16 เม.ย. 2020 เวลา 12:00
โรคหลอดเลือดหัวใจ 💓
เป็นภาวะที่มีการสะสมของไขมันบนผนังของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดเลยแคบลง เพราะเกิดการลดปริมาณออกซิเจนไปยังหัวใจ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะ หรือหัวใจวาย โรคหลอดเลือดหัวใจที่เกิดขึ้นเมื่อไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดสะสมบนผนังหลอดเลือดแดงและสร้างคราบ (ถุงไขมัน) กระบวนการนี้เรียกว่าภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว เมื่อหลอดเลือดแคบลงและการไหลเวียนของเลือดลดลงทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ สร้างความเสียหายให้กล้ามเนื้อหัวใจและนำไปสู่อาการหลายๆ อย่างซึ่งอาจจะร้ายแรงได้ครับ
– อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคนี้พัฒนาอย่างช้าๆ ใช้เวลาหลายปี การหายใจเหนื่อยหอบเมื่อออกกำลังกายเป็นสิ่งเดียวที่เป็นอาการของโรค ทำให้ไม่ทราบว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจนกระทั่งมีอาการเจ็บหน้าอก (angina) หรือมีอาการหัวใจวาย
• เจ็บหน้าอก อาการเจ็บหน้าอกเกิดเมื่อเลือดที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลงหรือชะงักไป อาการนี้มักเกิดเมื่อออกแรงมากๆ หรือมีอารมณ์โกรธหรือจิตใจเครียด นอกจากนี้ยังอาจเกิดเมื่อถูกอากาศเย็นๆ หรือหลังรับประทานอาหารอิ่มจัด อาจมีอาการดังต่อไปนี้ ความรู้สึกไม่สบายหรือจุกแน่นยอดอก เจ็บร้าวที่คอ ขากรรไกร ลำคอ หลัง หรือแขน เหนื่อยหอบ หายใจขัด อาการมักเป็นนาน 2-3 นาที แล้วหายไปเมื่อได้พัก หรือหยุดกระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุชักนำ บางครั้งก็หายไปเองเมื่อออกกำลังกายไปเรื่อยๆ
• หัวใจวาย การเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดหัวใจทำให้ปิดกั้นหลอดเลือดแดงอย่างสมบูรณ์ เลือดและออกซิเจนไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทำให้หัวใจวาย อาการหัวใจวายเกิดได้โดยไม่ต้องมีอาการเจ็บหน้าอกหรืออาการอื่นๆ มาก่อน และอาจรวมถึงอาการเหล่านี้ รู้สึกหนักหรือบีบเค้นในใจกลางของหน้าอก เจ็บร้าวแพร่กระจายไปยังแขน คอ ขากรรไกร ใบหน้า หลัง หรือท้อง รู้สึกวิงเวียน หายใจขัด เหงื่อแตก ความรู้สึกป่วยหรืออาเจียน เป็นไปได้ว่าคนไข้อาจไม่มีอาการใดๆ เรียกว่า กล้ามเนื้อหัวใจตาย และเป็นความเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นโรคเบาหวานอยู่
• หัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจทำให้หัวใจอ่อนแอและนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งหมายถึงไม่แข็งแรงพอที่จะสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เหนื่อยได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ข้อเท้าและขาบวมได้
• หัวใจเต้นผิดจังหวะ หากกล้ามเนื้อหัวใจได้รับความเสียหายหรือตาย อาจจะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ (จังหวะ) ซึ่งอาจค่อยๆ พัฒนาไปเมื่อโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นมากขึ้น อาจจะรู้สึกใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง หรืออาจจะไม่สังเกตเห็นมันเลยก็ได้ ภาวะที่ร้ายแรงที่สุดคือ อาจจะทำให้หัวใจหยุดเต้นโดยสิ้นเชิง (หัวใจวาย)
• สาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากการสะสมของไขมันบนผนังหลอดเลือดแดง พบมากในผู้สูงอายุ ปัจจัยอื่น ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ มีดังนี้ การสูบบุหรี่ การมีน้ำหนักเกิน การดำเนินชีวิตอย่างเฉื่อยชา เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ
– รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ความเครียดและภาวะซึมเศร้า
• การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ แพทย์จะสอบถามอาการและตรวจร่างกาย สอบถามเกี่ยวกับประวัติความเจ็บป่วย และอาจให้เข้ารับการตรวจเลือดเพื่อดูระดับไขมัน คอเลสเตอรอล น้ำตาล และโปรตีน วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อดูจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง การเอ็กซเรย์ทรวงอก เป็นต้น
– ทางเลือกสำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ มีทางเลือกในการรักษาหลายทางขึ้นอยู่กับสถานการณ์ส่วนบุคคล เช่น
• การดูแลตัวเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจจะช่วยลดอาการ หรือป้องกันอาการหัวใจวาย แต่มักจะไม่เพียงพอ แพทย์อาจจะยังแนะนำให้ใช้ยาและรับการรักษาอื่นๆ
• การใช้ยา ยาใช้ลดอาการ ทำให้อาการไม่เลวร้ายลง หรือป้องกันหัวใจวายในอนาคต มียาหลากหลายที่ใช้ในการรักษาโดยตัวยาทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกัน ยาที่นิยมใช้ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้แก่ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นแอสไพริน
– ยาลดคอเลสเตอรอล เช่น ยากลุ่ม statin, Beta-blockers, ACE inhibitors, Angiotensin II, Anticoagulants, ไนเตรท, Antiarrhythmic, Nicorandil, Ranolazine เป็นต้น หากใช้ยาแล้วยังไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ เพื่อหารือเกี่ยวกับการรักษาวิธีอื่นๆ เช่น การใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ และการผ่าตัดทําทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
• การป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยการดำเนินชีวิตอย่างถูกสุขอนามัย งดสูบบุหรี่ ลดน้ำหนักส่วนเกิน ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ 💪
ขอบคุณค่ะ
โฆษณา