Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ปันธรรมะ
•
ติดตาม
10 เม.ย. 2020 เวลา 14:36 • ประวัติศาสตร์
พระสีวลีเถระ ตอนที่2
พระสีวลีเถระได้รับการยกย่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เลิศทางด้านมีลาภมาก
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระภิกษุสงฆ์สาวกได้รับภัตตาหาร และการอุปัฏฐากดูแลอย่างดี ก็เพราะบุญของพระสีวลีเถระคือ ไม่ว่าท่านจะไปในสถานที่ใดๆ ลาภสักการะก็จะเกิดขึ้นในสถานที่นั้นๆ อย่างพร้อมมูลเสมอ
เพราะในอดีตชาติท่านได้สั่งสมบุญกุศลไว้มาก และได้ตั้งความปรารถนาว่า
ในภพชาติสุดท้าย ขอให้ได้เป็นพระสาวกผู้เลิศทางด้านมีลาภมาก
มาถึงภพชาติปัจจุบัน ความปรารถนาของท่านได้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ด้วยอานุภาพแห่งบุญ และแรงอธิษฐานที่ทำไว้เมื่อ ๑๐๐,๐๐๐ กัปที่แล้ว
เรื่องมีอยู่ว่า...
*ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ พระสีวลีเถระเกิดเป็นลูกเศรษฐีในเมืองหังสาวดี ท่านมีโอกาสไปฟังธรรมร่วมกับสาธุชน ได้เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอตทัคคะ ทางด้าน เลิศด้วยลาภ จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงคิดว่า
.... "ในอนาคตกาล ขอให้เราได้ตำแหน่งเอตทัคคะเหมือนภิกษุรูปนี้ด้วย"
จึงกราบขอนุญาตพระบรมศาสดา เพื่อถวายมหาสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขตลอด ๗ วัน
วันสุดท้ายของการถวายมหาทาน ท่านได้ตั้งความปรารถนาต่อหน้าพระบรมศาสดาว่า "ด้วยผลแห่งมหาทานนี้ ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นผู้เลิศในทางมีลาภ เหมือนพระภิกษุรูปที่พระองค์ทรงแต่งตั้งไว้ในตำแหน่งอันเลิศนี้ด้วยเถิด พระเจ้าข้า"
พระบรมศาสดาทรงตรวจดูดวงบุญในตัวของกุลบุตรท่านนี้ว่า บุญในตัวสามารถส่งผลให้สมปรารถนาในสิ่งที่ตั้งไว้หรือไม่ แล้วจึงทรงพยากรณ์ว่า
"ความปรารถนาของเธอ จะสำเร็จในสำนักของพระโคดมพุทธเจ้า ในอนาคตกาลอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัป"
กุลบุตรฟังพุทธพยากรณ์แล้ว มีความปีติใจมาก เสมือนว่าอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปกำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้
ตั้งแต่นั้นมา ท่านตั้งใจทำบุญกุศลจนตลอดชีวิต เมื่อละโลก ได้ไปบังเกิดในเทวโลกเป็นเวลายาวนาน ครั้นลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ท่านสั่งสมบุญมาโดยตลอด
มาถึงในสมัยของพระวิปัสสีพุทธเจ้า
*เมื่อครั้งที่พระวิปัสสีพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปตามชนบท และเสด็จกลับมายังพันธุมดีนคร พุทธบิดาของพระพุทธองค์ทรงตระเตรียมอาคันตุกทานเพื่อภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข และพระองค์ยังทรงประกาศให้ชาวเมืองมาร่วมกันเป็นสหายถวายทานในครั้งนี้
ชาวเมืองกลับปรึกษาหารือกันว่า "พวกเราควรที่จะรวมกันถวายทานให้ยิ่งกว่าทานที่พระราชาทรงถวาย"
เมื่อตกลงพร้อมใจกันแล้ว ชาวเมืองได้ส่งตัวแทนไปทูลนิมนต์พระบรมศาสดาให้มาเสวยในวันรุ่งขึ้น จากนั้นต่างช่วยกันจัดแจงทานด้วยความปีติยินดี และส่งข่าวไปทูลพระราชาให้มาดูการถวายทานของพวกตน
ครั้นพระราชาเสด็จมาทอดพระเนตรทานของมหาชนแล้ว ทรงดำริว่า "เราจะถวายทานให้ยิ่งกว่านี้อีก"
รุ่งขึ้นจึงนิมนต์พระบรมศาสดาอีก ทั้งพระราชาและชาวเมืองต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ สลับสับเปลี่ยนกันนิมนต์อยู่เช่นนี้
กระทั่งในครั้งที่ ๖ ชาวเมืองปรึกษากันว่า "วันพรุ่งนี้ พวกเราจะถวายทานชนิดไม่มีผู้ใดพูดได้ว่า สิ่งนี้ไม่มีในทานของพวกเรา"
รุ่งขึ้น เมื่อจัดเตรียมของที่จะถวายแล้ว ต่างพากันตรวจตราดูว่า ยังขาดอะไรบ้าง ครั้นเห็นว่ายังขาดน้ำผึ้งและนมส้ม ชาวเมืองจึงส่งตัวแทนไปยืนอยู่ในเส้นทางจากชนบทจะเข้าพระนคร เพื่อหาซื้อน้ำผึ้ง
สมัยนั้น พระสีวลีเกิดเป็นมานพหนุ่มชาวชนบทในบ้านสกุลหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองพันธุมดี เป็นชาวชนบทที่ขยันขันแข็ง วันหนึ่งจะต้องเดินทางเข้าเมือง ได้ถือหม้อนมส้มติดตัวไปด้วยระหว่างทางเห็นรวงผึ้งที่ไม่มีตัวผึ้งอาศัยอยู่แล้ว จึงตัดกิ่งไม้เดินถือ รวงผึ้งมุ่งหน้าเข้าเมือง
เมื่อชาวเมืองเห็นหนุ่มชนบทถือรวงผึ้งเดินมาก็ดีใจ รีบเข้าไปขอซื้อด้วยเงิน ๑ กหาปณะ พลางส่งเงินให้ทันทีด้วยความดีใจว่า จะได้สิ่งของตามที่ต้องการ
หนุ่มชนบทฉุกคิดขึ้นว่า "น้ำผึ้งรวงนี้มีราคาไม่มากถึง ๑ กหาปณะ แต่บุรุษผู้นี้ยอมขอซื้อ เราควรสอบถามให้รู้ถึงต้นสายปลายเหตุก่อน" จึงแกล้งโก่งราคาว่า "ท่านให้ราคาเพียงกหาปณะ เดียว เราไม่ขายหรอก"
ชาวเมืองรีบขึ้นราคาเป็น ๒ กหาปณะ แต่หนุ่มชนบทก็ยังไม่ยอมขาย บุรุษนั้นจึงรีบขึ้นราคาให้อีก กระทั่งถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ หนุ่มชนบทใคร่ครวญดูว่า เราไม่ควรรีบขาย ควรถามไถ่ให้รู้ความจริงก่อนว่า เขาต้องการซื้อด้วยราคาถึงเพียงนี้ เพื่อเอาไปทำอะไรกันแน่
เมื่อทราบแล้ว ท่านเกิดกุศลศรัทธา จึงถามว่า "การถวายทานครั้งนี้ เฉพาะเจาะจงแต่พวกชาวเมืองเท่านั้น หรือคนอื่นก็สามารถร่วมบุญได้"
บุรุษนั้นอธิบายว่า "เรื่องการทำบุญนั้น ใครๆ ก็มีสิทธิ์ สามารถร่วมบุญได้ทั้งนั้น"
หนุ่มชนบทได้ฟังแล้ว รีบพูดว่า "ถ้าเช่นนั้น ขอท่านจงไปบอกพวกชาวเมืองทั้งหลายเถิดว่า มีกุลบุตรผู้หนึ่งไม่ยอมขายรวงผึ้งกับนมส้ม ไม่ว่าจะให้ราคาสูงเท่าไร ก็ไม่ยอมขายให้ เพราะเขาอยากถวายทานด้วยมือของตนเอง ขอท่านทั้งหลายจงให้เขามีส่วนในบุญใหญ่ครั้งนี้ด้วย"
เมื่อชาวเมืองรู้ข่าวต่างพา กันอนุโมทนาสาธุการเป็นการใหญ่
ครั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมทั้งภิกษุสงฆ์มาถึง ชาวเมืองพากันนิมนต์ให้นั่ง แล้วได้ถวายข้าวต้มและของเคี้ยว เมื่อถึงวาระของตน หนุ่มชนบทจึงเขยิบเข้าไปใกล้พุทธอาสน์ของพระบรมศาสดา พลางกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า สิ่งนี้เป็นเครื่องบรรณาการของคนยากเช่นข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงรับเครื่องบรรณาการ นี้ของข้าพระองค์ด้วยเถิด พระเจ้าข้า"
พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้บาตรรับน้ำผึ้งผสมนมส้ม และทรงอธิษฐานว่า "อย่าให้น้ำผึ้งผสมนมส้มนี้หมดสิ้นไป จนกว่ากุลบุตรผู้นี้จะถวายแด่พระภิกษุสงฆ์จนครบหมดทุกรูป" ด้วยพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ เหตุอัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้น หนุ่มชนบทได้ถวายน้ำผึ้งผสมกับนมส้ม ใส่ลงไปในบาตรของพระภิกษุสงฆ์จนครบหมดทุกรูป
หลังจากพระพุทธองค์เสวยภัตตาหารแล้ว ท่านได้ลุกไปทูลขอพรว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ได้เห็น ชาวเมืองพันธุมดี นำเครื่องสักการบูชามาถวายแด่พระองค์ ขอให้ ข้าพระองค์ได้มีส่วนในผลบุญนี้ และด้วยอานิสงส์ของการถวายน้ำผึ้ง ขอให้ข้าพระองค์เป็นผู้เลิศด้วยลาภในอนาคตกาลด้วยเถิด"
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานพรว่า "จงสำเร็จสมดังปรารถนาเถิด" ทรงอนุโมทนาในทานของหนุ่มชนบทและชาวเมือง จากนั้นจึงเสด็จกลับพระวิหาร
ฝ่ายกุลบุตรนั้นได้ตั้งใจกระทำ บุญกุศลตลอดมาจวบจนสิ้นอายุขัย ท่านได้ท่องเที่ยวเสวยสมบัติ ในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดกาลนาน
ส่วนในเรื่องของวิบากกรรมของพระสีวลี.. ที่ต้องทนทุกข์ทรมานในพระครรภ์ของพระมารดา.. นานถึง๗ ปี ๗เดือน ๗วัน มาจากวิบากกรรมใดนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา.. ธรรมะเพื่อประชาชน
*มก. สีวลิเถราปทาน เล่ม ๗๒ หน้า ๓๓๒
1 บันทึก
1
2
1
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย