9 เม.ย. 2020 เวลา 06:25 • สุขภาพ
หมอขอเล่าขอสัมภาษณ์ : บทสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์ชาวไทย ที่อาศัยอยู่ที่กรุงนิวยอร์ก ถึงสถานการณ์การระบาดของ covid-19 ว่าย่ำเเย่เเค่ไหน ชาวเมืองนิวยอร์กมีชีวิตอยู่กันอย่างไร ณ ตอนนี้ ???
https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-testing-sollis/how-one-elite-new-york-medical-provider-got-its-patients-coronavirus-tests-idUSKBN2170GR
บทความนี้ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์ พี่ วีรภัทร คิ้ววงศ์งาม (ผมขอเรียกว่า พี่นุ้ย ) ซึ่ง พี่นุ้ย เป็นรุ่นพี่ของผม ตอนเรียมมัธยมเเละเป็นอดีตตัวเเทน ประเทศไทยเข้าเเข่งขัน โอลิมปิคชีววิทยา เเละได้จบ การศึกษาด้านชีววิทยา จาก ประเทศสหรัฐอเมริกาเเละตอนนี้ได้ทำงานอยู่ที่เมือง นิวยอร์ก ซึ่ง ตอนนี้เป็นศูนย์กลางการระบาดของ เชื้อ covid-19 ที่สำคัญของประเทศ สหรัฐอเมริกาเเละของโลก !!!
หมอขอเล่า : วันนี้ผมดีใจมากครับ ที่พี่นุ้ยได้เสียสละเวลา
มาบอกเล่าถึง สถาการณ์การระบาดที่เมืองนิวยอร์ก เเต่ก่อนอื่นผมขออนุญาตให้พี่นุ้ย เเนะนำตัวเองนิดนึงนะครับ
พี่นุ้ย : สวัสดีครับ พี่เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลโครงการโอลิมปิกวิชาการ สาขาชีววิทยา จบปตรี ที่ MIT ด้านชีววิทยา ตอนนี้อาศัยอยู่ใน New York City อยู่บนเกาะ Manhattan ย่านที่เขาเรียกว่า Upper East side เรียนอยู่ปริญญาเอกด้าน
biophysics กับ structural biology อยู่ที่มหาวิทยาลัย Rockefeller
หมอขอเล่า : สถานการณ์ใน นิวยอร์กตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ มีการปิดเมืองที่เข้มข้นเเค่ไหน ชีวิตประจำวันของ คนทั่วๆไปใน นิวยอร์ค ณ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
พี่นุ้ย : ตอนนี้เมืองนิวยอร์กเงียบมาก จะได้ยินก็แต่เสียงรถตำรวจ รถพยาบาล ตัวเรานี่ไม่ได้ออกจากบ้านเลยมา 2 สัปดาห์แล้ว สั่งอาหารก็จะสั่งแบบชุดใหญ่ๆ แล้วก็เก็บไว้กินหลายๆมื้อ หรือว่า ถ้าสั่งของสด ก็สั่งครั้งละเยอะๆ มาเก็บใส่ตู้เย็น คือเรากะไว้แล้วว่าอยู่ได้แน่นอนเป็นเดือน
หลายๆคนที่ไม่ได้ทำแบบนี้ก็ยังต้องออกไปผจญโลกภายนอก คือ ไปจ่ายตลาด ซึ่งในความคิดเราก็อันตราย หลายๆคนก็ยังออกไปวิ่งเล่น เราคิดว่าก็อันตราย แต่เราก็ห้ามใครไม่ได้ ที่นี่ไม่ได้ปิดเมืองแบบคุมเข้ม คือพอประมาณ ให้ประชาชนออกมาวิ่งได้บ้าง
สถานการณ์จำนวนคนป่วยในแต่ละวันดูเหมือนจะทรงๆ คงที่ อาจจะดีขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้หมายความว่าคนป่วยน้อยลงนะ แต่หมายความว่า ในแต่ละวันนี้ คนป่วยเพิ่มขึ้นอย่างคงที่!!เครื่องช่วยหายใจที่นี้ อาจจะหมดทั้งรัฐในไม่ช้า เพราะผู้ป่วยล้นเกินขีดจำกัด
ส่วนคนตายในแต่ละวัน ตอนนี้เยอะมาก วันละหลายๆร้อยคน จนตอนนี้อาจะไม่มีที่เก็บศพ!!
https://abcnews.go.com/amp/Health/nycs-grim-contingency-coronavirus-deaths-rise-temporary-mass/story?id=70008187
อันนี้เราคิดว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เพราะว่าทุกคนไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน คือ ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้คือเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว คือ Influenza 1918 คือคนส่วนใหญ่จินตนาการไม่ออก และเตรียมตัวไม่ถูก เพราะทุกคนก็ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ว่าโรคระบาดในสเกลใหญ่
แบบนี้ มันรุนแรงขนาดไหน
แต่การที่จำนวนคนป่วยใหม่ต่อวันคงที่ ก็เป็นนิมิตรหมายที่ดี ว่า ต่อไปจำนวนคนป่วยใหม่อาจจะค่อยๆเบรกลงๆ ทีละน้อยๆ ก็ต้องรอดูต่อไป
คือฟังแล้วมันก็อาจจะเศร้า แต่ว่า น้ำยังไหล ไฟฟ้ายังมี อินเตอร์เน็ตยังใช้การได้ เราก็ไม่มีปัญหาอะไร
หมอขอเล่า : ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเเละ รัฐบาลท้องถิ่นในนิวยอร์ก ช่วยเหลือ พลเมืองนิวยอร์กอย่างไรบ้าง
พี่นุ้ย : ตอนนี้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ คือ ใน Washington D.C. เนี่ย เค้าเริ่มตั้งแต่ประกาศภาวะฉุกเฉินก็มีไกด์ไลน์ ออกมาต่างๆมากมาย เช่น ว่าจะทำ social distancing อย่างไร จะป้องกันดูแลตัวเองอย่างไร จะต้อง quanrantine หรือว่า self-isolate ตัวเองอย่างไร
แล้วที่สำคัญคือ รัฐบาลเค้าจะมี stockpile สิ่งของจำเป็นในภาวะฉุกเฉิน เช่นหน้ากาก ถุงมือ หรือว่าเครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ เค้าก็มีบ้าง แต่มันยังไม่เพียงพอ
เค้าก็มีกฎหมายเรียกว่า defense production act คือเป็นกฎหมายในยามฉุกเฉิน ให้อำนาจรัฐบาลในการสั่งให้บริษัทเอกชน โรงงานต่างๆ ผลิตสิ่งของจำเป็นส่งให้รัฐบาล ซึ่งเค้าก็เริ่มบังคับใช้กฎหมายนี้แล้ว
https://www.bangkokpost.com/world/1890030/demand-explodes-for-new-york-food-banks
ส่วนรัฐบาลของนิวยอร์กเองเนี่ย เป็นตัวการหลัก ในการจัดหาสิ่งของให้โรงพยาบาล กับ จัดการเรื่องหยุดงาน ปิดร้านอาหาร หรือว่าผับ บาร์ โรงหนัง สถานชุมนุมชนต่างๆ แล้วก็เปิดโรงพยบาลสนามไว้รองรับคนที่เพิ่มขึ้น
หมอขอเล่า : ความเห็นของพี่เกี่ยวกับการ ระบาดในสหรัฐอเมริกาพี่ คิดว่า อเมริกา พลาดจุดไหนในการป้องกันการระบาดในครั้งนี้
พี่นุ้ย : ในความคิดเราคือ
- คนอเมริกัน ทั้งรัฐบาลและประชาชนทั่วไป ชะล่าใจ ย่ามใจคิดว่า ไวรัสนี้ไม่ร้ายแรง ส่วนหนึ่งเพราะว่าอเมริกาคิดว่าตัวเองดีที่สุดในโลก เลยไม่ต้องฟังใคร เราคิดว่าคนอเมริกันหลายคนมองประเทศจีนว่าล้าหลัง ป่าเถื่อน เวลามีโรคระบาดเกิดขึ้น อเมริกันก็ไปโทษเรื่องการกินค้างคาวบ้าง หรือว่าเรื่องตลาดขายสัตว์ในจีน โดยไม่พยายามศึกษาเรื่องโรคระบาดให้ดี พอโรคระบาดย้ายฐานมาถึงในยุโรป คนอเมริกันถึงจะเริ่มรู้ตัวว่ามันรุนแรงกว่าที่คิด เพราะว่าอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ก็เป็นประเทศเจริญแล้ว แต่ก็ยังเจอโรคระบาดหนัก แต่ถึงกระนั้น อเมริกาก็ยังคิดว่า อเมริกาคงไม่หนักเท่ายุโรป เพราะยุโรปคนแก่เยอะ ด้วยความคิดที่แบบนี้ การเตรียมตัวเลยไม่พร้อมอย่างที่เห็น
- รัฐบาลกลางของอเมริกา สื่อสารไม่ได้ความ ตอนแรกๆที่ไวรัสยังระบาดไม่หนัก รัฐบาลพยายามบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก เหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดาๆ สาเหตุที่สื่อสารแบบนี้เพราะกลัวว่า ถ้าทำให้คนกลัว จะทำให้ตลาดหุ้นตก เศรษฐกิจแย่ เลยพยายามออกข่าวกลบว่าสถานการณ์ไม่เลวร้าย ทำให้ประ
ชาชนไม่ตื่นตัว หรือว่าประชาชนคิดไปว่าไม่มีอันตรายทีหลังเมื่อสายไปแล้ว ถึงจะออกมากลับลำ แก้ตัว ว่าโรคนี้ร้ายกว่าที่คิด ทำให้ประชาชนสับสน ทำตัวไม่ถูก
- ไม่สนับสนุนให้คนสวมหน้ากาก คือ อันนี้ต้องโทษเครือข่ายหมอพยาบาลในอเมริกา รวมถึง ผู้เชี่ยวชาญที่นี่ ที่ไม่ศึกษาจากจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ หรือว่าประเทศในเอเชียที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค ประเทศ
เหล่านี้ว่าพูดเหมือนกันว่าการสวมหน้ากากมีส่วนช่วยมาก เนื่องจากว่าผู้ป่วยจำนวนมากอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองป่วย ถ้าคนส่วนมากไม่สวมหน้ากาก ก็มีโอกาสกระจายเชื้อไปให้คนอื่นๆโดยไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่หมออเมริกันออกมาพูดแบบนี้ ทำให้คนยิ่งอาย ไม่กล้าสวมหน้ากาก เพราะคิดว่าถ้า สวมหน้ากาก แสดงว่าต้องเป็นผู้ป่วย ซึ่งทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เราคิดว่า หมอพยาบาลอเมริกัน อาจจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ หรือว่า คิด แต่อยากจะเก็บหน้ากากไว้กับตัวเอง เลยออกมาบอกกับประชาชนว่าหน้ากากไม่จำเป็น หรือว่า สวมแล้วอาจจะเสี่ยงต่อโรคมากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยเหตุนี้คนถึงไม่สวมหน้ากาก โรคโคโรน่าไวรัสนี้จึงแพร่อย่างคุมไม่อยู่ แล้วสุดท้าย รัฐบาล รวมถึงหมออเมริกัน มารู้ตัวทีหลังว่าคิดผิด ก็สายไปเสียแล้ว กว่าจะออกมาเตือนคนอเมริกันให้สวมหน้ากาก ก็เหมือนวัวหายเเล้วล้อมคอก !!!!
หมอขอเล่า : สุดท้าย ในฐานะที่พี่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ด้าน ชีววิทยา พี่คิดว่า การระบาดในครั้งจะจบอย่างไร จะมียารักษาที่ได้ผล มีวัคซีน หรือ โรคจะค่อยๆหยุดเองตามธรรมชาติ ???
พี่นุ้ย : เราคิดว่าไม่มีใครรู้ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่มนุษยชาติเราพบเห็นโรคอะไรแบบนี้ ในสเกลขนาดนี้ แต่เท่าที่เราอ่านๆมา เราคิดว่าการคิดค้นประดิษฐ์วัคซีน หรือคิดค้นยาต้านไวรัส อาจจะทำสำเร็จ แต่ว่าอาจจะช้าไม่ทันปีนี้
อาจจะสำเร็จปีหน้า หรือว่าปีต่อๆไป คนส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ประโยชน์ ส่วนยา เราคิดว่า ตอนนี้ยังไม่มียาที่รักษาได้ชัดเจน คือ มีหลายๆคนอ้างว่า ยาต้านไวรัสอื่นๆ หรือว่ายาโรคมาลาเรีย พอใช้รักษาโคโรน่าไวรัสได้ เราคิดว่า หลักฐานยังอ่อนอยู่
ในความคิดเราในฐานะที่เราเรียนเรื่อง structural biology ก็คือว่า หลักการที่ยาจะใช้ได้ผล ก็คือว่า โครงสร้างเคมีของยาเนี่ย ต้องจำเพาะเจาะจงต่อโครงร้างโปรตีนของไวรัส ในลักษณะเหมือนเป็นตัวต่อจิ๊กซอ หรือว่า ลูกกุญแจเข้ากับแม่กุญแจ พอโครงสร้างยานี้ไปเกาะกับโครงสร้างไวรัสอย่างลงตัวเนี่ย มันก็จะล็อคโปรตีนของไวรัสไว้ ทำให้มันทำงานไม่ได้ สุดท้ายไวรัสก็เพิ่มจำนวนไม่ได้ อีกวิธีคือการที่ยาไปเกาะกับโครงสร้างโปรตีนของคน ทำให้เซลล์มันผิดปกติไปทางใดทางหนึ่ง ไวรัสจึงแบ่งตัวในเซลล์ไม่ได้ ก็เป็นไปได้
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Structural_biology
ที่พูดมานี้คือจะสื่อสารว่า การที่จะไปหายารักษาโรคอื่นๆมาใช้ โอกาสสำเร็จมีความเป็นไปได้น้อยมาก เหมือนอยู่ๆจะไปหยิบกุญแจสุ่มๆมาให้มันเข้ากันได้กับแม่กุญแจ มันเป็นไปได้ แต่มันยาก แต่สุดท้ายเราก็มีความหวังอยากไปทดลองดู
ทางที่เป็นไปได้อีกทางคือ การใช้แอนติบอดี้ของผู้ป่วยที่หายแล้ว หลักการก็เหมือนๆกันคือว่า แอนติบอดี้ก็เป็นโปรตีนในคน ที่จับกันได้กับโปรตีนไวรัส แล้วก็ล็อคไวรัสเอาไว้ ในสภาพเหมือนลูกกุญแจกับแม่กุญแจอย่างที่บอก
คนที่ป่วยแล้วหาย ก็อาจจะมีแอนติบอดี้พวกนี้อยู่ในร่างกาย คอยสู้กับไวรัส มันก็เป็นไปได้ ที่เราจะสกัดแอนติบอดี้จากคนที่หายแล้ว เอาไปใช้กับผู้ป่วย หรือเอาไปพัฒนาต่อ ผลิตแอนติบอดี้นี้ในสเกลใหญ่ๆ แล้วก็ใช้แทนยาต้านไวรัส ก็เป็นไปได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลา
สุดท้ายเราคิดว่า ณ ขณะนี้ ทางป้องกันมีอยู่ทางเดียวคือ ต้องดูแลตัวเอง คืออย่าไปหวังพึ่งยา หรือว่า วัคซีน ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเองและครอบครัว ระวังพฤติกรรม หลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการไปในที่คนเยอะๆ สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ส่วนรัฐบาลก็ควรจะออกมาสนับสนุน ให้ความรู้แก่ประชาชน รวมถึงรีบเร่งตรวจผู้ป่วยให้มากที่สุด เพื่อที่ว่าประชาชนจะได้รู้ตัว รู้สถานการณ์ !!!!!!
หมอขอเล่า : ขอขอบคุณ พี่นุ้ยมากนะครับ สำหรับบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ บทสัมภาษณ์นี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นประ
โยชน์เเก่ผู้ที่ได้อ่านเเละ เป็นหนึ่งในบทบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ได้ดีครับ เเละขอให้พี่นุ้ยรักษาสุขภาพ รอดพ้นจาก covid-19
นะครับ
พี่นุ้ย: ขอบคุณครับ ด้วยความยินดีครับ
จบไปเเล้วกับอีกหนึ่งบทสัมภาษณ์ บทสัมภาษณ์นี้สัมภาษณ์ ผู้ที่มีความรู้ด้านชีววิทยาระดับนานาชาติ เเละได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเเสดงถึงปัญหาเเละ ความรุนเเรงของการระบาดของไวรัสชนิดนี้ได้ดี
อย่างไรก็ดี ผมก็เห็นด้วยกับ พี่นุ้ยอย่างยิ่งในเรื่องที่ว่า ตอนนี้อาจจะยัง หวังพึ่งพา ยา หรือ วัคซีนอย่างเดียว อาจจะไม่ทันการณ์ เเต่ การดูเเลตัวเองเเละการทำ social distance ยังไงก็เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งเสมอ ที่ทุกคนต้องช่วยกันนะครับ!!!!
หวังว่าจะควบคุมการณ์ระบาดได้ในเร็ววันนะครับ
โฆษณา