11 เม.ย. 2020 เวลา 08:29 • กีฬา
#SG8
ลื่นหลุดมือ บทที่ 1
สตีเวน เจอร์ราร์ด ตำนานตลอดกาลเเห่งแอนฟิลด์...
อารัมบท : "ลื่นหลุดมือ" Chapter 1
.
โดย : สตีเวน เจอร์ราร์ด
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2017
.
ผมนั่งลงที่เบาะหลัง เเละรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลอาบเเก้ม ผมไม่ได้ร้องไห้มาหลายปีเเล้ว... เเต่ช่วงเวลาที่ผมขับรถกลับบ้านผมหยุดร้องไห้ไม่ได้ น้ำตามันไหลออกมา
.
ช่วงเย็นเเดดเเรงกล้าทีี่ลิเวอร์พูล มันยิ่งเงียบขณะที่รถเคลื่อนตัวออกจากแอนฟิลด์ไกลออกไปเรื่อยๆ ผมจำไม่ได้ว่าเวลาในการเดินทางครั้งนั้นมันนานมากแค่ไหน จำไม่ได้แม้กระทั่ง ถนนสายนั้นมีรถติดมากเท่าไรหรือว่าถนนเส้นนั้นว่างเปล่า ขณะที่ผมอยู่ในรถความเจ็บปวดมันกำลังฆ่าผม....
.
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น หลังจากเกมกับเชลซี ผมแทบอยากจะหายไปในหลุมดำ เกมรองสุดท้ายในบ้านฤดูกาลนี้น่าจะเป็นเกมที่เราสามารถคว้าแชมป์ได้เด็ดขาด เราสามารถเอาชนะเเมนเชสเตอร์ซิตี้ก่อนหน้านี้ที่แอนฟิลด์ เราเพิ่งทำสถิติคว้าชัยชนะ 11 เกมติดต่อกัน ชัยชนะอีกเพียงเกมเดียวเท่านั้น
.
เราเกือบจะคว้าแชมป์ลีกได้อย่างแน่นอนเป็นครั้งเเรก นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 1990
.
24 ปีก่อนหน้านี้ ในเดือนที่ผมอายุครบ 10 ขวบ ผมในฝันของผมเเละพ่ออยู่ภายใต้การคุมทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช โดยมี อลัน เเฮนเซ่น เป็นกัปตันทีมเเละยังเป็นทีมที่มีนัักเตะอย่าง เเม็คมาน, โมลบี้, เบียร์ดสลีย์, เอียน รัช, วีแลน และ บาร์นส์ อยู่ในทีมในตอนนั้น...
.
ผมฝันถึงการมีวันนี้ ในฐานะเด็กชายคนหนึ่งเพิ่งเข้าร่วมอคาเดมีของลิเวอร์พูล ตอนอายุ 8 ขวบ เขาตั้งอธิษฐานเเละภาวนาว่าสักวัน เด็กชายคนนั้นจะสามารถคว้าเเชมป์ต่อหน้ากองเชียร์ เดอะค็อป
.
เกมเเรกของผมกับลิเวอร์พูล(ชุดใหญ่)ในปี 1998 ตอนนั้นผมอายุ 18 ปี ช่วงเวลานั้นผมไม่รู้เลยว่าการเป็นผู้ชายอายุ 33 ปี ที่กำลังร้องไห้อยู่เบาะหลังรถจะรู้สึกอย่างไร...
ตำนาน สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด
ผมรู้สึกด้านชา เหมือนกับกำลังเสียบุคคลในครอบครัว ....
.
มันเหมือนกับความรู้สึกที่สั่งสมมาตลอดในช่วงเวลา 25 ปีในช่วงเวลากับสโมสรเเห่งนี้ "มันไหลออกมาจากตัว ผมไม่เเม้เเต่จะพยายามหยุดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากตัวอย่างเงียบๆ ในขณะที่ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายฉายซ้ำเเล้วซ้ำเล่าภายในหัวของผม"
.
ในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เชลซีที่ดูไม่มีอะไรกลับวางแผนในการหยุดหยั้งเราสู่เส้นทางชัยชนะโดย โซเซ่ มูรินโญ่ เเละสุดท้ายมันก็เกิดขึ้น
.
" เพียงเเค่การผ่านบอลง่ายๆ ที่กลิ้งมาหาผมที่อยู่ใกล้เส้นครึ่งสนาม มันเป็นจังหวะที่ไม่มีอะไรเลย เเต่มันกลับกลายเป็นจังหวะที่ทำให้เราพลาดเเชมป์ ผมขยับตัวไปรับบอลเเต่มันกลับไหลมาใต้เท้า"
.
"จุดพลิกผันเกิดขึ้น... ผมลื่น เเละผมก็ล้มลงกับพื้นสนาม
ลูกบอลถูกฉกไป เเละเชลซีที่น่ากลัวกลับมาบุกอีกครั้ง ผมพยายามยืนขึ้นเเละวิ่งด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี ผมวิ่งไล่ เดมบา บา เหมือนกับว่าทั้งชีวิตผมขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น ผมรู้ถึงผลลัพธ์ถ้าผมไล่เขาไม่ทันเเต่มันสิ้นหวังผมหยุดเขาไม่ได้...
.
"เดมบา บา ยิงประตูได้ มันจบเเล้ว การลื่นของผมสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง"
เจอร์ราร์ด พลาดล้ม
.
ผมอยู่ในรถกับอเล็กซ์ ภรรยาของผมเเละแกรตตี้, พอล เเมคกรัตเตน หนึ่งในเพื่อนสนิทของผม อเล็กซ์เเละแกรตตตี้ พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะช่วยปลอบใจ เเละปลอบประโลม พวกเขาต่างสรรหาคำปลอบต่างๆ มาให้ผม " ฟังนะมันยังเปลี่ยนแปลงได้ ยังเหลืออีกสองเกมให้เล่น...
.
แต่ผมรู้...โชคชะตาในการคว้าเเชมป์ลีกได้เปลี่ยนไปอยู่ในมือของ แมนเชสเตอร์ซิตี้ เเละพวกเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นไปอย่างเเน่นอน จะไม่มีการกลับมาสำหรับลิเวอร์พูลอีกเเล้ว จะไม่มีค่ำคืนปาฏิหาริย์ที่ อิสตันบูล
.
ในนัดชิงชนะเลิศเเชมป์เปี้ยนลีก ในปี 2005 ที่เราตามหลัง เอซี มิลาน 3- 0 ในครึ่งแรก ซึ่งเอซี มิลาน ได้ชื่อว่า เจ้าเเห่งเกมรับ เรายังสู้กลับมาได้เเละเอาชนะได้ในการดวลจุดโทษ ผมเป็นหัวใจของทีมนั้น ผมเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลหลายปีที่ผ่านมา ผมยิงประตูเเรกในเกมที่ยากจะกลับมากับ เอซี มิลาน
.
ผมจูบถ้วยเเชมป์เปี้ยนลีก และชูฉลองเหนือศรีษะพร้อมกับจูบมันอีกครั้งก่อนใคร ในค่ำคืนที่ดุจดั่งเวทย์มนต์ที่ อิสตันบูล
สตีเฟ่น
.
ผมรู้สึกถึงความรู้สึก ความยิ่งใหญ่ในชัยชนะ เช่นเดียวกับความเสียใจของการพ่ายแพ้ ผมพ่ายเเพ้ในเกมเเชมป์เปี้ยนลีกกับ เอซี มิลาน อีกครั้ง ในสองปีหลังจากนั้น ผมเป็นคนเดียวที่ยิงได้ในรอบชิงชนะเลิศ ทั้งลีกคัพ, เอฟเอ คัพ, ยูฟ่าคัพ, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
.
ผมลงเล่นมากกว่าหนึ่งร้อยเกมให้กับทีมชาติอังกฤษ ในรายการฟุตบอลโลกเเละรายการชิงเเชมป์เเห่งชาติยุโรป ตอนนั้นผมยังเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ เเละเรากำลังเดินทางไปบราซิล ในทัวร์นาเมนท์รายการใหญ่ครั้งสุดท้ายของผม......
ตำนาน สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด
ติดตามตอนต่อไปได้ที่นี่
💢✍️ anonymous aeyliverpool ®️ 💢 ลิเวอร์พูลเเฟนคลับ ®️
💢 กลุ่มThis is Anfield ®️ 💢🅰️EY ®️
พูดคุยข่าวสารทีมลิเวอร์พูล อัพเดตตรงจากอังกฤษ
โฆษณา