Deep Web กับ Dark Web แตกต่างกันอย่างไร? ใช้แล้วจะโดนอุ้มไหม?
เมื่อกล่าวถึง Deep Web หรือ Dark Web หลายคนมักนึกถึงแหล่งรวมข้อมูลอันตรายและน่าหวาดผวา อย่างการซื้อขายยาเสพติด คลิปทรมานคน การค้าอวัยวะ หรืออื่น ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันอาจไม่ได้น่ากลัวและเข้าถึงง่ายกว่าที่คิด
ใต้ “ยอดน้ำแข็ง” นี่คือบรรดาบริการและเว็บไซต์จำนวนมากมายที่ไม่มีทางที่จะสามารถค้นหาผ่าน Google ได้ และมีเพียงผู้มีสิทธิเข้าถึงเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงเว็บเหล่านี้ได้ พวกมันถูกเรียกว่า Deep Web แต่แม้จะดูลึกลับ แต่ความจริงก็คือพวกเราต่างใช้ Deep Web อยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะหน้าเว็บอีเมล์ที่เราใช้กัน หน้าการตั้งค่าเฟสบุ๊ค หรือส่วนที่ผู้ใช้ปกติไม่เห็นแต่จำเป็นต่อ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” เช่นตัวระบบฐานข้อมูล เป็นต้น
ทว่า Deep Web ที่ว่าลึกลับแล้ว ยังมิอาจเทียบได้กับส่วนที่ “มืด” ที่สุดของอินเตอร์เน็ต (ในหลายๆความหมาย) - Dark Web อินเตอร์เน็ตส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยโปรแกรมหรือกระทั่งอุปกรณ์ทั่วไป จำเป็นต้องใช้โปรแกรมหรือบางทีอุปกรณ์พิเศษในการเข้าถึง
นอกจากนี้ Dark Web จำนวนมากยังมาพร้อมกับระบบโครงสร้างที่รักษาความเป็นส่วนตัวสูงยิ่งกว่า Surface Web ซึ่งทำให้มันเป็นจุดศูนย์รวมของเหล่าอาญากรไซเบอร์ที่ต้องการจะกระทำแผนของพวกเขา หรือซื้อขายสิ่งผิดกฎหมายออนไลน์โดยที่ตำรวจตามตัวจับได้ยาก
ซึ่งใน Dark Web เครือข่ายหนึ่งนาม Tor ได้แสดงรายงานให้เห็นว่าผู้คนที่ใช้ Dark Web จำนวนมากใช้มันเป็นแค่ทางผ่านสำหรับเข้าถึง Surface Web อย่างสบายใจขึ้น โดยไม่เคยแตะบริการ “มืด ๆ” ใน Dark Web เลย ไม่นับรวมถึงที่ว่าบางบริการที่อาศัยใน Dark Web ก็เป็นบริการธรรมดา ๆ เช่นอีเมล์ ที่ชูโรงเรื่องความปลอดภัยและความส่วนตัว
1
อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวข้างต้น Deep Web และ Dark Web ต่างเป็นเพียงพื้นที่ส่วนหนึ่งของอินเทอร์เน็ต ซึ่งจุดประสงค์ของการใช้งานนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะใช้มันไปเพื่ออะไรก็เท่านั้น ทั้งสองอย่างนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย หากไม่ได้ใช้มันเพื่อจุดประสงค์อันตรายหรือสิ่งผิดกฎหมาย หรือไม่ไปสร้างศัตรูเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริง ๆ การใช้งานเป็นเรื่องปกติก็คงไม่มีใครมาเคาะประตูบ้านแล้วอุ้ม User ขึ้นรถไปทรมานในห้องมืดอย่างแน่นอน