10 เม.ย. 2020 เวลา 09:17 • ธุรกิจ
เปิดรายได้ 5 แอปขับรถส่งอาหาร อาชีพมาแรงช่วงนี้ เผยรายได้สูงเฉียด 30,000 ต่อเดือน!! พร้อมเผย ข้อดี-ข้อเสีย แต่ละแอป !
ในสถานการณ์ช่วงนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนคงกำลังมองหาอาชีพใหม่ๆ เพื่อหารายได้เสริม ในช่วงโควิด-19 ระบาด วันนี้เราจะพามาส่องรายได้จาก 5 แอปพลิเคชั่นขับรถส่งอาหาร ว่าพี่ๆ ที่วิ่งส่งอาหารให้เรากันนั้นเขาได้รายได้ต่อเดือนกันเท่าไหร่บ้าง?
1
1.แกรบฟู้ด (GrabFood)
รายได้เฉลี่ยสูงสุด 26,000 บาท/เดือน
รายได้จากค่าส่ง GrabFood แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
-ค่าบริการจากการส่งอาหาร 50 บาท/ครั้ง (หักค่าคอมมิชชั่น 15% จากบริการการส่งเท่านั้น / 15% จาก 10 บาท คิดเป็น 1.50 บาท / 50 - 15% = 42.5 บาท)
-ค่าส่งเพิ่มเติมตามระยะทาง 10 บาท/กิโลเมตร (ระยะทางมากกว่า 6 กิโลเมตรขึ้นไป) หักค่าคอมมิชชั้่น 15 % คิดเป็นค่าส่ง 10 บาท หัก 1.50 บาท
-ค่าส่งที่เก็บเงินสดจาดลูกค้า 10 บาท/ครั้ง (หักค่าคอมมิชชั่น 15% รับเงินจริง 8.50 บาท)
** ค่าบริการต่างๆ ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% แต่สามารถขอยื่นคืนภาษี ณ ที่จ่ายได้**
1
จุดเด่น
-เห็นรายได้ก่อนรับงานและหลังจบงาน
-รับรายได้ทันทีหลังจบงาน
-รายได้ดี
-เป็นนายตัวเอง สามารถเลือกวันและเวลาทำงานเองได้ตามต้องการ
-มีทีมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
จุดด้อย
-มีผู้ขับขี่ GrabFood จำนวนมาก ทำให้ต้องกดแย่งลูกค้ากัน
2.ฟู้ดแพนด้า (Foodpanda)
รายได้เฉลี่ยสูงสุด 25,000 บาท/เดือน
-เฉลี่ยรายได้จากการขับ Foodpanda อยู่ที่ 100 บาท/ชั่วโมง (หักภาษี 3% ณ ที่จ่าย) รายได้ขึ้นอยู่กับการรับออเดอร์ต่อวันและความขยัน
จุดเด่น
-มีโบนัสพิเศษสำหรับไรเดอร์ใหม่
•โบนัสต่อที่ 1 ทำครบ 80 ออเดอร์ ภายใน 7 วัน รับโบนัส 250 บาท
•โบนัสต่อที่ 2 ทำครบ 340 ออเดอร์ ภายใน 30 วัน รับโบนัสเพิ่มอีก 250 บาท
•โบนัสต่อที่ 3 ทำครบ 500 ออเดอร์ ภายใน 45 วัน รับโบนัสเพิ่มอีก 250 บาท
•โบนัสต่อที่ 4 รับโบนัสเพิ่มอีก 750 บาท เพียงแนะนำเพื่อนของคุณมาเป็นไรเดอร์ และเพื่อนของคุณทำครบตามเงื่อนไข
-เลือกเวลางานได้เอง
-มีระบบจ้างงานแบบประจำ มีสวัสดิการพนักงานและประกันกลุ่มให้
-แบ่งโซนอย่างชัดเจนไม่ต้องขับขี่ระยะไกล
-รับงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
จุดด้อย
-ไม่ได้รับเงินทันที โดยจะตัดรอบบิลตามรอบบัญชีของบริษัท
-ส่วนใหญ่รับแต่พนักงานประจำ
3.ไลน์แมน และ ลาลามูฟ (Line man & Lalamove)
รายได้เฉลี่ยสูงสุด 25,000 บาท/เดือน
- ค่าบริการส่งอาหารเริ่มต้น 55 บาทต่อครั้ง (หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 46.75 บาท)
- ค่าส่งเพิ่มเติม 9 บาทต่อกิโลเมตร หากระยะทาง 1 กิโลเมตรขึ้นไป (หักค่าคอมมิชชั่น 15% ได้รับจริง 7.65 บาท)
ทุกค่าบริการที่ได้รับหักค่าคอมมิชชั่น 15%
** ค่าบริการต่างๆ ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% แต่สามารถยื่นขอคืนภาษี ณ ที่จ่ายได้ ในการยื่นภาษีประจำปี
จุดเด่น
-เลือกเวลางานเองได้
-มีประกันภัยสำหรับพนักงาน
-มีส่วนลดค่าน้ำมัน
-รับเงินทันทีหลังจบงาน
จุดด้อย
-มีผู้ขับขี่เป็นจำนวนมาก ต้องกดแย่งลูกค้า
-มีเฉพาะในกรุงเทพและปริมณฑล
4.เก็ท ไดรฟ์เวอร์ (GET Driver)
รายได้เฉลี่ยสูงสุด 25,000 บาท/เดือน
รายได้จากขึ้นอยู่กับช่วงเวลา ระยะทาง และความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลานั้นๆ โดยเฉลี่ยผู้ขับ GET Driver ได้รายได้เริ่มต้น 15,000 - 25,000 บาท
1
จุดเด่น
-เลือกเวลาทำงานเองได้
-วิ่งรับงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
-มีประกันภัยสุขภาพและประกันภัยรถจักรยานยนต์
-มีแผนสะสมเงินประจำปีและเงินฉุกเฉิน
-รับเงินทันทีหลังจบงาน
จุดด้อย
-เปิดใช้งานแค่ในพื้นที่กรุงเทพ
-มีตัวเลือกร้านอาหารให้เลือกน้อยกว่าแอปอื่นๆ ที่เปิดมาก่อน
5.สกู๊ตตาร์ (Skootar)
รายได้เริ่มต้นที่ 12,100 บาท/เดือน
-รายได้ต่อเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 55-200 บาท (หักภาษี ณ ที่จ่าย 3%)
จุดเด่น
-สามารถเลือกได้ทั้งงานอิสระและงานประจำ
-ช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงานของ Skootar สูงสุด 2,000 บาท (สวัสดิการงานอิสระ)
-สิทธ์กู้ซื้อรถมอเตอร์ไซต์ จำนำรถมอเตอร์ไซต์ (สวัสดิการงานอิสระ)
-ประกันอุบัติเหตุ (สวัสดิการงานอิสระ)
-ประกันรถจักรยานยนต์ (สวัสดิการงานอิสระ)
-ค่าน้ำมัน
-ค่าสึกหรอรถจักรยานยนต์
-ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
-เบิกเงินล่วงหน้าได้
จุดด้อย
-เสียค่าสมัครแรกเข้า
-มีตัวเลือกร้านอาหารให้เลือกน้อยกว่าแอปอื่นๆ ที่เปิดมาก่อน
- ส่วนใหญ่เป็นงานส่งเอกสาร ทำให้มีงานเยอะช่วงเวลาทำการ แต่งานจะน้อยในช่วงตอนเย็นหลังเลิกงาน
เป็นยังไงบ้างครับสำหรับข้อมูลอาชีพนี้ เชื่อว่าหลายๆคนเคยใช้บริการที่ทั้งสะดวกสบาย และได้อยู่บ้านกักตัวตามนโยบายรัฐบาลด้วย และมีอีกหลายๆคนที่ผมเชื่อว่า กำลังสนใจในอาชีพนี้ ยังไงลองศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ และสอบถามคนรอบข้างที่เคยทำ และที่สำคัญเตรียมความพร้อมตัวเองทั้งร่างกาย ยานพาหนะ ใบอนุญาตขับขี่ต่างๆ ให้พร้อมก่อนจะเริ่มงานนะครับ
อ้างอิง : tripgether
โฆษณา