2. งบกระแสเงินสด ( Cash Flow Statement ) ประกอบไปด้วย2 ส่วนหลักๆ คือส่วนของรายได้และส่วนของรายจ่าย คืองบที่แสดงให้เห็นถึงกระแสเงินสดรับและกระแสเงินสดจ่ายว่ามีเรายรับ และค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และแสดงให้เห็นถึงภาระค่าใช้จ่ายที่มากกว่ารายได้ที่รับเข้ามาสิ่งสำคัญ งบนี้ควรมีกระแสเงินสดคงเหลือ ที่ต้องระวังไม่ให้ติดลบ
ถึงตรงจุดนี้แล้วหลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไปทำไม?
หากจะเปรียบเทียบกับการตรวจสุขภาพก็คงจะเหมือนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพราะตรวจเสร็จแม้เราจะรู้ค่าแล้ว แต่ก็ยังต้องนำไปให้คุณหมอตีความต่อเพื่อบอกเราว่าตอนนี้สุขภาพทางการเงินของเราเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้สามารถสรุปสถานะการเงินของเรา ณ ปัจจุบัน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนนำไปวางแผนการเงินของเราต่อไป
โดยทั่วไปมักใช้อัตราส่วนทางการเงินเพื่อประเมินว่าสถานะทางการเงินของเรานั้น ดีหรือแย่ มากหรือน้อย ก่อนจะนำไปวางแผนในลำดับถัดไปนะครับ อัตราส่วนทางการเงินที่มักนำมาประเมินอาจมีได้หลายค่า โดยหลักแล้วแบ่งออกเป็น 3 มิติดังนี้ดังนี้นะครับ
มิติที่ 1 ด้านสภาพคล่อง เพื่อใช้ประเมินว่าสินทรัพย์ประเภท เงินสด เงินฝากที่มีอยู่ เมื่อเทียบสภาพคล่องขั้นต่ำที่ควรมีเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาเงินก้อนนี้จะเป็นหลักประกันให้เราอุ่นใจและได้มีเวลาปรับตัวกันนะครับ
มิติที่ 2 ด้านภาระหนี้สิน เพื่อใช้ประเมินว่าภาระหนี้สินต่อเดือน ณ ปัจจุบัน มียอดผ่อนชำระต่อเดือนมากเกินที่ควรหรือไม่ เพราะหากเรามีหนี้เพิ่ม จะทำให้ภาระหนี้สินอยู่ในระดับสูง หากมีวิกฤติเศรษฐกิจเข้ามาแล้วเราไม่พร้อม เราอาจมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ เราเตรียมพร้อมไว้แล้วหรือยัง
มิติที่ 3 ด้านเงินออมและลงทุน เพื่อใช้ประเมินว่ารายจ่ายที่เราจ่ายไปในแต่ละเดือนหรือที่ผ่านมานั้น มีการนำไปต่อยอดเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้เราหรือไม่ เรามีการออมเฉลี่ยต่อเดือนเท่าไหร่ มีการลงทุนอะไรเพื่ออนาคตบ้างไหม ทั้งนี้อย่าลืมศึกษาสิทธิประโยชน์ที่ตัวเองควรจะมีแล้วไปใช้สิทธิ์กันด้วยนะครับ
หลายๆคนอาจมองว่าไม่เห็นจำเป็นเลย แค่หามาให้มากกว่าจ่ายแล้วเหลือเท่าไรก็ค่อยเก็บไป แต่ในความเห็นผมแล้วนั้นบอกได้เลยว่างบการเงินนี้มีประโยชน์อย่างมาก เพราะมันจะช่วยแจกแจงให้เราเห็นว่าเราใช้เงินไปกับอะไรเยอะ แล้วได้ทบทวนว่าสิ่งนั้นจำเป็นกับเราจริงหรือเปล่า หรือไม่มีก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ซึ่งผมแนะนำทุกคนทำงบการเงินของตัวเองง่าย ๆ เพื่อประเมินสถานะการเงินด้วยตัวเองกันอย่างน้อยสักปีละครั้งนะครับ แล้วในครั้งถัดไปผมจะมาลงลึกในด้านอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวนะครับ ว่าคิดอย่างไร และควรมีค่าอยู่ประมาณเท่าไร ยังไงติดตามและให้กำลังใจกันด้วยนะครับ