10 เม.ย. 2020 เวลา 02:00 • การศึกษา
9 สำนวนภาษาอังกฤษชิค ๆ ใช้บอกสุขภาพ
Cr. JRooz OET Review
รู้จักศัพท์เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บกันไปแล้ว งั้นก็ควรรู้ 9 สำนวนภาษาอังกฤษเก๋ ๆ ที่ใช้บอกว่าสุขภาพดี หรือแย่ รู้แล้วใช้เป็น จะคูลมาก พูดเลย!
อ้อ ต้องบอกก่อนว่า สำนวน (idioms) เวลาเห็นสำนวนภาษาอังกฤษ “ห้าม” แปลตรงตัวเป็นคำ ๆ มันจะฟังดูแปลก ๆ ไม่เข้ากั๊น ไม่เข้ากันอย่างแรง...
เช่นเดียวกับสำนวนไทย เช่น ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ มันก็ไม่ได้หมายความว่า ไก่เห็นตีนงูจริง ๆ หรืองูเห็นนมไก่จริง ๆ แต่หมายถึง “ต่างฝ่ายต่างรู้ความลับของกันและกัน”
เพราะสำนวนมักใช้การเปรียบเทียบ แต่คำศัพท์ในสำนวนอาจเป็นคำใบ้ ช่วยให้เราเห็นภาพ และเดาความหมายได้ง่ายขึ้น แต่ความหมายจะไม่ตรงตัวเป๊ะ ๆ
เรามาดู 9 สำนวนภาษาอังกฤษคูล ๆ ที่ใช้บอกสุขภาพกันเลยจ้า
Cr. Twitter
1. Knock someone for six
คำว่า knock (ไม่ออกเสียงตัว k) แปลว่า “เคาะ” ใช้กับการเคาะประตู หน้าต่าง แต่ถ้า knock someone แปลว่า “ทุบตีแรง ๆ จนอาจทำให้หมดสติ”
(someone ในที่นี้หมายถึง คน คือเอาชื่อคน หรือสรรพนามบุคคลไปแทนได้หมด ไว้ดูตัวอย่างจะเข้าใจมากขึ้น ^^) คนปกติ
น็อกเดียวจอด แต่นี่โดนไปตั้ง 6 น็อก ไม่เจ็บก็ Ironman แล้วละ สำนวนนี้จึงแปลว่า “ทำให้ป่วยหนัก” หรือ “ทำให้สะเทือนใจหรือเสียใจมาก”
ลองมาดูตัวอย่างการใช้กัน
Because of the flu, I was weak and couldn’t eat much. It really knocked me for six.
ไอ้เจ้าไข้หวัดใหญ่นี่ละตัวดีที่ทำให้ฉันไม่มีแรง และกินอะไรไม่ได้มาก เล่นเอาเกือบเดี้ยงจริง ๆ
He has just heard the news of his best friend’s death. It knocked him for six.
เขาเพิ่งได้ข่าวการตายของเพื่อนสนิท เขาถึงกับช็อกไปเลย
เมื่อกี๊เกริ่นไปนิดนึงว่า knock ไม่ออกเสียงตัว k เช่นเดียวกับอีกหลายคำในภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นด้วย kn เราจะไม่ออกเสียงตัว k เช่น knife (มีด), knee (เข่า), knack (ความสามารถ), knit (ถักผ้า) เช็กการออกเสียงคำพวกนี้ได้ใน online dictionary ที่จะให้ไว้ตอนท้ายของโพสต์นี้จ้า
Cr. Youtube
2. Feel under the weather
ถ้าแปลตรงตัวจะแปลว่า รู้สึกอยู่ใต้สภาพอากาศ จะฝน ร้อน หนาว ก็ไม่หวั่นแม้วันมามาก 555 ไม่ใช่! สำนวนนี้ต้องแปลว่า “รู้สึกไม่สบาย” ให้จำง่าย ๆ ว่า อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย คนมักป่วยได้ง่าย ต้องทิฟฟี่ (ใช่ นานมากแล้วละ 5555)
ตัวอย่างการใช้ด้านล่างจ้า
She couldn’t go to work today because she was feeling under the weather.
เธอไม่สามารถไปทำงานได้ในวันนี้ เพราะเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย
คำว่า weather (n) แปลว่า “สภาพอากาศ” แต่! whether (conj) แปลว่า “ว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่” การใช้ 2 คำนี้ก็ไม่เหมือนกัน
**(n) = คำนาม (Nouns) ใช้เรียกแทนคน สัตว์ สิ่งของ และสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ความรู้ การเรียน
**(conj) = คำเชื่อม (Conjunctions) ใช้เชื่อมคำ วลี และประโยค
The weather is pretty good today. อากาศวันนี้ค่อนข้างดีนะ
I don’t like the weather here. It’s hot and humid. ฉันไม่ชอบอากาศที่นี่เลย ทั้งร้อนและชื้น
สองประโยคนี้ weather อยู่หน้ากริยา (is) ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค และหลังกริยา (like) ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค ถือเป็นตำแหน่งของคำนามที่เจอบ่อยที่สุด
I don’t know whether he will come back home late tonight. ฉันไม่รู้ว่าคืนนี้เค้าจะกลับบ้านดึกหรือเปล่า
ในประโยคนี้ whether เป็นคำเชื่อม เชื่อม 2 ประโยค คือ I don’t know กับ he will come back home late tonight
ถ้าใครงงว่า จะดูยังไงว่าเป็นประโยค ให้จำไว้ว่า ประโยคต้องมีส่วนประกอบ 2 ส่วนหลัก คือ 1. ส่วนที่เป็นประธาน หรือผู้กระทำ 2. ส่วนที่แสดงกิริยาอาการ หรือที่เราเรียกว่า กริยา ถ้ามี 2 ส่วนนี้ครบ ก็สร้างประโยคได้แล้ว ไว้มีโอกาส จะมาสอนวิธีสร้างประโยคแบบง่าย ๆ สำหรับคนที่อยากฝึกการพูดหรือเขียนเป็นภาษาอังกฤษน้า
Cr. Newsweek
3. A wake-up call
อะไรกัน ทำไมต้องตั้งปลุกตอนป่วย หรืออะไร ถ้าสงสัยแบบนี้ ก็มาถูกทางจ้า นอกจากแปลว่า เสียงตั้งปลุกตอนเช้าที่มักใช้ในโรงแรม สำนวนนี้ยังแปลว่า “สัญญาณเตือน” ที่ทำให้เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหา หรือ ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
มาดูตัวอย่างการใช้สำนวนนี้กันดีฝ่า
Obesity is a wake-up call for those who drink too much soda and don’t get enough exercise.
โรคอ้วนเป็นสัญญาณเตือนสำหรับคนที่ดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป และออกกำลังกายไม่เพียงพอ
Cr. Carl Jung Depth Psychology
4. Shadow of one’s former self
ถ้าแปลตรงตัว จะแปลว่า เงาของตัวเองในอดีต ตอนเด็ก ๆ เราอาจจะยังแข็งแรง แต่พออายุมากขึ้น ร่างกายก็อาจไม่ฟิตเท่าตอนนั้นแล้ว ป่วยง่าย สำนวนนี้จึงแปลว่า “คนที่ดูไม่ฟิตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
**former = อดีต ก่อนหน้านี้
**self = ตัวเอง (ไม่ได้แปลว่า มั่นหน้า มั่นโหนก แต่จริง ๆ ใช้คำว่า self-confident)
สำนวนนี้ใช้แบบนี้จ้า
Although Merlin recovered from lung cancer, he became a shadow of his former self.
แม้ว่าเมอร์ลินจะหายจากโรคมะเร็งปอดแล้ว แต่เขาก็ไม่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
เวลาแอดใช้ one’s ในที่นี้หมายถึง สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของนะครับ (my, his, her, your, our, their, its) หรือ ชื่อคนตามด้วย 's (Sarah's, John's, Nancy's) คำพวกนี้จะต้องตามด้วยคำนามทุกครั้ง ไว้จะมาพูดถึงประเภทของคำในภาษาอังกฤษแบบละเอียดอีกทีนะครับ จะได้เข้าใจว่าเวลาพูดถึงคำนาม คำกริยา หรือคำประเภทอื่น ๆ ตอนนี้อยากให้จำตัวอย่างการใช้แบบนี้ไปก่อน
Cr. Pininterest
5. Kick the bucket
ลองแปลตรงตัวกัน kick = เตะ bucket = ถัง รวมกันเป็น เตะถัง! ใครแปลแบบนี้ตีตายเลย 555 สำนวนนี้แปลว่า “ต่ายแล้ววว” ขุ่นพระ! ใช่ครับ แปลว่า “ตาย” หรือ die นั่นเอง ไม่ได้หยาบคายน้า มันแปลแบบนี้จริง ๆ จ้ะแม่
คำนี้เกิดจากค่านิยมของคนตะวันตกสมัยก่อนที่มักฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ แล้วเค้ามักจะปีนไปยืนบนถัง ก่อนจะเอาเชือกมารัดคอ แล้วเตะถังเพื่อจะได้ห้อยตัวให้เชือกรัดคอจนหายใจไม่ออกตาย
แล้วมันใช้ยังไง ไปดูตัวอย่างกัน
Marry couldn’t believe her sister kicked the bucket one week after Thanksgiving.
แมรี่ไม่อยากเชื่อว่าพี่สาวของเธอเสียชีวิต 1 สัปดาห์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า
Cr. Confessions of the Linguistic Spy
6. The worse for wear
อย่าแปลว่า สวมเสื้อตัวนี้แล้วดูแย่ โน่วววว สำนวนนี้ ถ้าใช้กับคน แปลว่า “เหนื่อยมากกกกก (กอไก่ล้านตัว)” แต่ถ้าใช้กับสิ่งของ แปลว่า “ใกล้พังแล้ว”
จริง ๆ แล้วสำนวนนี้ถือว่าค่อนข้างแปลได้ตรงกว่าสำนวนอื่น ๆ ในที่นี้ เพราะ wear ไม่ได้แปลว่า สวมใส่เสื้อผ้า ได้อย่างเดียว แต่ยังแปลว่า “ทรุดโทรม ชำรุด อ่อนแอลง บางลง” ก็ได้ และ worse แปลว่า “แย่ลง เลวร้ายลง” มาจากคำว่า bad ที่แปลว่า “แย่ เลวร้าย”
ใช้สำนวนนี้ตามประโยคตัวอย่างเลยจ้า
Ken has worked for 8 hours straight. He looks the worse for wear.
เคนทำงาน 8 ชั่วโมงรวด เขาดูเหนื่อยมากเลย ... ไปนอนนะ
This old table has been here for 14 years now. It looks the worse for wear.
โต๊ะเก่า ๆ ตัวนี้อยู่ตรงนี้มา 14 ปีแล้ว ดูใกล้จะพังเต็มที
Cr. English Help Online's Blog
7. On the mend
mend ตัวเดียว แปลว่า “ซ่อมแซม” และ on ก็ไม่ได้แปลว่า “บน” เสมอไป มันแปลว่า “ระหว่าง” ได้ด้วยนะเอ้อ เหมือนในสำนวนว่า on the way = ระหว่างทาง
ทีนี้ใครพอเดาความหมายของสำนวนนี้กันได้บ้างเอ่ย... สำนวนนี้ มีความหมายว่า “กำลังดีขึ้นหรือฟื้นตัว (จากอาการเจ็บป่วย)” ใครเดาได้ถูกเป๊ะหรือใกล้เคียง แอดขอปรบมือรัว ๆ 10 10 10 ไปเลยจ้า!
Thomas was admitted to the hospital because of the car accident on Monday. Luckily, he is now on the mend.
โทมัสถูกแอดมิดเข้าโรงพยาบาลเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวันจันทร์ ถือว่าเขาโชคดีที่ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว
The economy is on the mend.
เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว
Cr. Yellowtrace
8. Out of sorts
สำนวนนี้แปลว่า “รู้สึกแปลก ๆ รู้สึกไม่ค่อยดี” แต่อย่าแปลตรงตัวเด็ดขาด เพราะ sort แปลว่า “ชนิด” หรือ “ประเภท” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหมายจริง ๆ ของสำนวนนี้เลย
After eating too much seafood, I'm feeling out of sorts now.
หลังจากที่ฉันกินซีฟู้ดมากเกินไป ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย
Cr. Journey To Orthodoxy
9. On one’s last legs
สำนวนนี้มีไม่ได้หมายความว่า บนขาสองข้างสุดท้าย นะจ๊ะ ไม่เอา ไม่แปลแบบนี้ พลีส 555 แต่ก็ช่วยให้เราเดาสำนวนนี้ง่ายขึ้นเหมือนกัน เพราะ on one’s last leg แปลว่า “เหนื่อยฝุด ๆ ไม่ไหวล้าว” พักก่อนเด้อ!
Mickey’s grandfather looks like on his last legs because he is very old and weak.
คุณปู่ของมิกกี้ดูเหนื่อยล้าเต็มทีเพราะเขาแก่และอ่อนแอมากแล้ว
รอบนี้แอดไม่ได้สอนออกเสียงละเอียดนะครับ เพราะคำส่วนใหญ่ออกเสียงไม่ยาก แต่แอดจะแนะนำให้ฝึกใช้ dictionary ออนไลน์ เพราะเราสามารถฟังเสียงการออกเสียงจริง ๆ ได้เลย
ถ้าถามแอด แอดไม่ค่อยแนะนำให้ฟังจาก Google หรือ Google Translate เพราะมันมีให้ฟังแค่สำเนียงเดียว แอดเลยอยากให้ลองใช้ online dictionary กันดู เพราะเราสามารถฟังทั้งสำเนียงอังกฤษ และสำเนียงอเมริกัน ที่เป็นสำเนียงยอดฮิต หรือเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ (ถ้าคนที่ใช้ภาษาอังกฤษจนคล่องแล้วจะรู้ว่ามีมากกว่าแค่ 2 สำเนียงนี้)
แต่ต้องขอบอกว่า ตอนนี้ พ.ศ. 2020 แล้ว เรื่องของสำเนียงไม่ใช่ประเด็น ขอแค่ออกเสียงสูงต่ำได้ถูกต้อง แล้วทำให้ฝรั่งเข้าใจสิ่งที่เราพูด และพูดได้เป็นธรรมชาติก็พอแล้ว อย่างในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ละรัฐ หรือจังหวัด ยังพูดสำเนียงไม่เหมือนกันเลย แต่เค้าสื่อสารกันเข้าใจเพราะวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องนี่แหละ เก็ตเนอะ เก็ตแหละ ดูออก
แต่ถ้าคำไหนออกเสียงยากเกินไปสำหรับคนไทย แอดจะมาช่วยอธิบายตรงนั้นเพิ่มเติมนะครับ 😊
Cr. WordReference Forums
ส่วน online dictionary ที่แอดอยากแนะนำ ได้แก่ Cambridge Dictionary, Collins Dictionary และ Longman Dictionary ใน dictionary ทั้ง 3 สำนักพิมพ์นี้ มีให้เราเลือกฟังทั้งสำเนียงอเมริกัน และอังกฤษ
แต่อย่าลืมฝึกเพิ่มเติมจากการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือ หาเพื่อนฝรั่งไว้บ้าง เพื่อให้เราได้ฝึกใช้จริง หรือวิธีไหนก็ได้ที่ถูกจริตเรา ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่าง แต่ถ้าทำได้ก็ดีมาก ๆ และยิ่งถ้าเรานำสำนวนเหล่านี้ไปพูดได้ รับรอง ฝรั่งจะอยากเม้ามอยกับเรามากขึ้นทันที เพราะเค้าคิดว่าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เห็นมะ มันดีย์
ที่สำคัญ อย่ากลัวพูดผิด พูดไปเลย นึกศัพท์ไม่ออก ก็งู ๆ ปลา ๆ ไปก่อน สมัยนี้มีตัวช่วยเยอะ หรือถ้าไม่รู้จะพึ่งใคร ลองมาคุยกันกับเพจเล่นจนได้เรียนก็ได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษา และสอนทุกอย่าง ไม่กั๊กแน่นอน เพราะเราอยากให้ทุกคนสนุกกับการเรียน และการใช้ภาษาครับ See you next time! xoxo
โฆษณา