8 เม.ย. 2020 เวลา 12:59 • ไลฟ์สไตล์
เราต้องดูอะไรบ้างบนฉลากขวดไวน์?
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงองค์ประกอบต่างๆบนฉลากของขวดไวน์ที่คุณควรรู้ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน
1
(1) ชนิดองุ่น :
จากภาพตัวอย่างข้างบนจะเห็นว่าตัวอักษรที่เขียนว่า Merlot ที่อยู่บนฉลากไวน์ เป็นชื่อชนิดขององุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์นั่นเอง รสชาติและกลิ่นของไวน์จะมีความแตกต่างกันโดยจะขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่ใช้ในการผลิต
แต่ถ้าบนขวดไวน์นั้นไม่ได้ระบุชื่อขององุ่นแต่ละชนิดที่ใช้ในการผลิตไวน์ นั่นอาจหมายความว่า ไวน์นั้นใช้องุ่นหลายชนิดมาผสมกัน
(2) ปีที่ผลิต :
เราสามารถดูอายุของไวน์ได้จากปีที่ผลิต ซึ่งมีบอกที่บริเวณคอขวดหรือข้างหลังขวด
ซึ่งปีดังกล่าวสามารถบ่งบอกได้ถึงคุณภาพและรสชาติของไวน์ได้โดยที่เราสามารถทราบได้ว่า สภาพอากาศในฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตในปีนั้นมีสภาพอากาศดีหรือไม่ เช่น ไวน์บางปีอาจผลิตจากองุ่นที่เก็บเกี่ยวในสภาพอากาศที่ไม่ดี เลยส่งผลทำให้รสชาติของไวน์นั้นไม่ดีตามคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้นั่นเอง
ในบางกรณีอย่างเช่นไวน์ Rioja ฉลากที่เขียนว่า ‘Riserva’ หรือ ‘Gran Riserva’ จะบ่งบอกถึง vintage ที่มีคุณภาพ แต่ในกรณีทั่วไปแค่เพิ่มคำว่า ‘Reserve’ลงบนฉลากซึ่งไม่ได้มีความหมายอะไร ใส่ไปแค่เพื่อการตลาดเท่านั้น
(3) ประเทศและภูมิภาค :
ส่วนใหญ่แล้วฉลากบนขวดไวน์จะระบุถึงประเทศหรือภูมิภาคที่ผลิตอยู่ที่ด้านบนหรือด้านล่างของฉลาก ถ้าฉลากไม่มีเขียนชื่อประเทศหรือชื่อภูมิภาค อาจเป็นเพราะว่าผู้ผลิต เลือกที่จะเขียนชื่อสถานที่เฉพาะในการผลิตไวน์ที่ไร่องุ่นนั้นตั้งอยู่
ยกตัวอย่าง เช่น ไวน์ของ Château Martet (ข้างล่าง) เป็นไวน์ฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ใน Bordeaux แต่ผู้ผลิตเลือกที่จะใช้ฉลากเฉพาะของ Sainte-Foy-Bordeaux ซึ่งเป็นที่ตั้งเฉพาะของไร่องุ่น
โดยทั่วไปแล้วถ้าฉลากสถานที่แหล่งผลิตยิ่งเฉพาะเจาะจงมาก ไวน์นั้นจะยิ่งดีและมีมูลค่าสูงกว่า ยกตัวอย่างเช่น ไวน์ Grand Cru ของ Le Montrachet, Burgundy ที่บนฉลากเขียนว่า ‘Le Montrachet’ จะมีราคาสูงกว่าไวน์ที่ฉลากเขียนว่า ‘Grand Vin de Bordeaux’ ซึ่งไม่ได้เจาะจงไร่องุ่นเฉพาะและอาจเอาองุ่นของหลายๆที่มาผสมกัน
(4) ชื่อของผู้ผลิต :
ชื่อของผู้ผลิตส่วนใหญ่จะอยู่บนหน้าฉลากเสมอเช่นเดียวกับแหล่งที่ผลิตไวน์ โดยอาจมีผู้ผลิตบางรายที่อาจจะใส่รายละเอียดต่างๆลงไป เพื่อสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ไวน์ Merlot ข้างล่าง มีชื่อว่า “Aurelia Visinescu” ไวน์นี้เป็นหนึ่งในไวน์ที่เราชอบที่สุดและผู้ผลิตได้เลือกที่จะใส่ชื่อของเขาเข้าไปบนฉลากเพื่อบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
โดยทั่วไปผู้ผลิตหรือไร่องุ่นที่มีขนาดเล็กหน่อย จะมีคุณภาพองุ่น คุณภาพการผลิตไวน์และราคาสูงกว่าผู้ผลิตขนาดใหญ่ที่มีการผลิตจำนวนมาก
(5) ระดับแอลกอฮอล์ในไวน์ :
หน่วยที่ใช้วัดระดับแอลกอฮอล์ในไวน์คือ ABV (Alcohol by Volume) ซึ่งไวน์แดงนั้นจะมีระดับแอลกอฮอล์เฉลี่ยอยู่ 13.5% ส่วนไวน์ขาวจะมีเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่าไวน์แดงเพียงเล็กน้อย
โดยคุณสามารถดูระดับแอลกอฮอล์ได้ที่ด้านล่างของฉลากบนขวดไวน์ โดยทั่วไป ABV ยิ่งสูงระดับแอลกอฮอล์ในไวน์สูงมากเท่าไหร่ body ของไวน์สูงก็จะสูงตามไปด้วย
ระดับแอลกอฮอล์ระหว่าง 12.5% ถึง 13.5% ถือว่าเป็นไวน์ medium-bodied และไวน์ที่เกิน 13.5% ถือว่าเป็นไวน์ full-bodied อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้วไวน์ที่ ABV สูงกว่า 15% จะถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพต่ำ
สิ่งที่ไม่มีอยู่บนฉลาก :
- วิธีการหรือกระบวนการที่ใช้ในการเก็บเกี่ยวองุ่น
- การใส่ส่วนผสมอื่นๆที่ใช้ในการผลิต เช่น การใส่สีสังเคราะห์ ชิปโอ๊ก หรือ การผสมยีสต์ลงไปในไวน์เพื่อลดต้นทุนในการผลิต
สเมื่อได้ทราบถึงรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับฉลากบนขวดไวน์ไปแล้ว ทำให้คุณรู้ว่าข้อมูลที่อยู่บนฉลากของขวดไวน์นั้นมีเยอะมาก แต่เราเชื่อว่าถ้าคุณได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับไวน์เพิ่มเติม และฝึกฝนเรื่อยๆ ในไม่ช้าคุณก็จะแยกแยะไวน์ที่ดีจากไวน์ที่ธรรมดาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้คุณชิมไวน์ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
โฆษณา