#Cryptosneak: Miners, Hash Rates, Difficulty and Bitcoin price..เมื่อนักขุดถอดใจ จะเป็นสัญญาณเข้าซื้อ “บิตคอยน์” ที่ดีที่สุด??
Cryptosneak
Willy Woo แอคเคาท์ทวิตเตอร์นักเทรดขึ้นชื่อ ได้เผยแพร่ อินดิเคเตอร์ สำหรับวงการ คริปโต...Bitcoin Difficulty Ribbon. เมื่อไรก็ตามที่ Ribbon เริ่มบีบเข้ามาและผลิกกลับและคลายตัว เมื่อนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการ “ซื้อบิตคอยน์”
Network mining difficulty บ่งบอกเราโดยตรงถึงผลกระทบต่อราคา เมื่อเหรียญใหม่ถูกขุดขึ้นมา นักขุดต้องเทขายเหรียญส่วนหนึ่ง เพื่อจ่ายให้กับต้นทุนการขุด
นักขุดที่อ่อนแอ จำต้องขายเหรียญมากกว่าเพื่อน ยิ่งเมื่อโดนราคากดลงไปอีก ทำให้ต้องยอมแพ้ไป Hashing และ ค่า diff จึงดรอปลง เหลือแต่นักขุดที่แข็งแกร่ง ที่ยืนหยัดถือเหรียญไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเก็งกำไร
ปกติเราจะเห็นรูปแบบค่า diff นี้ ในทุกๆการจบรอบของ “ตลาดหมี” หลังจากจบการเทขายของนักขุด แรงขายก็เริ่มซาลง...ราคาเริ่มนิ่ง...และไต่ระดับ
ในตลาดหมี นักขุดรายย่อยมักหนีตาย ยิ่งใกล้ Halving ก็ยิ่งมีนักขุดที่ถอดใจมาก ด้วยรางวัลที่ลดลง แต่ต้นทุนเท่าเดิม และอาจเพิ่มขึ้น ทำให้เราเห็นการหดตัวของ Ribbon (Diff ลด) อีกหลังการ Halving (ในรูป 👇เส้นตั้งสีแดงคือจุด Halving)
ปี 2019 คล้ายปี 2012 เส้นตรงแนวตั้งสีแดง คือ วัน ที่ Halving
ปี 2019 แสดงลักษณะรูปแบบราคาที่คล้ายกับปี 2012 นักขุดถอนตัว เกิดการเทของราคา นักเก็งกำไรเริ่มถูกดูดเข้ามา ก่อนที่ราคาจะทะลุขึ้นไป...
Charles Edwards เสนอข้อสังเกตุว่า ถ้าเป็น Hash Rates indicator จะเร็วกว่า Diff indicator ในการค้นหาช่วงที่ “นักขุดถอนตัว”
Hash เปลี่ยนแปลงไวกว่า Diff
เนื่องจากระยะเวลาการปรับค่า diff สำหรับการขุดมีอยู่ จึงทำให้ Diff indicator นั้น ช้ากว่า Hash rates indicator อยู่ราวสองสัปดาห์ ในการจะระบุช่วงเวลาที่ “นักขุดถอนตัว” แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรมากกับนักเทรดระยะยาว
การเข้าเก็บ “บิตคอยน์” ในช่วงเวลาที่ “นักขุดถอนตัว” สังเกตุจาก Hash Rates เริ่มฟื้นตัว ก็จะเป็นช่วงเวลาที่น่าจะดีที่สุด แต่ชัวร์สุด รอเส้น sma10 วัน ตัด sma20 วัน :D
“การถอนตัวของนักขุด” ไม่ได้เกิดกันบ่อย เฉลี่ยก็ราวปีละครั้ง และมักเกิดชัดเจนหลังการ Halving ไม่แน่ว่าเราจะมีโอกาสที่ดีในการเข้าเก็บ “บิตคอยน์” อีกครั้งในกลางปีนี้ 2020 ก็เป็นได้...
buy signal เมื่อต้นปี 2020 ไปแล้ว 1รอบ และสัญญาณใหม่กำลังมา
ป.ล.
อย่างไรก็ตาม Bitcoin Hash Rates ยังสะท้อนถึง โครงสร้างของ เน็ตเวิร์คที่แข็งแรง หมายถึงพื้นฐานที่ดี โดยหากย้อนดูสถิติเก่า จะพบว่า hash นั้น เป็นเทรนด์ขาขึ้นที่คงที่ทีเดียว เราได้ผ่านยุคแห่งการเก็งกำไรที่บ้าคลั่งมาแล้ว, (Speculating Period (2017)) ต่อจากนี้ จะเริ่มเข้าสู่ยุคที่จะคุยกันเรื่อง พื้นฐาน การใช้งานจริง และการแทนที่เทคโนโลยี่เก่า,(Fundamental Period.)
@cryptotica
Update:
source:
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
