Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เก้าสิบนาที
•
ติดตาม
6 เม.ย. 2020 เวลา 10:44 • กีฬา
[เก้าสิบนาที] ฟุตบอลโลกในความทรงจำ
🇺🇸 1994 FIFA World Cup เป็น FIFA World Cup ครั้งที่ 15 ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ใน ‘9 รัฐ’ ทั่วสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายนถึง 17 กรกฎาคม 1994
โดยที่สหรัฐอเมริกาได้รับเลือกจาก FIFA ให้เป็นเจ้าภาพตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1988 (โหวตกันในวันชาติสหรัฐฯ เจ๋งเป้งสุด ๆ ไปเลย) เท่ากับว่าสหรัฐฯ มีเวลาเตรียมตัวราว 6 ปี
แม้ว่าประเทศเจ้าภาพเอง จะไม่ได้มีความสนใจในกีฬาฟุตบอล หรือ ซ็อคเกอร์ (ลีกฟุตบอลภายในประเทศก็เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อรู้ว่าจะได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก และกว่าจะมีการแข่งขันฤดูกาลแรกก็ปาเข้าไปปี 1996 ซึ่งเลยฟุตบอลโลกไปแล้ว)
💰 แต่ World Cup 94 กลายเป็นการจัดแข่งขันที่ประสบความสำเร็จทางการเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก แถมทำลายสถิติจำนวนผู้เข้าชมเกมในสนามด้วย โดยเฉลี่ยมีผู้เข้าชมเกมในสนามมากกว่า 69,000 คนต่อเกม (ยังคงเป็นสถิติอยู่จนถึงปัจจุบัน) ด้วยยอดผู้ชมเกือบ 3.6 ล้านคนตลอดรายการ (ยังคงสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลรายการนี้)
🎉🎉🎉
ทั้งที่ต่อมา มีการขยายจำนวนทีมจาก 24 เป็น 32 ทีม/จาก 52 เป็น 64 เกม ตั้งแต่ปี 1998 จนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่เคยมีครั้งไหนมีสถิติผู้ชมมากเท่าปี 94 !!!
ผลสุดท้าย “บราซิล” 🇧🇷 สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ หลังจากชนะอิตาลี 3-2 ในการยิงลูกโทษที่จุดโทษ ณ สนาม โรส โบล์ว(Rose Bowl) ใน พาซาดีน่า, แคลิฟอร์เนีย ใกล้กับลอสแองเจลิส หลังจากจบเกม 0-0 และยังคงเสมอกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ถือเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกที่จุดโทษในรอบชิงชนะเลิศ
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้บราซิลเป็นประเทศแรกที่คว้าแชมป์โลกได้ถึง 4 ครั้ง
1. น้องใหม่ไฟแรง
มี 5 ทีมหน้าใหม่ที่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ สามน้องใหม่บวกด้วยอีกสองชาติมหาอำนาจที่ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามเย็น
🇷🇺 รัสเซีย ก่อตั้งประเทศหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต (1)
🇩🇪 เยอรมนี (เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 1938) เยอรมนีตะวันตกและตะวันออกรวมตัวกันได้ในเดือนตุลาคม 1990 (ไม่กี่เดือนหลังจากชัยชนะของเยอรมนีตะวันตกในฟุตบอลโลก 1990) (2)
“สามทีมจากสามทวีป”
หนึ่งแอฟริกัน ไนจีเรีย 🇳🇬 (3)
หนึ่งเอเชีย ซาอุดิอาระเบีย 🇸🇦 (4)
หนึ่งยุโรป กรีซ 🇬🇷 (5)
ทั้งหมดนี้ ทำการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในการแข่งขันปี 1994
2. ผู้ผ่านการคัดเลือก
🌎 อเมริกาเหนือ
แน่นอนว่าเป็นเต้ยอย่าง เม็กซิโก กับเจ้าภาพ สหรัฐอเมริกา
🌎 อเมริกาใต้
อาร์เจนตินา, บราซิล, โคลอมเบีย เป็นอะไรที่คาดเดาได้ แต่ โบลิเวีย อาศัยความได้เปรียบเกมในบ้าน เก็บชัยชนะทุกนัด แม้ว่านอกบ้านจะโดนถล่มเละ แต่แล้วไงใครแคร์? พวกเขาตามบราซิลเข้ารอบด้วยคะแนนเหนือ อุรุกวัย แต้มเดียว
🌍 แอฟริกา
ไนจีเรียผ่านเข้ารอบเป็นตัวแทนจากโซนแอฟริกา ร่วมด้วย แคเมอรูน และโมร็อกโก หลังจาก CAF ได้รับโควต้าสามทีมเป็นครั้งแรก ซึ่งมาจากฟอร์มที่แข็งแกร่งของทีมชาติแคเมอรูนในฟุตบอลโลกปี 1990 (โรเจอร์ มิลล่า ยิง 4 ประตูพาหมอผีทะลุไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ)
🌏 เอเชีย
‘ซาอุดิอาระเบีย’ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกหลังเอาชนะเกาหลีใต้ในนัดสุดท้าย ถีบ ‘ญี่ปุ่น’ ที่เกือบจะได้เปิดตัวในฟุตบอลโลกอยู่แล้ว ร่วงตกรอบจากความพ่ายแพ้เหลือเชื่อแก่ อิรัก
ซึ่งต่อมากลายเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นในฐานะ "ความทุกข์แห่งโดฮา" หรือ “โศกนาฏกรรมแห่งโดฮา”
🌍 ยุโรป
กรีซ เข้าร่วมครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลก รวมไปถึงรัสเซีย ที่ผ่านคุณสมบัติสามารถร่วมการแข่งขันอย่างอิสระเป็นครั้งแรกเช่นกัน หลังจากการสลายตัวของสหภาพโซเวียต
นี่ยังเป็นการป้องกันแชมป์ของ เยอรมันตะวันตก ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับ เยอรมันตะวันออก กลายเป็น “เยอรมนี” เป็นการรวมประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่แยกจากกันหลังการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1938
นอร์เวย์ เข้ารอบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1938
สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1966
3. ผู้พลาดหวัง
นี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่สอง (ครั้งแรกเป็นฉบับที่ 1938) ที่ไม่มีทั้งอังกฤษสกอตแลนด์ไอร์แลนด์เหนือหรือเวลส์ (ประเทศต้นกำเนิดฟุตบอล) ในรอบสุดท้าย
อังกฤษ (จบอันดับสามหลังนอร์เวย์และเนเธอร์แลนด์ในกลุ่ม 2) หลังจากเพิ่งคว้าอันดับสี่ในปี 1990
สกอตแลนด์ (ซึ่งจบอันดับที่สี่ในกลุ่มที่ 1) ไม่ผ่านการคัดเลือกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1970
ฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการแต่งตั้งล่วงหน้าให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันในปี 1998 ก็ชิงตกรอบ จากความพ่ายแพ้ต่อ อิสราเอล และ บัลแกเรีย นี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่สองติดต่อกันแล้วที่ฝรั่งเศสไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย
ส่วนทีมที่ไม่ผ่านเข้ารอบที่น่าสนใจอื่นๆ คือ
อุรุกวัย (เข้ารอบ 16 ทีม ในปี 1990)
เดนมาร์ก (แชมป์ยูโร 1992)
โปแลนด์ (มหาอำนาจ)
โปรตุเกส (มหาอำนาจ)
ฮังการี (มหาอำนาจ)
4. เจ้าภาพการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์
มีสามประเทศที่เสนอตัวเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, บราซิล และโมร็อกโก โดยผลการลงคะแนนโหวตในซูริคเมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม 1988 จบลงในรอบเดียว ด้วยการที่สหรัฐฯได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งมาเล็กน้อย ในการลงคะแนนโดยสมาชิก Exco
FIFA นั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทัวร์นาเมนต์ที่ทรงเกียรติที่สุดในโลกครั้งนี้ จะนำไปสู่การเติบโตของความสนใจในกีฬาประเภทนี้ในแผ่นดินอเมริกาได้บ้างไม่มากก็น้อย
เงื่อนไขหนึ่งที่ฟีฟ่ากำหนดคือการสร้างลีกฟุตบอลอาชีพ ดังนั้น “เมเจอร์ลีกซอกเกอร์” จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1993 และเริ่มดำเนินการแข่งขันฤดูกาลแรกในปี 1996 ด้วยสมาชิกเริ่มต้น 10 ทีม
มีข้อโต้แย้งเบื้องต้นเกี่ยวกับการเอาทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก ไปจัดในดินแดนที่ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาที่ได้รับความนิยมในระดับประเทศ โดยในปี 1988 สหรัฐอเมริกายังไม่ได้มีลีกอาชีพของตัวเองด้วยซ้ำ เนื่องจาก ‘นอร์ธอเมริกันซ็อคเกอร์ลีก’ ในอเมริกาที่ก่อตั้งขึ้นในยุค 70, ได้ล้มพับลงในปี 1984 หลังจากความสนใจค่อยๆจางหายไป
แต่สุดท้ายความสำเร็จในการจัดโอลิมปิกฤดูร้อน 1984 และโดยเฉพาะกับการจัดแข่งขันฟุตบอล ก็มีส่วนกับการตัดสินใจของ FIFA ในครั้งนี้
แม้จะมีการโต้เถียงในหลายประเด็น แต่สุดท้าย สหรัฐฯ ก็ได้จัดการแข่งขันที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดโดยมีผู้เข้าร่วมชมในสนามเกือบ 70,000 คนต่อเกม ทำลายสถิติเหนือกว่า 1966 FIFA World Cup ซึ่งมีค่าเฉลี่ยการเข้าชมอยู่ที่ 51,000 คนเนื่องจากความจุที่นั่งขนาดใหญ่ที่สนามกีฬาในสหรัฐฯ ไม่อาจเปรียบเทียบกับสถานที่เล็ก ๆ ของยุโรปและละตินอเมริกา
5. รูปแบบการให้คะแนนแบบใหม่ (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 0)
🏁 แม้รูปแบบของการแข่งขันยังคงเหมือนเดิมกับในฟุตบอลโลกปี 1990 นั่นคือ 24 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม / กลุ่มละ 4 ทีม เพื่อคัดหา 16 ทีมที่จะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ต่อไป
6 ผู้ชนะจากทั้งหกกลุ่ม
6 รองชนะเลิศ
4 ทีมอันดับสามที่ดีที่สุด (4 จาก 6)
ซึ่งนี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย ที่ใช้รูปแบบการแข่งขันดังกล่าว เนื่องจากมีการขยายการแข่งขันรอบสุดท้ายในปี 1998 ให้มีถึง 32 ทีม (สาเหตุก็เพราะความสำเร็จของฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทำให้ 24 ทีมมันไม่เพียงพอกับความต้องการเสียแล้ว)
แต่ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการให้ 3 คะแนนสำหรับทีมชนะ แทนที่จะเป็น 2 คะแนน โดย ฟีฟ่าได้สร้างกติกานี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมการเล่นเกมบุกในกีฬาฟุตบอล เพราะช่วงหลังหลายๆทีมหันมาเน้นการป้องกันเสียส่วนใหญ่
ดังเช่นใน Italia '90 มีการยิงกันแค่ 115 ประตู จาก 52 นัด(2.21 ต่อนัด) ก่อนจะเพิ่มเป็น 141 ประตู จาก 52 นัด(2.71 ต่อนัด)ในครั้งนี้
และในที่สุด ‘ชนะได้ 3’ กลายเป็นแพทเทิร์นที่ได้รับการยอมรับมาจนปัจจุบัน
6 . ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายที่ไม่น่าจดจำของเสือเตี้ย
🇦🇷 การแข่งขันครั้งนี้ เป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายในอาชีพของ “ดีเอโก้ มาราโดน่า” หลังจากลงเล่นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1982, 1986 และ 1990 นำพา อาร์เจนตินา ก้าวไปสู่แชมป์ฟุตบอลโลกปี 1986 และเข้าถึงนัดชิงของฟุตบอลโลกปี 1990
ครั้งนี้ มาราโดนา ถูกส่งตัวกลับออกจากการแข่งขัน หลังจากไม่ผ่านการตรวจโด๊ป โดยพบสารอีเฟดรีนซึ่งเป็นยาลดน้ำหนักในเลือดของเขา
7. โคลอมเบีย และความคาดหวังที่ปะทุออกมา
🇨🇴 โคลอมเบีย มีความคาดหวังเอาไว้สูง เนื่องจากสไตล์การเล่น และผลงานในรอบคัดเลือกที่น่าประทับใจของพวกเขา แถมยังถูกจับมาอยู่ในกลุ่มเจ้าภาพที่ไม่แข็งมากนัก แต่สุดท้ายพวกเขากลับล้มเหลวตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม หลังจากแพ้ 2 เกมแรกให้กับ โรมาเนีย และเจ้าภาพ สหรัฐฯ ก่อนจะมาเก็บ 3 คะแนนปลอบใจได้จากสวิตเซอร์แลนด์
โคลอมเบีย คือทีมที่ได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มอิทธิพลด้านการพนันและการค้ายาเสพติด อย่าง “ปาโบล เอสโคบาร์” ราชายาเสพติด และเมื่อพวกเขาพลาด โค้ช ‘ฟรานซิสโก มาทูรานา’ ได้รับการขู่ฆ่า
สุดท้าย อันเดรส เอสโกบาร์ ปราการหลังที่สกัดเข้าประตูตัวเองในเกมกับสหรัฐฯ กลายเป็นแพะรับบาป เขาถูกยิงเสียชีวิตนอกบาร์ในย่านชานเมืองของเมเดลลิน เพียง 10 วันหลังการสกัดครั้งนั้น (5 วันหลังจากเดินทางถึงบ้าน) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม ฮุมแบร์โต้ มูนอซ มือปืนได้สำเร็จ และได้ให้การเหมือนจะเป็นการแก้แค้นที่ เอสโกบาร์ ยิงเข้าประตูตัวเอง
8. ทีมจอมเซอร์ไพรซ์ บัลแกเรีย
โลธาร์ มัทเธอุส ยิงจุดโทษให้ทีมขึ้นนำไปก่อนในรอบรองชนะเลิศระหว่างเยอรมนีกับบัลแกเรียที่สนามของทีม ‘นิวยอร์ค ไจแอนต์’ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม
แต่สุดท้ายบัลแกเรียพลิกกลับมาชนะ !!!
🇧🇬 บัลแกเรีย คือเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทัวร์นาเมนต์ นั่นเพราะ 5 ครั้งก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยชนะในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแม้แต่เกมเดียว แต่ภายใต้การนำของ “ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ” (ซึ่งกลายเป็นดาวยิงสูงสุดร่วมกับโรมาริโอในรายการนี้)
บัลแกเรียชนะสองในสามเกมรอบแบ่งกลุ่ม ผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ ซึ่งในรอบ 16 ทีม พวกเขาเอาชนะเม็กซิโกด้วยการยิงลูกโทษ 3-1 ผ่านเข้าไปเผชิญหน้ากับแชมป์โลกเยอรมนีในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งสองประตูจาก “สตอยช์คอฟ” และ “ยอร์ดาน เล็ทช์คอฟ” ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะเหนือแชมป์เก่า 2-1 แบบพลิกความคาดหมาย
บัลแกเรียเดินหน้าต่อไปจนจบในอันดับสี่ หลังจากรอบตัดเชือกไปแพ้อิตาลีในช่วงต่อเวลาพิเศษ และแพ้สวีเดนในการชิงอันดับสาม
9. เจ้าภาพสร้างชื่อ
🇺🇸 สหรัฐอเมริกา ซึ่งค่อนข้างใหม่สำหรับฟุตบอลอาชีพ สามารถก้าวเข้าสู่รอบที่สองในฐานะหนึ่งในทีมอันดับสามที่ดีที่สุด พวกเขาเล่นกับบราซิลในวันประกาศอิสรภาพ
และแม้จะพ่ายแพ้ไป 1-0 ผลงานของสหรัฐอเมริกาก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แล้วในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของพวกเขา
10. Road to Final
🇧🇷 ในขณะที่เส้นทางของบราซิลค่อนข้างราบเรียบ ชัยชนะเหนือเจ้าภาพ ต่อด้วยการเอาชนะเนเธอร์แลนด์ในรอบ 8 ทีม และชนะสวีเดนในรอบรองชนะเลิศ นำพาพวกเขาไปสู่นัดชิงฯ กับอิตาลี
🇮🇹 แต่ อิตาลี นั้นลำบากมาก กว่าที่จะทะลุผ่านไปถึงรอบชิงได้ ในระหว่างรอบแบ่งกลุ่มอิตาลีต้องดิ้นรนและผ่านเข้ารอบอย่างหวุดหวิด
พวกเขาแพ้ 0-1 ให้กับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในนัดแรก แต่ยังเอาชนะนอร์เวย์(1-0) ทั้งที่เหลือผู้เล่น 10 คน (ปายูก้า โดนไล่ออกตั้งแต่น่าทีที่ 21’ จากการออกมาตัดเกมนอกกรอบ ต้องเปลี่ยน โรบี้ บาจโจ้ ออก เอา ลูก้า มาร์เคจานี่ ลงมาแทน) ปิดท้ายด้วยการเสมอเม็กซิโก(1-1)
จบรอบแรกยิงได้แค่สองประตูจากลูกโหม่งของ ดิโน่ บาจโจ้ และ ดานิเอเล่ มาซซาโร่ เข้ารอบเป็นอันดับสาม(ที่ดีที่สุด) โดยที่เพลย์เมคเกอร์ชาวอิตาลี “โรแบร์โต้ บาจโจ้ (27 ปี) ผู้ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในดาวเด่นของการแข่งขัน ยังไม่สามารถทำอะไรได้เลย
แต่ในที่สุดรอบ 16 ทีมกับไนจีเรีย บาจโจ้ ก็แผลงฤทธิ์ !!!
อิตาลีที่เหลือ 10 คน(โซล่าโดนไล่ออก) และกำลังจะแพ้ แต่มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการยิงของ เทพบุตรเปียทองคำ (มุซซี่ ได้บอลในกรอบฝั่งขวา ก่อนปาดให้ บาจโจ แปเล่นทางเข้าไป ในนาทีที่ 85) ฉุดพวกเขาขึ้นจากหลุมก่อน
และเมื่อเกมเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ “บาจโจ้” ยิงประตูได้อีกครั้งด้วยการซัดจุดโทษ (บาจโจ้ เป็นคนยกบอลให้ เบนาริโว่ หลุดเข้าไปในกรอบก่อนจะโดนดึงล้ม)ในนาทีที่ 101 ส่งอิตาลีเข้ารอบต่อไป
เกมต่อมา 2 “บาจโจ้” ที่ไม่ใช่ญาติกัน ของอิตาลีช่วยกันยิงคนละประตู พาทีมเอาชนะสเปนในรอบก่อนรองชนะเลิศ (ดิโน่ ยิงไกลสุดสวย/โรบี้ หลุดไปเลี้ยงหลบผู้รักษาประตูก่อนจะกดเรียดมุมแคบเข้าไป)
ตบท้ายด้วย “โรบี้” คนเดิม เหมายิงสองประตูนำบัลแกเรียตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก 2-0 (โซโล่เดี่ยวจากริมเส้นฝั่งซ้ายไปปั่นโค้งเสียบเสาสอง/รับลูกชิพของอัลแบร์ตินี่ไปยิงหักข้อเสียบเสาสอง) แม้ว่าอิตาลีจะโดนสตอยช์คอฟยิงจุดโทษตีตื้นมาแต่ก็ไม่ทัน อิตาลีผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในที่สุด
11. รอบชิงฯ
🥉 รอบชิงอันดับสาม ระหว่าง บัลแกเรีย และ สวีเดน (ทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้) และสวีเดน เอาชนะไปขาดลอย 4–0 (โบรลิน, มิลด์, ลาร์สสัน, แอนเดอร์สัน)
“โทมัส โบรลิน” ตัวรุกสวีเดนได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในทีม All-Star
🥇 ส่วนเกมสุดท้ายที่ ‘โรส โบล์ว’ ค่อนข้างตึงเครียด และทั้งสองทีมแทบไม่มีโอกาสทำประตู มันเป็นครั้งที่สองในรอบ 24 ปีที่ทั้งสองประเทศได้มาพบกันในรอบชิงชนะเลิศ
อิตาลี / บราซิล คือทีมที่มีเกมรับสุดยอดทั้งคู่ ไล่ดูรายชื่ออย่าง บาเรซี่, มัลดินี่, ปายูก้า หรือจะเป็น ดุงก้า, เมาโร ซิลวา, มาซิโอ ซานโตส หรือ ทัฟฟาเรล ก็พอรู้
และหลังจากไม่มีประตูเกิดขึ้นใน 120 นาที นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกจึงถูกตัดสินด้วยการยิงจุดโทษเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ท่ามกลางเสียงที่เงียบลงในสนามและทุกหนแห่งที่มีการถ่ายทอดสด ความรู้สึกบีบหัวใจยังคงติดตรึงมาถึงทุกวันนี้
X ฟรังโก้ บาเรซี่ 🇮🇹 / 🇧🇷 มาร์ซิโอ ซานโตส X
O ดิเมตริโอ อัลแบร์ตินี่ 🇮🇹 / 🇧🇷 โรมาริโอ O
O อัลแบร์ริโก้ เอวานี่ 🇮🇹 / 🇧🇷 บรังโก้ O
X ดานิเอเล่ มาสซาโร่ 🇮🇹 / 🇧🇷 คาร์ลอส ดุงก้า O
X โรแบร์โต้ บาจโจ้ 🇮🇹
หลังจากผ่านไปสี่คนบราซิลนำอยู่ 3–2 และ บาจโจ้ ที่ได้รับบาดเจ็บต้นขา ต้องก้าวออกมายิงให้เข้าเพื่อให้ความหวังของอิตาลียังคงอยู่
ไม่มีใครคิดว่าเขาจะพลาด แต่พระเจ้า! เขาพลาดโดยการยิงข้ามคาน และ บราซิล คว้าแชมป์โลกเป็นครั้งที่สี่ 🏆
12. บทสรุป
หลังจากเกมสิ้นสุดลง 🇺🇸 รองประธานาธิบดี อัล กอร์ ได้เป็นเจ้าภาพในพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้กับกัปตัน “คาร์ลอส ดุงก้า” กองกลางชาวบราซิล
👏🏼 ทีมชาติบราซิลได้กล่าวอุทิศตำแหน่งแชมป์โลกให้กับผู้ชนะการแข่งรถสูตรหนึ่ง ไอร์ตัน เซนน่า (Ayrton Senna) ซึ่งเสียชีวิตเมื่อสองเดือนครึ่งก่อนหน้านี้ และจบทัวร์นาเมนต์แบบสวยงาม
🥇 ตำแหน่ง ‘รองเท้าทองคำ’ เป็นการครองร่วมกันโดย “ฮริสโต สตอยช์คอฟ” ของบัลแกเรีย และ “โอเล็ก ซาเลนโก้” ของรัสเซีย ซึ่งกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำประตูได้ห้าประตูในเกมเดียว(vs ซาอุดิอาระเบีย) โดยผู้เล่นทั้งสองทำได้หกประตูเท่ากันในการแข่งขัน(ยังไม่มีการนำจำนวนแอสซิสต์มาตัดสิน)
🎖กองหน้าชาวบราซิล “โรมาริโอ” ที่ยิงไปถึง 5 ประตูได้รับรางวัล ‘ลูกบอลทองคำ’ ในฐานะผู้เล่นที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์
สุดท้าย
ไม่ว่าฟุตบอลโลกเคยยิ่งใหญ่แค่ไหน....
สหรัฐอเมริกาทำให้มันยิ่งใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าทวีคูณ....
ฟุตบอลโลก 94’ คือรากฐานความสำเร็จของกีฬาชนิดนี้ มาจนถึงในปัจจุบันก็ว่าได้ ❤️
🔥🔥🔥
บันทึก
5
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย