8 เม.ย. 2020 เวลา 12:51 • ธุรกิจ
“3 วิธี” ลดค่า Ads ยังไงให้ถูกที่สุด!
เป็นวิธีที่ “Facebook แนะนำ” #เคล็ดลับมาก
# วิธีที่จะช่วยให้คุณลดค่า Ads x2 เท่าขึ้นไป #
ผมจะมาแชร์วิธีง่ายๆ “3 วิธี”
ที่จะช่วยให้คุณยิง Ads ถูกจุดมากขึ้น
และ ได้ราคาถูกมากยิ่งขึ้น....
คุณว่ามันจะสนุกแค่ไหนเมื่อคุณ
"ขายได้มากยิ่งขึ้น แต่ใช้ค่า Ads เท่าเดิม?"
.
ผมมีเรื่องเล่าเรื่องนึง
เกี่ยวกับ “ ขายดีจนเจ๊ง... ”
หลายๆคนอาจจะคิดว่า
เฮ้ย! ขายดีจนเจ๊งมันเป็นไปได้หรอ?
เป็นไปได้ครับ!
ผมเคยเห็นคนที่ยิง Ads เยอะๆ
ขายดีมากๆเลยนะแต่พอ
คำนวณรายรับรายจ่าย
“กลับมีรายจ่ายมากกว่ารายรับซะอย่างนั้น”
ขายได้เยอะมาก
แต่รายจ่ายก็เยอะมาก
หมายความว่าอะไร ?
คือ ขาดสภาพคล่อง (Cashflow)
รายจ่ายมากกว่ารายรับนั่นแหละ
เพราะอาจจะไม่ได้
วางแผนไว้ตั้งแต่แรกว่า
สินค้าของฉันซื้อซ้ำได้ไหม ?
ฉันสามารถเพิ่มยอดขาย Upsell ได้ไหม?
----
*Upsell นึกภาพรับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยคะ
----
ถ้าไม่วางกลยุทธ์มาก่อน
คุณอาจจะนึกไม่ถึงว่า
ทุกๆบาททุกๆสตางค์นั้น
อาจทำให้คุณเพิ่มลูกค้าได้มหาศาล
หรืออาจทำให้ธุรกิจคุณหายไปเลย
สิ่งที่สำคัญคือ
อย่างแรกที่ต้องรู้
และคำนวณให้ได้ !
คือคำนวณว่า
“ต้นทุนต่อลูกค้า 1 คน”
เราต้องจ่ายกี่บาท ?
เช่นสินค้า A ราคา 690฿
บวกลบเรียบร้อย
(หัก Everything ทิงเกอเบลเรียบร้อย)
>> เหลือกำไร 200 บาท
แสดงว่า
คุณต้องซื้อลูกค้า 1 คน
ในราคาที่ต่ำกว่า 200 บาท !
ถ้าไม่อย่างนั้น
ต้องปิดการขายเก่งๆ
หรือ Upsell การขาย (ขนมจีบ)
สิ่งที่สำคัญนะคือ
“ต้นทุนต่อลูกค้า 1 คน”
ถ้าคุณปิดไม่เก่งมาก
การทำให้หมูวิ่งชนบังตอบ่อยๆ
ก็เป็นโอกาสที่สำคัญ
ที่ช่วยให้คุณขายได้ ! #เย้ๆ
วิธีลดค่า Ads แบบง่ายๆ
.
# กฏเหล็กของ Facebook #
1.
ค่า Ads แพงเพราะคนไม่คลิก
Facebook คิดเงินจากคนเห็นโฆษณา
คิดไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นเยอะยิ่งคิดเยอะ
.
แต่สิ่งที่ช่วยให้ค่า Ads ถูกเฟสบุ๊คแนะนำ!
“คนมีปฏิสัมพันธ์ Engage กับโฆษณาคุณ”
> เห็นเยอะไม่สำคัญ แต่..
สำคัญว่าลูกค้าสนใจ Ads คุณไหม..
.
วิธีทำให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับ Ads
คือ 2 เรื่องนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวจิตวิทยา
" Pleasure & Pain "
- ความสุข - ความเจ็บปวด
ถ้าชิ้นงานโฆษณาที่เรานำเสนอ
ช่วยให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้นได้...
หรือ เป็นสิ่งที่ลูกค้าสนใจ
เค้าจะคลิก(Click)อย่างแน่นอน!
วิธีที่ผมใช้คือ :
1.) เขียนพาดหัวโดนๆ Caption
2.) รูปภาพ / VDO ต้องดึงดูดสายตามากๆ
3.) เรียบเรียงให้ง่าย “อ่านไม่ต้องคิด”
4.) ใส่รายละเอียดวิธีสั่งซื้อทุกครั้ง ! (CTA)
ง่ายๆ นำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
Facebook ชอบ
ให้คนมีส่วนร่วมกัน
ในแพลตฟอร์มของเค้า!
เฟสบุ๊คไม่ได้มองว่า
คุณจะขายถี่แค่ไหน
แต่เฟสบุ๊คมองว่า
โพสต์คุณทำให้
คนในแพลตฟอร์มนี้
มีส่วนร่วมได้ไหม ?
(ถ้าทำได้ก็ค่า Ads ถูก!)
“Facebook care user Experience”
.
2.
ยิงถูกกลุ่มเป้าหมาย Right Audience
เช่น Interest ที่เราใช้
ต้องเกี่ยวข้องกับสินค้า
ที่เราขาย ย้ำนะว่าเกี่ยวข้อง!
คุณอาจจะใช้ Facebook Audience Insight
วิจัยข้อมูลเบื้องต้นดูเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย
ขอให้เกี่ยวข้องกับ
สินค้าที่เราขายก็พอ..
.
หรืออีกทางนึงง่ายยิ่งขึ้น
คือยิงหาคนในเพจ (เงินอยู่ตรงนี้!)
เช่น
- คนกด Like Page
- คนดู VDO มากกว่า 50%
- คนทัก Inbox เข้ามา
- คน Engagement กับโพสต์
- คนเข้า Website / ที่ติด Pixel แล้ว
ยิง Custom กลับไปหา
(3, 7, 15, 30, 90, 180 วันที่ผ่านมา)
คุณจะต้องทึ่งกับ
ค่าโฆษณาที่จะได้
และโอกาสขายได้
สูงสุดๆ โอกาส “ทัก 10 ปิด 9”
เป็นไปได้ !
.
3.
ใส่งบน้อยๆ 33 - 100 บาท
ให้ตายเถอะ ! พระเจ้า...
ผมจะบอก Key อะไรคุณอย่างนึง
Facebook มันพิลึกมาก
ไม่ว่าจะใส่เงินเท่าไรลงไป
มันจะเอาผลลัพธ์มาให้คุณ..
อย่างน้อยสุดๆ คือ 1 ผลลัพธ์
นี่เป็นโอกาสที่ดี
ที่คุณได้ทดสอบโฆษณา
(ข้อ 1 กับ ข้อ 2)
ว่า คอนเทนต์แบบนี้ดีไหม ?
ว่า กลุ่มเป้าหมายนี้ดีไหม ?
ยังไม่ต้องจ่ายเยอะเลย
ขั้นตอนการเทส Testing
.
พอคุณเจอตัวที่ใช่แล้ว
คุณจะใส่ 600 - 2000 ก็ไม่แปลก!
แต่ต้องมาจาก
สิ่งที่ “พิสูจน์แล้ว” OK ?
เทสน้อยๆ
เจอตัวที่ใช่
ค่อยอัดงบเพิ่ม
.
ไม่มีใครยิงเก่งตั้งแต่แรก
มันมาจากการล้มเหลวครั้งที่
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
Thomas Alva Edison
พูดว่า :
“ผมไม่เคยล้มเหลว ผมแค่พบ
10,000 วิธี ที่ใช้การไม่ได้เท่านั้นเอง”
.
จงจำไว้ว่า “Always Be Testing”
ทดสอบทุกๆครั้ง
คุณจะเจอ Ads ที่ใช่!
.
(สรุป “3 วิธี” ทำให้ค่า Ads ถูก)
1. ทำชิ้นงานโฆษณาให้น่าสนใจ
2. ยิงให้ถูกกลุ่มเป้าหมาย Right
3. เริ่มทดสอบงบน้อยๆ 33 - 100
ถ้าคนที่เลื่อนลงมาอ่านด้านล่าง
ยังไม่ค่อย Get เลื่อนขึ้นไปอ่านใหม่
ที่สำคัญที่สุด
“Always Be Testing”
และ
“Facebook care user Experience”
.
สวัสดีครับ
ผมก้องภัค (Kongpak)
โฆษณา