18 เม.ย. 2020 เวลา 12:01 • ธุรกิจ
ถ้าตลาดหุ้นกำลังจะถล่ม
เราอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเเล้วหรือยัง ? (EP2)
สวัสดีทุกคนนะครับ
สำหรับบทความนี้ จะเป็นบทความภาคต่อ(EP2)
จากบทความก่อนหน้านี้
ซึ่งบทความก่อนหน้านี้
บังจะพูดถึงเหตุผล
ทำไมในตอนนี้นั้น
ยังไม่ใช่จุดที่ต่ำสุดของตลาดหุ้นสหรัฐ
บังได้ใช้ Buffet indicator เป็นตัวชี้วัดมูลค่าของตลาด
ซึ่ง Buffet indicator นั้นได้บอกเราว่า
ตอนนี้เรากำลังอยู่บน Hyper Bubble ของฟองสบู่ลูกนี้อีกด้วย
(ไม่ใช่เเค่ Bubbleนะครับ)
สำหรับคนที่สนใจสามารถติดตามอ่าน
ย้อนหลังได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
เเต่สำหรับ Part 2 นี้ บังจะมาใช้
Shiller ratio หรือ CAPE Ratio มาเป็นตัวชี้วัด
เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพของฟองสบู่ลูกนี้มากขึ้นนั้นเอง
Robert J. Shiller
ศาสตราจารย์โรเบิร์ต ชิลเลอร์ จากมหาวิทยาลัยเยล
เขาคือคนที่ทำนายวิกฤติการเงินต่างๆได้อย่างเเม่นยำ
เเละเขาคนนี้ยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์
ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี2013อีกด้วยครับ
Shiller ยังมีเเนวคิดที่ว่าเศรษฐศาสตร์นั้นไม่ใช่เรื่องของข้อมูลหรือตัวเลข
เเต่เป็นเรื่องของจิตวิทยา อารมณ์ความรู้สึกของผู้คน
ดังนั้นดัชนีของตลาดหุ้นก็ไม่ใช่เพียงเเค่ตัวเลข
เเต่เป็นผลพวงจากอารมณ์เเละความรู้สึกของผู้คนในตลาดเช่นกัน
เเละ Cape Ratio คือหนึ่งในดัชนีที่เขาคิดค้นขึ้นมานั้นเองครับ
Cyclically-adjusted price/earnings multiples (CAPE)
CAPE Ratio นั้นคือดัชนีที่สามารถทำนายว่าช่วงเวลาในปี 2007 ได้อย่างเเม่นยำ
ตลาดหุ้นสหรัฐไม่สามารถยืนอยู่บนฟองสบู่ได้อีกเเล้ว
(Great Financial Crisis)
ในช่วงเวลานั้น
นักวิเคราะห์ของ Bank of America ยังกล่าวอีกว่า
ในบรรดาดัชนีที่ใช้วัดระดับราคาของตลาดหุ้นที่เด่นๆนั้น
มีเพียง CAPE เท่านั้นที่บอกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ ณ ระดับราคานี้
แทบจะหากำไรต่อไปไม่ได้อีกแล้ว (ช่วงเวลาGreat Financial Crisis)
เเละดัชนีชี้วัดตัวนี้ยังได้บอกอีกว่าในปี 2009 นั้นตลาดหุ้นสหรัฐ
อยู่ในจุดที่ Undervalue สามารถเข้าซื้อได้
นักเศรษฐศาตร์เเละนักวิเคราะห์หลายๆ
คนจึงยอมรับในดัชนีชี้วัดตัวนี้นั้นเองครับ
คำถาม
บังคิดว่านี้คือจุดต่ำสุดของตลาดเเล้วหรือยัง ?
สำหรับบังนั้น คำตอบสั้นๆของบังคือยังครับ
ทำไมบังถึงตอบเเบบนี้..
มาดูกันที่กราฟของ Cape Ratio กันครับ
จากกราฟนี้ทุกคนจะเห็นถึงมูลค่าของ Cape Ratio
ย้อนกลับไปจนถึงปี 1880 ครับ
ความเคลื่อนไหวของ Cape Ratio นั้น
มีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐเป็นอย่างดี
ทุกคนจะเห็นถึงการปรับตัวลดลงของดัชนีนี้ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติขึ้น
(เเสดงให้เห็นถึงความเเม่นยำในอัตราส่วนนี้)
เช่นเหตุการณ์ Black Tuesday เเละ Black Monday ตามภาพนั้นเองครับ
เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพมากขึ้น
มาลองดูฝีมือการวาดรูปของบังนะครับ
กราฟที่บังวาดด้านบนนี้ บังจะใช้จุดเเสดงถึงค่าของ Cape Ratio
ในช่วงเวลานั้นๆนะครับ
จากภาพทุกคนจะเห็นถึงเส้นค่าเฉลี่ยที่บังขีดขึ้นมา
(บังวงกลมสีเเดงไว้ Cape Ratio = 15)
เเละทุกครั้งที่ค่าของดัชนีตัวนี้เกิด 15
นั้นเเสดงให้เห็นว่ามูลค่าของหุ้นสหรัฐนั้นอยู่ในจุด Expensive Zone
(ราคา Overvalue นั้นเอง)
เเละทุกคร้งที่ค่าของ Cape Ratio มีค่าต่ำกว่า 15 นั้นหมายความว่า
มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในจุด Cheap Zone
(Undervalue นั้นเอง)
เพิ่มพีระมิด
บังได้วาดพีระมิดเข้าไปในกราฟของ Cape Ratio
เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพเเละเข้าใจกันมากขึ้น
การขยายตัวของหัวพีระมิดจากหัวไปฐานนั้นเเสดง
ให้เห็นว่ามูลค่าตลาดได้มีการเพิ่มสูงขึ้น
จนทำให้ราคาของหุ้นนั้นเเพงเกินไป(สีเหลืองส้ม)
(Cape Ratio มีค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 15)
การขยายตัวของพีระมิดจากหัวไปฐาน(สีเขียว)
เเสดงให้เห็นถึงราคาของหุ้นในสหรัฐที่ค่อยๆถูกลงนั้นเอง(Undervalue)
(Cape Ratio มีค่าลดลงน้อยกว่า 15)
ทีนี้ในส่วนนี้บังจะมาขยายความในส่วนของพีระมิดให้มากขึ้นนะครับ
ทุกคนลองดูภาพนี้นะครับ
ภาพนี้บังจะ Focus เเค่พีระมิดเป็นหลัก
เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจในจุดนี้กันมากขึ้น
พีระมิดสีเเดง
เเสดงถึงความเเพงเเละฟองสบู่
ค่าต่างๆที่เเสดงใน Cape Ratio
17.0 OK ไม่ถูกเเละไม่เเพงเกินไป
มากกว่า 20 => Expensive (เเพง)
มากกว่าหรือเท่ากับ 30 => นั้นคือฟองสบู่อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
ในทางกลับกัน (พีระมิดสีเขียว)
14.0 OK ไม่เเย่ครับ
ต่ำกว่า 12 => Cheap
ต่ำกว่า 10 => จุดที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อ (ราคาถูกมากๆครับ)
คำถาม เรากำลังยืนอยู่ในจุดไหน
ตอนนี้ค่าของ Cape Ratio อยู่ที่ 23.85
23.85 => Expensive อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ
ลองมาดูที่กราฟนี้นะครับ
ค่าของ Cape Ratio ในตอนนี้นั้นมีการปรับตัวลดลงมาจากจุดพีค
ก่อนเกิดวิฤติ Covid 19
ในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐทำจุดสูงสุดมาตลอดนั้นเองครับ
เเต่ถึงเเม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะมีการปรับตัวลดลงมา
จุดยืนของเราในตอนนี้ ยังห่างไกลจากคำว่าถูกอีกมากครับ..
ความหมายของเส้นสีน้ำเงินเเละสีเเดง
จากภาพภาพบังได้วาดเส้นกราฟสีน้ำเงินเเละสีเเดง
เส้นสีเเดง เเสดงถึงการเพิ่มขึ้นของ Cape Ratio (เเย่)
เส้นสีน้ำเงินเเสดงถึงการลดลงของ Ca[e Ratio (ดี)
เเล้วทุกคนสังเกตุอะไรมั้ยครับ ทุกครั้งที่มีการเพิ่มขึ้นของ Cape Ratio
(สีเเดง) เเล้วราคาของตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในจุดที่เเพง
จะเกิดการปรับตัวของตลาดหุ้นอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (วิกฤต,ฟองสบู่อสังหา,ฟองสบู่การเงินเเตก)
จริงอยู่ครับที่ตอนนี้ทาง Federal Reserve มีการอัดฉีดเงินเข้ามามากมาย
คำถามคือในจุดนี้ ช่วงเวลาเเบบนี้
ทุกคิดว่าตลาดหุ้นมี Upside มากเเค่ไหน ?
ตลาดหุ้นสหรัฐได้เข้าสู่ Bull Market มาเป็นระยะเวลาที่นานมาก
ถ้าตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีก
จะปรับตัวสูงขึ้นด้วยเหตุผลอะไร ?
ฟองสบู่จะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อไม่มีใครมองเห็น
นั้นแหละถึงเรียกว่าฟองสบู่
ถ้าคำพูดนี้ถูกต้อง เราจะได้เห็นการขึ้นของตลาดหุ้นอีกครั้ง
เเละเมื่อทุกอย่างกำลังสวยงาม
ในช่วงเวลาที่ทุกคนประมาท นั้นเเหละครับ
คือเวลาที่ฟองสบู่จะเเตกออก
เเละด้วยช่วงเวลาการสะสม ระยะเวลา
ที่ฟองสบู่ลูกนี้ได้ถูกสร้างขึ้น
ตอนที่มันเเตกออก บังก็ไม่อยากจะจินตนาการพลังทำลายของมันเลยครับ
การเก็งกำไรจะสร้างฟองสบู่ขึ้นมา
เเละฟองสบู่ทุกลูกจะเเตกออกเสมอครับ
เตรียมพร้อมไว้นะครับ
เตือนเพื่อน เตือนคนรู้จัก ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย
การเตรียมตัวไว้ มันไม่ได้เสียหายอะไรเลยครับ จริงมั้ย
เรากำลังยืนอยู่บนฟองสบู่ลูกใหญ่ที่สุด
เเละความรู้จะช่วยให้เราผ่านวิกฤตในรอบนี้ไปได้
เพราะความรู้คือของขวัญที่ดีที่สุด
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ
ถ้าชอบบทความนี้ ช่วยกด Like กดติดตาม
เเชร์บทความนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้บังด้วยนะครับ
โฆษณา