Blockdit Logo (Mobile)
สมองจ๋า
•
11 พ.ค. 2020 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
ย้อนวันวานกับกระแสจตุคามรามเทพที่เงียบหายไปจากสังคมไทย?
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2549-2550 นี่คือช่วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศต่างหลั่งไหลกันแห่บูชาและเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกองค์ท้าวจตุคามรามเทพทั่วทั้งประเทศ จนเคยเกิดเหตุการณ์จลาจลเหยียบกันตายมาแล้ว
แต่แล้วหลังจากระยะเวลาเพียง 2 ปี กระแสความนิยมในองค์จตุคามรามเทพก็เงียบหายไป พร้อมกับคำถามที่ว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆ กระแสจตุคามถึงหายไปจากสังคมได้?
วันนี้สมองจ๋าจะพาทุกท่านย้อนรอยไปดูเหตุการณ์ในขณะนั้นพร้อมร่วมหาคำตอบกันครับ
เรื่องนี้ เริ่มขึ้นมาจากการสร้างจตุคามรามเทพรุ่นแรก เมื่อปี 2530 โดยขุนพัน (ขุนพันธรักษ์ราชวรเดช) ผู้เป็นตำรวจมีวิชาอาคม โดยในขณะนั้นจตุคามรุ่นดังกล่าวมีราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น และไม่ได้รับความนิยมมากแต่อย่างใด
1
ภาพจาก หอสมุดแห่งชาติ นครศรีธรรมราช
แต่แล้วจู่ ๆ ในช่วงปี 2549 กระแสจตุคามรามเทพกลับบูมขึ้นมาในประเทศไทย หลังสำนักข่าวและสื่อต่างๆ ลงข่าวปาฏิหาริย์ขององค์จตุคามรามเทพที่มีผู้บูชารอดพ้นจากอุบัติเหตุบ้าง ถูกหวยบ้าง รอดจากการถูกยิงบ้าง และปาฏิหาริย์อื่น ๆ ทำให้ประชาชนต่างรู้จักกับจตุคามรามเทพทั่วประเทศเป็นครั้งแรก
เมื่อสื่อลงข่าวปาฏิหาริย์และเรื่องราวเหล่านี้บ่อยๆ ก็ทำให้ผู้คนเริ่มตามหาเหรียญจตุคาม เพื่อหวังความศักดิ์สิทธ์และปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเองบ้าง
และนั่นก็นำมาสู่การแห่เช่าและปลุกเสกองค์จตุคามรามเทพทันที ไม่เว้นแม้กระทั้งกลุ่มดารา ศิลปิน ที่ต่างพากันเป็นเจ้าภาพเช่าบูชาผ่านสื่ออย่างเปิดเผย และยิ่งทำให้กระแสเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ
โดยวัดที่ถือเป็นต้นกำเนิดองค์จตุคามรามเทพและเป็นสถานที่ปลุกเสกที่แรกและดังที่สุดในยุคนั้น คือ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
ภาพจาก dhammathai
บรรยากาศภายในวัด ณ ขณะนั้น ต่างเต็มไปด้วยผู้คนที่เบียดเสียดกันเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกองค์ท้าวจตุคามรามเทพทุกวัน จนเกิดแผงเช่าพระ รถติดประกาศ ป้ายโฆษณา เกี่ยวกับองค์จตุคามรามเทพไปทั่วทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช
มาถึงตอนนี้จตุคามรุ่นแรกจากที่เคยราคา 49 บาท ก็พุ่งไปสู่ราคาหลักล้าน พร้อมกับการตามหาของเหล่าเซียนพระทั้งประเทศทันที
และจากความนิยมของจตุคามที่พุ่งสูงสุดขีดแบบนี้ ก็ทำให้วงการทำพระเครื่องมีเงินสะพัดกว่า 2 หมื่น 2 พันล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของวงการพระเครื่องไทย
ความนิยมในองค์จตุคามรามเทพ ณ ขณะนั้นพุ่งสูงถึงขนาดที่วงคาราบาวนำมาแต่งเป็นเพลง ชื่อว่า "จตุคามลามทุ่ง" จนกลายเป็นเพลงฮิต ที่ไม่ว่ามีงานจตุคามที่ไหนก็จะต้องมีการเปิดเพลงนี้ไปทุกที่
(สามารถไปฟังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=u9jKWPKCXGs )
ภาพจากมิวสิควีดีโอเพลง จตุคามลามทุ่ง
สำหรับจตุคามรามเทพรุ่นที่ถูกตามหาและได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่
1.พระผงสุริยัน-จันทรา รุ่นสร้างหลักเมือง ปี 2530 (รุ่นแรก)
2.เหรียญปิดตาพังพระกาฬ รุ่นสร้างหลักเมือง ปี 2532
3.รุ่นบูรณะเจดีย์ราย ปี 2545
4.พระปิดตาพังกระกาฬและพระปริกใบมะขาม รุ่นเกาะเทตรา ปี 2543
5.รุ่นบูรณะหลักเมืองนครศรีธรรมราช ปี 2547
5
โดยมวลสารที่ผู้สร้างได้นำผสมเป็นเหรียญจตุคามในขณะนั้นมักประกอบไปด้วยมวลสารไม้มงคลอย่าง ขนุน มะยม มะขาม ทองหลาง พิกุลทอง ตะเคียนทอง หรือว่านมงคลอย่าง ว่านไพลดำ ว่านหนังเหนียว ว่านนางพญา 500 ยาง ว่านเสน่ห์จันทร์หอม เป็นต้น
ซึ่งมวลสารเหล่านี้เชื่อกันว่าจะทำให้พุทธคุณในองค์จตุคามมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น นำมาสู่ความต้องการของผู้คนจำนวนมากที่ใครๆ ต่างก็อยากได้เหรียญจตุคามที่มีมวลสารศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว
1
และเมื่อผู้คนต่างให้ความนิยมกันอย่างล้นหลามขนาดนี้ ก็ทำให้เกิดกระบวนการปลุกเสกจตุคามในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น เช่น การปลุกเสกแล้วผู้ทำพิธียิงธนู การปลุกเสกในเรือ การปลุกเสกบนหลังช้าง หรือแม้กระทั้งการปลุกเสกในเรือดำน้ำกลางอ่าวพัทยาก็มีมาแล้ว
ภาพโดย KruSiam.com : เว็บไซต์สื่อกลางของวงการพระเครื่อง
รวมไปถึงความเชื่อของผู้คน ณ ตอนนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ก็จะถูกโยงว่าเป็นปาฏิหาริย์จากองค์จตุคามรามเทพขึ้น เช่น ภาพถ่ายที่เกิดจากละอองฝุ่นหรือละอองน้ำด้วยกล้องดิจิตัลขนาดเล็ก ทำให้เกิดภาพวงกลมมีลักษณะสีขาว ก็ทำให้ผู้คนพากันเชื่อว่าเป็นความศักสิทธิ์ขององค์จตุคามรามเทพ
ภาพจาก Sarakadee
และด้วยกระแสที่ดังมากขนาดนี้ ทำให้เกิดผู้สร้างที่เยอะมากขึ้น และผลิตออกมาเป็นจำนวนมหาศาลจนจตุคามล้นตลาด ทำให้ใครๆ ต่างก็มีจตุคามใส่กันเป็นเรื่องปกติ
มาถึงตรงนี้ เหรียญจตุคามจากที่เคยเป็นสิ่งหายากก็กลายเป็นสิ่งหาง่ายและจากที่เคยมีราคาสูง ก็ค่อยๆ มีราคาลดลงมาเรื่อยๆ
แถมในช่วงนั้นยังเกิดจตุคามรามเทพปลอมระบาด ทำให้ผู้คนเริ่มไม่ค่อยให้ความสนใจ แผงพระเริ่มขายจตุคามไม่ค่อยได้ ในขณะที่การทำพิธีปลุกเสกก็มีน้อยลง กระแสข่าวเกี่ยวกับจตุคามจึงเริ่มซาไปจากพื้นที่สื่อ
เมื่อกระแสความนิยมลดลงเช่นนี้ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์มีผู้นำเหรียญจตุคามมาทิ้งไว้ข้างถนนนับแสนองค์!!
ภาพจาก Manager Online
และในที่สุดกระแสจตุคามก็เงียบหายไป.....
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้กระแสจตุคามรามเทพหายไป เป็นเพราะพ่อค้าที่หวังผลเพียงกำไร จนผลิตมาล้นตลาด และนำมาสู่ความไม่ต้องการของผู้คนในที่สุด
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น คือ สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ถูกแฝงอยู่ในองค์จตุคามรามเทพก็คือพระธรรมคำสอนมากกว่าการยึดติดสิ่งของหรือวัตถุมงคล ตลอดจนได้เรียนรู้ถึงความโลภของคนบางกลุ่มที่นำเอาความเชื่อ ความศรัทธา ของประชาชนมาหากินด้วยการทำจตุคามรามเทพปลอม สร้างเพื่อหวังผลกำไรจนเกินความต้องการและล้นตลาดนำไปสู่ความไม่ต้องการของผู้คนในที่สุด
และถึงแม้กระแสจตุคามรามเทพจะหายไป แต่อย่างน้อยกระแสในครั้งนั้น ก็ทำให้เกิดการนำเงินจากการสร้างองค์จตุคามรามเทพมาสร้างวัด โรงเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอนมากขึ้น และเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลังในเวลาต่อมา
ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แสดงความคิดเห็นกันได้อย่างอิสระเลยนะครับ
โฆษณา