13 เม.ย. 2020 เวลา 10:36 • การศึกษา
"นินทา (Gossip)" นั้นสำคัญนะ!! เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการวิวัฒนาการของมวลมนุษยชาติ
Primate Gorilla in USA and Primate Human in Bhutan
"เกลียดพวกคนชอบนินทามากๆ" เพื่อนคนหนึ่งบ่นกับผมและเพื่อนชาวฝรั่งอีกคน
"ทำไมหล่ะ" เพื่อนฝรั่งผมถาม...
"ไม่ชอบคนที่พูดถึงคนอื่นลับหลัง" เพื่อนผมตอบ
"เราทำกันทุกคนไม่ใช่เหรอ .... เรามักพูดถึงคนอื่นในเวลาที่เขาไม่อยู่ในบทสนทนา อย่างสม่ำเสมอ" เพื่อนฝรั่งพูด
"แค่การนินทานั้นอาจจะพูดถึงแบบนินทาว่าร้าย แบบชื่นชมลับหลัง หรือทั่วไปไม่ดีไม่ร้าย.. อย่าคิดมากมันเรื่องธรรมชาติ" เพื่อนฝรั่งพูดต่อ
ชาวโบลิเวีย ชาวจีน และเด็กชาวปาปัว
ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่มีโอกาสได้อ่าน ....ที่ชื่อ "Grooming, Gossip and the Evolution of Langauge" ของ Robin Dunbar
ภาพจาก กูเกิล
Robin Dunbar นักจิตวิทยาและนักมนุษยวิทยาชื่อดังชาวอังกฤษที่ศึกษา และสันนิษฐานว่า "การนินทา" เป็นส่วนหนึ่งของการวิวัฒนาการของสังคมมนุษย์ ที่นำมาทดแทนการแต่งขนและเก็บเห็บหมัด (Grooming) ของลิงใหญ่อย่าง กอริลลา ชิมแปนซี อุรังอุตัง และอื่นๆ
ซึ่งเป็นวิธีที่สร้างความสัมพันธ์และความเชื่อใจในสัตว์พวกลิงใหญ่ (Primate) ที่เป็นญาติใกล้ชิดทางพันธุกรรมของเราที่เป็นมนุษย์..
**นิยามของ "นินทา" ในที่นี้ คือการพูดถึงคนอื่นในขณะที่คนคนนั้นไม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย หรือ ซุบซิบ
***"นินทา" ในภาษาไทยหมายถึง การซุบซิบในทางร้าย..
เนื่องจากในการรักษาความสัมพันธ์ของกลุ่มลิงใหญ่จะใช้การแต่งขนและเก็บเห็บหมัดให้กันและกัน หรือเรียกว่า "Grooming"
แต่มนุษย์ไม่มีขนหรือแมลงให้เก็บเหมือนลิงชนิดอื่นๆ การรวมกลุ่มเพื่อนรักษาความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็คือ "การพูดคุย (Vocal Grooming)"
Gorilla in Rwanda, Urangutan in Malaysia, Baboon in Ethiopia and Chimpanzee in Zoo of USA
และบทสนทนาของการพูดคุยนั้นมากกว่าครึ่งหนึ่งคือ การพูดถึงคนอื่นที่ไม่อยู่ในบทสนทนา (Gossip) หรือ ซุบซิบ / นินทา
ดังนั้นข้อดีของการซุบซิบนินทาที่ช่วยในการวิวัฒนการของมนุษย์จึงมีหลายข้อเลยทีเดียว..
1. ช่วยให้มนุษย์สร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มของตัวเอง เพราะการนินทาคนในกลุ่มต้องมีความเชื่อใจกันระดับหนึ่ง และนี่จุดเริ่มต้นของกลุ่มก้อน พรรคพวก เผ่า แคว้น และประเทศ ในที่สุด
การเหยียดผิวสี และ การต่อสู้เพื่อชาติ ก็เกิดจากนินทา
2. ช่วยให้กระจายความเชื่อใจของกลุ่มได้เร็วขึ้น ..เช่นถ้าเรามานั่งเก็บเห็บแบบลิงความเชื่อใจจะเป็นแบบ 1 ต่อ 1 แต่ถ้าเราซุบซิบคนอื่นเราจะทำเป็นกลุ่มได้เลย...
และความเชื่อที่เหมือนกันก็สร้างความเเข็งแกร่งให้กับกลุ่ม....
3. ช่วยให้มนุษย์มีการสร้างเรื่องและจินตการ เพราะการซุบซิบนินทาก็มักมีการแต่งเติมเนื้อเรื่อง และเพิ่มจินตนาการของแต่ละคน... และเมื่อเล่า ต่อๆ ไปก็การเป็นเรื่องเล่า และ ตำนาน
4. ช่วยให้มนุษย์ควบคุมความเชื่อและบรรทัดฐานทางสังคม จะเห็นว่าจารีตและประเพณีหลายๆ อย่างยังคงอยู่เพราะคนกลัวคนอื่นนินทามากกว่ากฏหมายอีก..
และทั้งๆ ที่หลายจารีตและประเพณีก็ไม่ผิดกฎหมายถ้าจะแหวกม่านประเพณี แต่คนไม่กล้าทำ
นั่นก็ช่วยให้คนไม่กล้าทำสิ่งไม่ดีที่สังคมไม่ยอมรับด้วยครับ
Uzbekistan-Mexico-Oman-Cape Verde
และในการศึกษาของนักจิตวิทยาก็พบว่าข้อดีการนินทา
คือถ้าคนได้รู้รับเรื่องที่คนกล่าวถึงลับหลังในด้านดี คนคนนั้นก็ยิ่งมีแรงขับให้ทำสิ่งนั้นให้ดีขึ้น
ในทางกลับกันจะช่วยคนระบายและลดความเครียดถ้าได้นินทาลับหลังคนที่ตัวเองไม่ชอบ...
แม้ว่าการนินทาลับหลังในแง่ร้าย อาจจะให้คนถูกนินทานิสัยไม่ดีรู้สึกแย่ แต่การศึกษาพบว่าคนส่วนใหญ่จะกลับมาคิดวิเคราะห์และปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น..
Cote D' viore- Moldova- China- Nicargua
นั่นก็จะเห็นข้อดีของนินทาเลยใช่หรือไม่ครับ
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า 75% ของการนินทาของมนุษย์ส่วนใหญ่มักไม่ใช่เรื่องว่าร้ายหรือดี (Neutral Gossip) คือเป็นเรื่องทั่วๆไป และ 10% ของการนินทามักเป็นการชื่นชมลับหลัง (Positive Gossip)
มีเพียง 15% เท่านั้นที่เป็นการนินทาว่าร้าย (Negative gossip)
ไม่ต้องกลัวคนใส่หน้ากากครับ
พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และได้ฟังบทสนทนาของเพื่อนฝรั่ง นั่นก็ทำให้ผมมองการนินทาเปลี่ยนไปเลยครับ
เพราะไม่ว่าเราจะได้รับการนินทาไม่ว่าดี ไม่ดี หรือเป็นกลาง สิ่งที่เราควรระลึกไว้ก็คือเราควรเป็นคน "อ่อนน้อมถ่อมตน (Humble)"
คือถ้าโดนพูดลับหลังว่าดี ก็อย่าเหลิง อย่าอวดดี
ถ้าโดนพูดลับหลังเรื่องกลางๆ ก็ฟังให้เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาพูดถึงเราแบบนั้น
และถ้าโดนพูดว่าร้าย ก็ให้กลับมาคิดวิเคราะห์ และถ้ามีเค้าความจริงก็แก้ไข แต่ถ้าไม่มีก็ให้อภัยและดีใจที่ช่วยให้คนระบายความเครียด...
Ecaudor-Cape Verde - Jordan- Bangldesh
อย่างนั้น"อย่าคิดมากเรื่องนินทา" นะครับมันเป็นธรรมชาติ แต่เราก็ไม่ควรพูดว่าร้ายคนอื่นเช่นกันนะครับ🤣🤣🤣
นินทาบ้าง..เอา กลางๆ พอ 🤣🤣🤣
Ref:
-Feinberg, M., Willer, R., Stellar, J., & Keltner, D. (2012). The virtues of gossip: Reputational information sharing as prosocial behavior. Journal of Personality and Social Psychology, 102(5), 1015–1030.
- Book "Grooming, Gossio and the Evolution of Langauge" Robin Dunbar
- Book " You are not Listening" Kate Murphy
โฆษณา