9 เม.ย. 2020 เวลา 14:29 • ธุรกิจ
พักจากสถานการณ์โควิท -19 ลองมาดูหัวข้อ Gen Y กลุ่มคนเปย์ เปย์อย่างไรให้คุ้มเงิน
1
เมื่อประมาณต้นปี พี่หมีได้ดู Teaser หนังไทย ฮาวทูทิ้ง ทิ้งยังไงไม่ให้เลือกเธอ โดยสิ่งที่หนังนำมาโปรโมท คือ นำภาพของในอดีต เช่น เครื่องกรอวีดีโอ โทรศัพท์โนเกีย นิตยสาร A Day มาให้ดู สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ภาพจำในอดีตมันย้อนกลับมาหมด ภาพการใช้งานของต่างๆ ในหนัง สิ่งที่สงสัยและคิดต่อ คือ ทำไมช่วงนี้ หรือ 1-2 ปีนี้ ธุรกิจเล่นกับสิ่งพวกนี้ เช่น คอนเสิร์ต ต่างๆ ทั้งศิลปินไทย (D2B, โบ สุนิตา) และศิลปินต่างประเทศ (Westlife, Back Street Boy) รวมถึงภาพยนต์ และสินค้าต่างๆ คิดต่อไปอีก แล้วกลุ่มคนที่คิดถึงสิ่งพวกนี้ คือ ใครละ ???????
พวกเขาคือ Gen Y อายุ 17-36 ปี หากตัดช่วงให้เล็กลง จะเป็นกลุ่ม Gen Y ตอนต้นอายุ 30-36 ปี เป็นช่วงที่ยังทันมือถือจอขาวดำ เล่นเกมส์งู มีมือถือพับได้ ถือว่า เท่ห์สุด ฝากข้อความเพจเจอร์ ฟังเพลงจากเทป ดูหนังจากวีดีโอ ดูการ์ตูนจากหนังสือ เล่น Game Boy หน้าจอดำ ผู้ปกครองห้ามไม่ให้ไปไปดูคอนเสิร์ต จนมาถึงยุคปัจจุบันที่มือถือเป็น Smart Phone ดูหนังจาก Netflix เล่นเกมส์ผ่านมือถือ ติดต่อคุยกันผ่าน Line
ยิ่งเห็นสถิติจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) แล้วยิ่งเห็นว่า กลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มที่ Internet เยอะที่สุด ทำให้คิดว่า
- กลุ่มนี้จะเป็นช่วงอายุกลุ่มแรกในประเทศไทย ที่เริ่มมีการแต่งงานช้าลง หรือ มีลูกน้อยลง หรือไม่มีลูก จะเน้นการใช้ชีวิตมากขึ้น เน้นเสพความสุขให้ตัวเองมากขึ้น รวมถึงเป็นกลุ่มแรกที่ยอมรับ LBGT
- กลุ่มนี้มีการศึกษาดี มีกำลังเงิน รายได้มั่นคง การงานดี เริ่มควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น และมีการแบ่งส่วนสำหรับการใช้เพื่อความบันเทิงสำหรับตัวเอง และเป็นกลุ่มที่ยอมจ่ายหากราคา "เหมาะสม" (คำว่าเหมาะสม อาจจะแปลว่า ราคาสูงแต่คุณภาพดี ก็ได้นะครับ) เงินยังคงสำคัญ แต่จะใส่ใจในการใช้เงินให้คุ้มค่ามากขึ้น และยังคงเป็นกลุ่่มที่อยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
- จากข้อด้านบนทำให้เกิดกลุ่ม DINK = Double Income No Kid ซึ่งหมายถึง เป็นครอบครัวที่ไม่มีลูก ทำให้มีรายได้เป็น 2 เท่า และรายจ่ายน้อย เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายด้านบุตรขึ้นมา ทำให้สามารถใช้จ่ายได้ตามต้องการ กลุ่ม DINK รวมถึงคู่เกย์ คู่เลสเบี้ยน ด้วยนะครับ
- Gen Y จะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันค่อนข้างเยอะมาก อยู่ที่โรงเรียนก็จะใช้ชีวิตร่วมกันทางสังคมและกิจกรรมต่างๆ ไม่มีการมานั่งเล่นมือถือ หรือต่างคนต่างใช้ชีวิต ทำให้ความสัมพันธ์ของคนกลุ่มนี้ จะแน่นแฟ้นและมีความเชื่อใจกัน พูดกัน คุยกัน แนะนำกัน ก็จะเชื่อใจกัน (อันนี้สำคัญมาก) หากคุณสามารถให้คนกลุ่มนี้เชื่อได้ และแนะนำกันได้ คุณจะลดต้นทุนทางการตลาดไปมากมาย การตลาดโดยการบอกต่อเป็นการลดค่าการตลาดไปได้ถึง 90% นะครับ
จากเหตุผลด้านบน ทำให้ธุรกิจมาจับคนกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ควรระมัดระวังกับกลุ่มคนนี้เช่นกัน เพราะเขามีทั้งพลังเงิน และพลัง Social ที่มาพร้อมกับความน่าเชื่อถือ การโน้มน้าวต่างๆ ในมือของพวกเขาเอง ทั้งนี้พี่หมีว่าทุกท่านลองหาธุรกิจที่ปัจจุบันได้ลงทุนจับกลุ่ม Gen Y แล้วประสบความสำเร็จกันครับ
พี่ที่หมีคิดได้ทันที คือ GMM Grammy นะแหละครับ ทั้งคอนเสิร์ต (บัตรเต็มทุกรอบ) รายการ TV ละคร TV รวมถึงรายการวิทยุ (พี่อ้อย พี่ฉอด นึกออกเลยใช่ไหมครับ) ซึ่งรายได้จะเป็นโฆษณาและสปอนเซอร์ต่างๆ ครับ และรายได้โฆษณามีอัตรากำไรที่สูงมากนะครับ สำหรับ SME พี่หมีก็คิดว่า เพจลงทุนแมน ซึ่งพัฒนาจนมาเป็น Application Blockdit เนี่ยแหละครับ รวมถึงเพจท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึง เพจรีวิวร้านอาหาร (อยากบอกว่ารายได้ดีมากนะครับ)
และจากหัวข้อครับ หากท่านรู้ว่า Gen Y มีลักษณะยังไงแล้ว บทความนี้ขอเป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้เกิดไอเดียอะไรใหม่ๆ ในการลงทุนให้กับท่านนะครับ สิ่งที่พี่หมีคิดมาตลอด คือ คนไทยเป็นคนเก่งมากครับ และพี่หมีอยากใช้บริการธุรกิจของคนไทยครับ
ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ ครับ
โฆษณา