8 เม.ย. 2020 เวลา 14:11 • การศึกษา
พลังของการเลือก
คนเรามักจะตั้งคำถามว่า”ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” จากเหตุการณ์หรือสิ่งแย่ๆที่เกิดขึ้น ในบางครั้งก็เลือกโยนความผิดไปให้คนอื่น เพราะเจ้านายนั่นแหละเรื่องมาก ให้เราทำอะไรนักก็ไม่รู้ เพราะมึงนั่นแหละชวนกูไปกินเหล้า รถกูถึงล้มเนี่ย เพราะคนนั้นนั่นแหละ เพราะคนนี้นั่นแหละ การที่เราโทษคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรนัก เพราะทุกๆคนก็เคยทำกันทั้งนั้น แต่นั่นเป็นต้นเหตุจริงๆหรอ เพราะเจ้านายจริงๆหรอที่ทำให้เราต้องเหนื่อยล้ากับการทำงาน เพราะเพื่อนจริงๆหรอที่ทำให้เราต้องขี่รถล้ม หรือจริงๆแล้วเป็นเพราะตัวเราเอง ใช่ครับ! ผมอยากจะบอกว่าคนอื่นหรือสิ่งอื่นที่เราโทษหรือโยนความผิดไปให้นั้น พวกเขาล้วนเป็นแค่เพียงองค์ประกอบของผลลัพธ์เท่านั้น พวกเขาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในเส้นทางนี้ แต่ต้นเหตุจริงๆแล้วนั้นเป็นการเลือกของตัวเราเอง เราเลือกที่จะทำงานที่นี่ ตำแหน่งนี้ กับเจ้านายคนนี้ เราเลือกที่จะออกไปดื่ม เราเลือกที่จะขี่รถกลับในตอนที่เราเมา ใช่! เราเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ผมอยากให้คุณผู้อ่านลองมองย้อนกลับไปแล้วสังเกตดูว่าการที่เราคิดว่าคนอื่นหรือสิ่งอื่นคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่แย่ๆกับเรานั้น มันทำให้เราหลุดพ้นจากเรื่องเหล่านี้หรือไม่ แน่นอนครับ มันยังคงเกิดขึ้นอยู่ และจะยังเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ อาจจะเกิดในเหตุการณ์แบบเดิม หรืออาจจะเกิดในเหตุการณ์อื่นๆที่แตกต่างออกไป แต่ระบบการเกิดนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย นั่นคือเรา”เลือก”แล้วเราก็”เป็น” ใช่ครับ! “เราเป็นในสิ่งที่เราเลือก”
แล้วทำไมเราถึงเลือกที่จะโทษคนอื่นและเลือกที่จะคิดว่าควรแก้ที่คนอื่นหรือสิ่งอื่นล่ะครับ แน่นอน…เพราะมันเป็นสิ่งที่ง่าย คนเรามักจะเลือกสิ่งที่ง่ายกว่าอยู่แล้ว และสถานการณ์นี้จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น หากผมป่วยเป็นไข้และอยากจะหาย ผมควรจะต้องทำยังไงครับ…ใช่แล้ว! ไปคลินิกให้คุณหมอตรวจอาการ แล้วคุณหมอก็จะจ่ายยามาให้ทาน แต่แล้วในสัปดาห์ถัดไปหรือเดือนถัดไป ผมก็กลับมาเป็นไข้เหมือนเดิมอีก ในสถานการณ์นี้ผมอยากจะบอกว่า การไปหาหมอแล้วซื้อยากลับมาทานนั้นเป็นการแก้ไขที่ดีครับ แต่การทานยานั้นเป็นการแก้ไขที่อาการ การทานยาเพื่อลดไข้จึงไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นเหตุของการเป็นไข้ หากเราจะแก้ไขที่ต้นเหตุจริงๆ เราก็จะต้องสำรวจตัวเองว่าทำไมเราถึงเป็นไข้ เราพักผ่อนพียงพอหรือเปล่า เราตากฝนมาหรือเปล่า เราได้ออกกำลังกายหรือเปล่า เราได้ทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายหรือเปล่า เมื่อรู้ถึงต้นเหตุแล้วเราก็เริ่มแก้ไขในสิ่งเหล่านี้ เริ่มที่จะเลือกพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ หากทำทั้งหมดนี้ได้ เราก็แทบจะบอกลาการป่วยเป็นไข้ไปปได้เลย คนส่วนใหญ่รู้ว่ามันเป็นการแก้ไขที่ยอดเยี่ยม แต่มันง่ายกว่าถ้ารอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยไปซื้อยามากิน เพราะเลือกแก้ไขที่ปลายของเหตุ คนส่วนใหญ่จึงต้องพบเจอกับปัญหาเดิมๆซ้ำๆ หากเราอยากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เราก็ต้องเริ่มที่จะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
การเลือกของเราในวันนี้ จะมีผลต่อชีวิตเราในอนาคตมาก หากเราอยากจะให้ตัวเราเป็นแบบไหน เราก็จะต้องเลือกเส้นทางที่จะทำให้เราเป็นแบบนั้นได้ ถ้าตอนนี้มีใครที่รู้สึกว่าตัวเองเลือกมาผิดทาง ผมก็อยากให้ลองทบทวนแล้วลองเลือกเส้นทางใหม่ ลองเปลี่ยนไปเลือกทำในสิ่งที่จะทำให้เราได้เป็นในสิ่งที่เราจะเป็น อย่าปล่อยให้เวลาทวีความรุนแรงของผลกระทบของการเลือก เพราะนั่นจะทำให้เราต้องเหนื่อยมากขึ้นหากจะเปลี่ยนแปลง ลองนึกตามนะครับ ถ้าผมขับรถอยู่ แล้วข้างหน้ามีรถบรรทุกจอดเสียอยู่กลางถนน ถ้าผมหักพวงมาลัยนิดหน่อยเพื่อเบี่ยงหลบในทันทีที่ผมเห็น ผมก็จะไม่ชนกับท้ายรถบรรทุกคันนั้น แต่ถ้าผมปล่อยให้รถของผมเคลื่อนที่เข้าไปใกล้กับท้ายรถบรรทุกแล้วค่อยเบี่ยงหลบ นั่นหมายความว่าผมจะต้องออกแรงหักพวงมาลัยให้มากกว่าตอนแรก และโอกาสที่ผมจะหลบไม่พ้นแล้วชนกับท้ายรถบรรทุกคนนั้นก็มีมากขึ้นด้วย เห็นไหมครับว่ายิ่งการที่เราปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นั้นยากขึ้นด้วย เพราะเวลาจะทวีพลังของผลกระทบของการเลือกให้มากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะทางแยกต่างๆคือทางเลือก เราควรที่จะคิดให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกเส้นทางนั้นๆ และคนที่คิดว่าเส้นทางที่ตัวเองเลือกไปแล้วนั้นเป็นเส้นทางที่ผิด ก็อาจจะต้องพยายามมากสักหน่อยในการที่จะเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนเส้นทาง แต่เชื่อเถอะครับมันจะคุ้มค่ามากจริงๆ ถ้าเรารู้ว่าทางที่เรากำลังไปนั้นเป็นทางที่ผิด ก็ไม่เสียหายอะไรที่จะวนรถย้อนกลับมาสักหน่อยเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง หากเราอยากจะเป็นอะไร ก็จงเลือกเส้นทางที่จะนำพาไปสู่สิ่งนั้น ให้ความสำคัญกับการเลือกให้มากๆ ตัดสินใจให้ดี “เพราะอะไรก็ตามที่คุณเลือกทำในวันนี้ จะส่งผลกระทบต่อวันพรุ่งนี้” ...ขอบคุณครับ
✏: ปลูกฝัน
thanks:Image by Pixource
โฆษณา