6 เม.ย. 2020 เวลา 15:17
ถอดสูทออกแล้วสวมชุดกาวน์ นายกฯ ไอร์แลนด์กลับมาเป็นหมออีกครั้งช่วยทีมแพทย์สู้ไวรัส
แต่คงไม่มีใครจะสร้างเสียงฮือฮา และสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์รวมทั้งประชาชนในประเทศได้เท่ากับ นาย ลีโอ วารัดการ์ นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ ที่ตัดสินใจถอดสูทชั่วคราวและกลับมาสวมชุดกาว์อีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่แพทย์ร่วมกับทีมแพทย์ของประเทศ ในการต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสนี้
แม้เขาจะเคยวางมือจากการเป็นแพทย์มาที่ทำมากกว่า 7 ปี ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางทางการเมือง แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เขาได้ร่ำเรียนมายังคงไม่สูญหายไปแน่นอน และที่สำคัญก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาก็เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขมาก่อน
เรียกได้ว่านายลีโอคือลูกไม้หล่นใต้ต้นโดยแท้ เพราะครอบครัวของเขานั้นทำงานด้านการแพทย์กันทั้งบ้าน โดยเขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยทรินิตี้ ในกรุงดับลินเมื่อปี 2546 และทำงานในโรงพยาบาลในกรุงดับลินมานานหลายปี
Emergency unit overcrowding still a 'very serious problem' irishtimes.com
สมาชิกหลายคนในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีไอริช ต่างก็ทำงานด้านการแพทย์รวมถึง Matthew Barrett คู่หูของเขาซึ่งเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในดับลิน
ส่วนพ่อของเขาก็เป็นแพทย์ชาวอินเดีย ในขณะที่แม่ของเขาเป็นนางพยาบาลชาวไอร์ริช ซึ่งทั้งคู่พบรักกันที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ขณะทำงานให้กับ National Health Service (NHS)
Leo Varadkar Family : independent.ie
ส่วนน้องสาวของเขาก็ทำงานเป็นผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขด้วยเช่นกัน
โฆษกของรัฐบาลแถลงว่า นายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ในฐานะแพทย์ เพื่อช่วยตรวจรักษาประชาชนที่สำนักงานบริการสุขภาพ หรือ HSE 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ในสาขาที่อยู่ในขอบเขตการปฏิบัติของเขา
Leo Varadkar, Ireland's Fortunate Son | The Nation thenation.com
แม้แต่ครอบครัวของนายกรัฐมนตรีผู้นี้ก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือทำหน้าที่ด้านการแพทย์ด้วยเช่นกัน แม้มันอาจจะช่วยได้เล็กน้อยก็ตาม
สิ่งที่เกิดขึ้นในไอร์แลนด์ตอนนี้ก็คือ สำนักงานบริการสุขภาพ หรือ HSE ได้เรียกขอให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่นี้ในปัจจุบันแล้ว รวมทั้งอดีตผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ที่เกษียณอายุ ให้ช่วยกลับมาทำงานรักษาประชาชนอีกครั้ง ผลปรากฎว่ามีอดีตบุคลากรด้านสาธารณสุขมากกว่า 70,000 คนตอบรับที่จะเข้ามาช่วยปฏิบัติหน้าที่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสในไอร์แลนด์ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใกล้แตะ 5,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 158 คน
โฆษณา