9 เม.ย. 2020 เวลา 05:34 • สุขภาพ
ฟันกับเหล็กอะไรแข็งกว่ากัน?
หลายคนอาจจะพอทราบอยู่แล้วว่าฟันเป็นอวัยวะที่มีความแข็งที่สุดในร่างกายมนุษย์...แข็งมากกว่ากระดูก
โดยเฉพาะเคลือบฟันชั้นนอก (enamel) ด้วยองค์ประกอบที่เป็นแร่ธาตุ (mineral) สูงถึง 90% เมื่อเทียบกับกระดูก (bone) ซึ่งมีองค์ประกอบแร่ธาตุเพียงประมาณ 70%
3
แต่อวัยวะเล็กๆชิ้นนี้แข็งแรงกว่าที่หลายคนคิดอยู่มาก
....เพื่อให้มองเห็นภาพชัดขึ้น ได้มีการวัดค่าความแข็งของวัสดุบนโลกที่เป็นแร่ธาตุ (Mohs scale of mineral hardness) ซึ่งจะมี range ตั้งแต่ 1-10 พบว่าเคลือบฟัน (enamel) ซึ่งมีองค์ประกอบของแร่ธาตุ apatite มีค่าเท่ากับ 5 นั่นหมายความว่าเคลือบฟันนั้นมีความแข็งมากกว่า ทอง เงิน หรือแม้กระทั่งเหล็ก!!!
อย่างไรก็ตามแม้ฟันจะมีความแข็งแรงมากแต่ก็มีความเปราะ การใช้งานอย่างหนัก เช่นการรับประทานอาหารที่แข็งจนเกินไป เช่น เคี้ยวน้ำแข็ง กระดูกอ่อน การเกิดอุบัติเหตุล้มกระแทก พฤติกรรมบางอย่าง เช่นนอนกัดฟัน สามารถทำให้เกิดการบิ่น แตกหัก ของฟัน หรือเกิดรอยร้าวขึ้นได้
แต่แม้กระทั่งผู้กล้าก็ยังมีจุดอ่อน เช่นเดียวกับฟันนะคะ จุดอ่อนที่สุดของฟันก็คือ...กรด นั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นกรดจากอาหารเปรี้ยว กรดจากแบคทีเรียในช่องปาก หรือกระทั่งกรดที่เกิดจากโรคประจำตัว เช่น โรคกรดไหลย้อน สามารถสร้างความเสียหายกับฟันได้อย่างมาก และหากปล่อยไว้นานไม่ได้รับการรักษาอาจลุกลามถึงโพรงประสาทฟันชั้นใน ทำให้เกิดการติดเชื้อ และเกิดความเจ็บปวดอย่างมาก
เพราะฉะนั้นหมอมีวิธีการดูแลฟัน(อวัยวะที่แข็งแรงแต่เปราะบางที่สุด) ด้วยตัวเอง เพื่อรักษาให้ฟันอยู่กับเราไปนานๆค่ะ
1. ไม่ทานอาหารที่แข็งจนเกินไป เช่น น้ำแข็ง กระดูกอ่อน แทะก้ามปู เม็ดมะขาม(มีคนไข้เคี้ยวจริง ๆ นะ) ไม่เอาฟันไปแทะ แกะ กัด อะไร เช่น เปิดขวดเบียร์(นี่ก็พบมาจริง ๆ นะ)
2. หากนอนกัดฟัน ควรพบทันตแพทย์ปรึกษาเพื่อทำเครื่องมือกันกัด(occlusal splint) เพื่อป้องกันโอกาสที่จะเกิดฟันสึก หรือ ฟันร้าวในอนาคต
3. เลี่ยงการทานอาหารเปรี้ยว หากชอบทาน ก็แนะนำดื่มน้ำเปล่าตามเยอะ ๆ เพื่อช่วยปรับค่า pH ในช่องปาก
4. การทำความสะอาดฟันที่ถูกวิธี ด้วยแปรงสีฟันและไหมขัดฟัน เพราะแบคทีเรียนั้นสร้างกรดจากคราบอาหารที่เราทำความสะอาดไม่หมดนี่แหละค่ะ โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลซึ่งเป็นของโปรดชั้นดีของเจ้าแบคทีเรียตัวร้ายเลย
โฆษณา