันที่คุณไม่ได้แตะงานที่คั่งค้างมาสามสัปดาห์แล้ว - ให้เวลาตัวเองหน่อย
.
อย่าสนใจคนที่อวดว่าตัวเองทำงานได้มากแค่ไหน พวกเขาเดินบนเส้นทางที่ต่างจากเราในตอนนี้
- ตัดเสียงรบกวนพวกนั้นทิ้งเสีย ขอให้ตระหนักว่าคุณไม่ใช่คนล้มเหลว ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่คุณต้องทำ นอกจากใส่ใจดูแลตัวเอง ดูแลร่างกาย ดูแลหัวใจ ดูแลคนใกล้ชิด สร้างระบบรองรับทางสังคมที่จะยั่งยืนในระยะยาว
.
👉🏻#ขั้นที่สอง ปรับมุมมอง
.
เมื่อคุณปรับสภาพจิตตนเองและคนรอบข้างให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นแล้ว คุณก็จะรู้สึกมั่นคงขึ้น ร่างกายและหัวใจจะค่อยๆ ปรับตาม คุณจะเริ่มท้าทายตัวเองได้บ้าง ใช้เวลาสักพัก สมองของคุณจะปรับเข้าสู่ระนาบใหม่ที่มีวิกฤติเป็นฐาน และคุณจะเริ่มทำงานที่ท้าทายขึ้นได้
.
ไม่ต้องรีบร้อน
- โดยเฉพาะถ้าคุณไม่เคยเจอวิกฤติใหญ่ขนาดนี้มาก่อน พยายามละ "ภาพเปลือกนอก" ทิ้งไปเสีย และสนใจ "สิ่งที่เป็นตัวตนอันแท้จริง" การปรับมุมมองต้องอาศัยทั้งความเข้าใจตนเอง ถ่อมตน และความอดทน
.
การเปลี่ยนผ่านของมนุษญ์ช่วงนี้จะทั้งสัตย์ซื่อ ตรงไปตรงมา ทั้งดิบดิน อัปลักษณ์ ทั้งเปี่ยมความหวังและความงุ่นงาย ทั้งงดงามและสูงส่ง มันจะเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า
- นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก
- จงเชื่องช้าตามมัน
- จงยอมให้สิ่งที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวตนและวิธีที่คุณมองโลกไป
.
👉🏻#ขั้นที่สาม โอบรับ New Normal
.
เมื่อปรับตัวได้แล้ว สมองอันปราดเปรื่อง สร้างสรรค์ และยืดหยุ่นจะรอคุณอยู่ เมื่อพื้นฐานแข็งแรงแล้ว ค่อยสร้างตารางภารกิจประจำสัปดาห์ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและคนรอบข้าง แล้วค่อยสกัดเวลาออกมาทำงาน ขอให้ทำงานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยไต่ระดับสู่งานที่หนักหนาในภายหลัง ถึงตอนนี้การตื่นเช้า โยคะออนไลน์ ออกกำลังกายตามยูทูปอาจง่ายขึ้น
.
คุณจะรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ รอบตัวดูปกติมากขึ้น งานก็จะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย คุณจะรู้สึกสะดวกใจกับความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ไอเดียใหม่ๆ จะเริ่มผุดเข้ามา
- เรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากคุณปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง
- โอบรับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพจิตสภาพใจต่อไป
.
ขอให้เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นดังการวิ่งมาราธอน ถ้าคุณวิ่งห้อในตอนแรก คุณก็อาจหมดเรี่ยวแรงไม่เหลือกำลังตอนสิ้นเดือน เตรียมใจว่าวิกฤตินี้อาจยาวนาน 12-18 เดือน แล้วจะตามมาด้วยการฟื้นฟูอย่างช้าๆ
.
แน่นอน จะมีวันที่การระบาดนี้สิ้นสุด เราจะได้กอดเพื่อนอีกครั้ง เราจะได้เข้าเรียนในโรงเรียน ได้ดื่มกาแฟในร้านอีก เราจะเดินทางได้ ระบบเศรษฐกิจของเรา สักวันหนึ่งจะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
.
แต่ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้นการเดินทางเท่านั้น บางคนยังปรับใจไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วยซ้ำ บางคนถมที่ว่างในใจด้วยการทำงานหนัก
- นั่นเป็นเพียงภาพลวงตา เป็นเพียงการไม่ยอมรับความจริง
- ให้เวลาตัวเอง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แล้วค่อยๆ โอบรับความจริงใหม่
.
----
.
ผมรู้ดีว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจตอนนี้
- การบอกหลายคนให้เลิกทำงานหรือไม่ต้องสนใจ productivity ของตนเองไปเลยนั้นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
- แต่ประเด็นของ Ahmad คือการให้เวลาหัวใจ และตระหนักว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว
.
ใจดีกับตัวเองมากขึ้น ใจดีกับคนอื่นมากขึ้น
.
พยายามยิ้ม แล้ววันหนึ่งอาจยิ้มได้โดยไม่ต้องพยายาม
.
สู้ๆ ครับทุกคน
.
----
.
บทความเต็มของ Ahmad > https://www.chronicle.com/article/Why-You-Should-Ignore-All-That/248366/ บางส่วนเขียนโดยอิงบริบทผู้อ่านเป็นคนในแวดวงวิชาการ แต่ผมนำมาเรียบเรียงเพื่อให้ปรับใช้ได้กว้างขึ้นครับ
.
ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ แชร์ให้คนที่คุณรักได้โดยไม่จำเป็นต้องให้เครดิตผมครับ (ให้เครดิตต้นทางพอครับ)
ขอบคุณ : FB Teepagorn Champ
#PowerfulPum
โฆษณา