Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ปันธรรมะ
•
ติดตาม
9 เม.ย. 2020 เวลา 15:04 • ประวัติศาสตร์
พระสีวลีเถระ
ได้รับการยกย่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เลิศทางด้านมีลาภมาก
หลายท่านคงรู้จักชื่อเสียงของพระสีวลีหรือเคยเห็นรูปปั้นของท่านที่เป็นพระเดินธุดงค์ถือกลดและบาตร ตามวัดต่างๆมาบ้าง
พระสีวลีเป็นพระสาวกที่มีประวัติน่าอัศจรรย์ใจ.. และมีมหาโชคมหาลาภเสมอ
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระภิกษุสงฆ์สาวกได้รับภัตตาหารได้รับการอุปัฏฐากดูแลอย่างดี ก็เพราะบุญของพระสีวลี...
เรื่องมีอยู่ว่า
ในสมัยที่พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูป เสด็จไปเยี่ยมพระเรวตเถระซึ่งเป็นพระน้องชายของพระสารีบุตร เมื่อเสด็จไปถึงทาง ๒ แพร่ง พระอานนท์เถระกราบทูลว่า "ทางอ้อมที่จะไป สู่ที่พำนักของพระเรวตะ ไกลถึง ๖๐ โยชน์ เป็นทางที่อยู่ของ หมู่มนุษย์ ส่วนอีกทางหนึ่งเป็นทางตรง ไกล ๓๐ โยชน์ แต่มีอมนุษย์อาศัยอยู่"
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า
"พระสีวลีมาด้วยหรือไม่"
เมื่อทรงทราบว่า พระสีวลีมาด้วย จึงรับสั่งว่า "ถ้าพระสีวลีมากับ พวกเรา ก็จงใช้เส้นทางตรงเถิด"
ขณะที่พระบรมศาสดาทรงดำเนินไปนั้น เหล่าเทวดาต่างปรึกษากันว่า
"พวกเราจะทำสักการะแก่พระสีวลี พระคุณเจ้าของพวกเรา"
แล้วให้สร้างวิหารห่างกันหลังละ ๑ โยชน์ ครั้นรุ่งเช้า เหล่าเทวดาพากันถือข้าวทิพย์ เป็นต้น น้อมเข้าไปถวายพระสีวลีและพระภิกษุสงฆ์ทุกรูป
พระบรมศาสดาพร้อมทั้งหมู่ภิกษุสงฆ์ทั้งหมดที่ตามเสด็จ จึงได้เสวยผลแห่งบุญบารมีของพระสีวลีตลอดทาง ๓๐ โยชน์ กระทั่งถึงที่อยู่ของพระเรวตเถระ ระหว่างที่พักอยู่ และขณะเสด็จกลับก็อาศัยบุญของพระสีวลี
ประวัติของท่านก็น่าเหลือเชื่อตั้งแต่ปฏิสนธิสู่ครรภ์มารดา!
พระสีวลีได้ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสุปปวาสา ซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิยะ
ด้วยอำนาจแห่งทานบารมีที่ท่านได้สั่งสมมามาก ตั้งแต่ถือปฏิสนธิ พระนางทรงได้รับเครื่องบรรณาการและเครื่องบริหารครรภ์ถึง ๕๐๐ อย่างทั้งเช้าและเย็น เป็นผู้มีลาภสักการะมาก เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
แม้ชาวเมืองผู้ต้องการจะทำนาให้ได้ผลดี ต่างต้องไปขอบารมีจากพระนาง
โดยนำภาชนะที่ใส่พันธุ์ข้าวมาให้พระนางทรงจับ แล้วจึงนำพันธุ์ข้าวไปหว่านเพื่อเพาะปลูกต่อไป
ด้วยอานุภาพบุญของพระโอรสที่อยู่ในพระครรภ์ เมื่อข้าวกล้าออกรวง ปรากฏว่า ข้าวแต่ละต้นจะแตกงอกออกเป็นร้อยเป็นพันเมล็ด และเมื่อหว่านพันธุ์ข้าวลงในนา ๑ ไร่ จะได้ข้าว ถึง ๕๐ - ๖๐ เกวียน
ขณะขนข้าวขึ้นยุ้งฉาง ชาวเมืองต่างขอให้พระนางสุปปวาสาจับที่ประตูของยุ้งฉาง แม้ข้าวในยุ้งฉางจะถูกขนออกไปเท่าไร แต่ก็ไม่รู้จักหมดสิ้น หรือแม้ข้าวที่อยู่ในหม้อข้าวก็เช่นเดียวกัน หากพระนางทรงจับหม้อข้าวใบไหน แม้หม้อข้าวใบนั้นจะถูกมหาชนตักออกไปสักเท่าไร ก็ไม่รู้จักหมดสิ้น นี้เป็นบุญญานุภาพของบุตรผู้อยู่ในครรภ์ของพระนาง
ในสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่ากุลฐิถานวัน พระนางสุปปวาสาทรงพระครรภ์นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ก็ยังมิได้ประสูติ ทรงได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส เมื่อไม่รู้จะพึ่งใคร พระนางจึงข่มทุกขเวทนาด้วยการตรึกระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ทุกขเวทนาก็บรรเทาเบาบางลงไป
วันหนึ่ง พระนางปรึกษากับพระสวามีว่า อีกไม่นานตนคงต้องตายแน่แล้ว เพราะทรมานเหลือเกิน อยากจะถวายทานในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอพระสวามีเสด็จไปกราบนิมนต์พระบรมศาสดาด้วยเถิด หากพระพุทธองค์ตรัสเช่นใด ขอได้จำพระดำรัสนั้นมาบอกด้วย
เมื่อพระสวามีเสด็จไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์จึงตรัสถวายพระพรว่า "ขอให้พระนางสุปปวาสาจงมีความสุข หาโรคภัยมิได้ จงประสูติพระกุมาร ผู้ปราศจากโรคเถิด"
ทันทีที่พระบรมศาสดาตรัสให้พร พระนางสุปปวาสาทรงพระสำราญ ปราศจากพระโรคาพาธ ได้ประสูติพระโอรสผู้ไม่มีโรคภัย อีกทั้งการประสูตินั้น ก็ง่ายเหมือนเทน้ำออกจากกระบอก ส่วนพระสวามีได้สดับพระพุทธฎีกาแล้ว รีบถวายบังคมลา ยังไม่ทันถึงพระราชมณเฑียร พระโอรสผู้มีบุญก็ประสูติแล้ว
พระประยูรญาติทั้งหลายต่างพากันปลาบปลื้มดีใจ จนน้ำตาไหล ส่วนพระสวามีดำริว่า พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า ช่างน่าอัศจรรย์จริงหนอ จึงรีบเสด็จมาบอกพระมเหสี พระนางสุปปวาสาทรงสดับแล้ว รู้สึกปลาบปลื้มพระหฤทัยมาก
พระประยูรญาติได้ตั้งพระนามให้พระกุมารว่า สีวลี แปลว่า เป็นผู้นำความเกษมสำราญมาสู่หมู่ญาติ หลังจากพระโอรสประสูติแล้ว พระนางได้ถวายทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขตลอด ๗ วัน
ในวันที่ ๗ ของการถวายมหาทาน พระนางสุปปวาสาได้นำพระกุมารเข้าไปถวายบังคมพระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์ พระสารีบุตรเถระได้ถามพระกุมารว่า "สีวลี เธอยังจะพอทนได้หรือ"
พระกุมารตอบว่า "พระคุณเจ้า กระผมจะมีความสุขได้อย่างไร ต้องอยู่ในครรภ์ซึ่งเปรียบเสมือนโลหกุมภีถึง ๗ ปี"
พระสารีบุตรเถระถามพระกุมาร "สีวลี เธอได้เสวยทุกขเวทนาแสนสาหัสเช่นนี้ การบวชไม่ดีสำหรับเธอหรือ"
พระกุมารตอบว่า "ถ้าหากได้รับอนุญาต ผมก็จะบวชขอรับ
พระนางสุปปวาสาทรงสดับถ้อยคำของพระโอรสแล้ว ทรงโสมนัสว่า ลูกของเราเกิดได้เพียง ๗ วัน ก็สามารถพูดคุยกับพระธรรมเสนาบดีได้
พระสีวลีอยู่ในพระครรภ์ของพระนางสุปวาสา ถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน นั้น.. พอคลอดออกมา พระกุมารสีวลีจึงเจริญวัย สมบูรณ์เหมือนเด็กในวัย๗ ขวบ
เมื่อ พระนางสุปปวาสา ทราบว่าสีวลีราชกุมารปรารถนาจะออกผนวช เห็นว่า การตัดสินใจของพระกุมารเป็นไปเพื่อบุญกุศล จึงอนุญาตว่า "ดีแล้วเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงให้กุมารบวชเถิด"
เมื่อพระสารีบุตรเถระได้รับอนุญาตจากพระนางแล้ว จึงนำพระสีวลีกุมารไปที่พระวิหาร สอนว่า "สีวลี เธอจงพิจารณาทุกข์ที่เธอได้เสวยตลอด ๗ ปี ๗ เดือนกับอีก ๗ วันนั้นเถิด"
ด้วยมีพระชนเพียง ๗ พรรษา สีวลีกุมารทรงตัดสินใจบวชถวายชีวิตในพระศาสนา เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ แม้การบรรลุธรรมก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เช่นกัน
เพราะพระกุมารเป็นผู้ที่สั่งสมบุญมาดีแล้วในอดีตชาติ เมื่อถึงคราวจะบรรลุธรรม ก็เป็นประเภทสุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา คือ ปฏิบัติได้สะดวกและรู้เห็นได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากได้รับฟังโอวาทจากพระสารีบุตรแล้ว ขณะโกนผมของพระกุมาร เพียงจรดมีดโกนลงครั้งแรก สีวลีกุมารสามารถทำใจให้หยุดนิ่ง ตามตรึกระลึกถึงโอวาทของพระอุปัชฌาย์ และทุกขเวทนาที่ได้รับขณะอยู่ในครรภ์ กระทั่งใจหยุดนิ่งได้สนิท ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันในทันทีนั้นเอง
ขณะโกนผมได้ครึ่งศีรษะ ท่านได้บรรลุสกิทาคามิผล และขณะโกนไปได้สามในสี่ ก็ได้บรรลุถึงพระอนาคามี
ทันทีที่โกนหมดศีรษะ ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทันที ไม่ก่อนไม่หลังกัน
ตั้งแต่พระกุมารบวช เป็นสามเณร ปัจจัยสี่เกิดขึ้นกับท่านมากมาย และยังมีเพียงพอสำหรับภิกษุสงฆ์ทั้งหลายอีกด้วย
เรื่องราวของพระสีวลีเถระในช่วงที่บุญส่งผลอย่างเต็มที่ระหว่างที่เป็นคฤหัสถ์กระทั่งเป็นพระอริยเจ้า
ส่วนในอดีตชาติของพระสีวลีกับบุญที่ท่านสั่งสมมาเป็นอย่างไรนั้นจึงเป็นผู้มีลาภมาก... โปรติดตามตอนต่อไป
อ้างอิง จากพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย