21 เม.ย. 2020 เวลา 09:48 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Green Sand Casting Defect EP 2.1
1. Expansion Defect
ชื่อเรียกงานเสียที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวเบียดกันของหน้าแบบทราย มีชื่อเรียก เรียงตามความรุนแรง ดังนี้ Rattails, Buckles, Scabs, Cope Spall
1. Rattails ตั้งชื่อตามลักษณะที่เห็นเป็นแนวร่องเส้นเหมือนหางหนู เมื่อน้ำเหล็กเริ่มไหลเข้า ผิวแบบได้รับความร้อนและเบียดขึ้นมาเป็นแนวเล็กๆ ทำให้เกิดร่องบนผิวงานหล่อ
2. Buckles เมื่อทรายอัดแน่น และขยายตัวตัวเบียดกันเกิดเป็นแนวนูนสูงขึ้น ทำให้เกิดเส้นร่องลึกบนผิวงาน เรียกว่า Buckles บางครั้งเกิดร่วมกับ Scab
3. Scabs/ Cope Spall เมื่อแนว Wet layer ที่เป็นจุดอ่อนหลุดออก น้ำโลหะเข้าไปแทรก เกิดเป็นแผลนูน เรียกว่า Scabs และหากเกิดด้านบน ในลักษณะที่รุนแรงมาก รอยต่อแยกหล่นลงมาขณะเทน้ำเหล็ก เรียก Cope Spall
เพิ่มเติมงานเสียชนิดที่เห็นเป็นเส้นนูนที่ผิวงาน (ไม่เป็นแนวร่อง) จึงจัดแยกกลุ่มออกไป และบางครั้งทำให้สับสน คือ Viening มักจะจัดกลุ่มอยู่ร่วมกับ Fin Defect หรือเรียกว่า ครีบ
Viening/ Fin มีลักษณะเป็นแนวเส้นยื่นออกมาจากผิว เกิดจากหน้าแบบแตก ถ้าเป็นการแตกจากความร้อน Thermal cracking ขนาดรอยแตกเล็ก (Viening)
ถ้าเป็นการแตกจากการเคลื่อนย้าย แรงดันน้ำเหล็ก Mechanical cracking มักมีขนาดใหญ่กว่า ( Fin defect)
Viening เกิดจากการที่ทรายหดตัว
ทรายซิลิกานอกจากจะขยายตัวที่อุณหภูมิ 573 C เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจะเริ่มมีการหดตัวที่ 870 C
ดังนั้นเมื่อผิวทรายร้อนมากหดตัว และเบนโทไนท์ถูกเผาไป แต่ด้านในที่อุณภูมิต่ำกว่ากำลังขยายตัว มีความแตกต่างของความร้อนที่แบบทรายมาก จะทำให้ผิวแบบเกิดการแตก
Viening- Thermal cracking
Fin defect - Mechanical cracking , Leak at parting line
การแก้ไขเมื่อพบงานเสียที่เกิดจากการขยายตัวของทราย มีหลักคือ ลดความแน่นของแบบทราย ลดความร้อนและเวลาที่สัมผัสโลหะเหลว เพิ่มความแข็งแรงทราย ลดความชื้น และเพิ่มตัวช่วย ให้มีช่องว่างให้ทรายขยายตัว
1. อาจเติม เซลลูโลส หรือซีเรียล เพื่อให้ทรายมีช่องว่างในการขยายตัว (อาจใช้ Seacoal หรือ Starch ผสมในทราย)
2.พยายามควบคุมความชื้นในทางต่ำ เพื่อให้ทรายมีความแข็งแรงมากขึ้น และลดจุดอ่อนตรงแนว Wet layer
3. ลดอุณหภูมิเท และหรือลดจุดที่เกิดความร้อนสูง (Excess super heat) ช่วยลดการขยายตัวของทราย
4. ควบคุมอุณหภูมิทรายก่อนผสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเบนโทไนท์ และความแข็งแรงของแบบทราย
5. เพิ่มปริมาณเบนโทไนท์ โดยเฉพาะ Na- Bentonite ที่ให้ค่า Hot strength ดีกว่า
6. เพิ่มการกระจายตัวของทราย อย่างน้อยต้องเป็นทรายสามตะแกรง เพื่อให้การขยายตัวมีความต่อเนื่อง
7. ลดปริมาณฝุ่น ฝุ่นทราย ที่ทำให้ความชื้นทรายสูง
8. หลีกเลี่ยงการอัดแบบ ด้วยแรงอัดสูง (Over-ramming) แบบยิ่งแน่นมาก ทรายยิ่งแตกง่ายเมื่อเกิดการขยายตัว
9.ปรับปรุงประสิทธิภาพในการผสมทราย ให้ได้ทรายที่เป็นเนื้อเดียวกัน และผสมทั่วถึง ทรายมีความแข็งแรงดีขึ้น
10. เทให้เร็วขึ้น โดยอาจเพิ่มทางเข้า หรือเพิ่มขนาดทางเข้า เพื่อลดเวลาที่ทรายจะสัมผัสโลหะเหลว และความร้อนลง
โฆษณา