13 เม.ย. 2020 เวลา 11:57 • ความคิดเห็น
ผ.น.ง. ที่ทำให้เศรษฐกิจพัง
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
ประวัติศาสตร์มนุษยชาติถือว่าช่วง พ.ศ. 2472-2482 ที่ภาษาอังกฤษเรียก Great Depression ผู้คนลำบากมากที่สุด ธุรกิจล้ม ธนาคารล้ม มีคนตกงานเพิ่มกว่าแสนคนทุกสัปดาห์
https://www.thebalance.com/effects-of-the-great-depression-4049299
สิ้น พ.ศ. 2472 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ คนอเมริกันเพียงชาติเดียวตกงานมากถึง 1.5 ล้าน อีก 4 ปีต่อมา คือใน พ.ศ. 2476 มีคนอเมริกันตกงานมากถึง 15 ล้านคน
เศรษฐีกลายเป็นคนจนชั่วข้ามคืน จากคนที่มีความเป็นอยู่สะดวกสบาย ต้องไปทำงานอะไรก็ได้เพื่อประทังชีวิต ทุกเมืองในสหรัฐเต็มไปด้วยคนที่วิ่งไปขอขัดรองเท้า ขายแอปเปิ้ลข้างถนน ลักเล็กขโมยน้อย และจำนวนไม่น้อยที่เป็นขอทาน
อดีตมหาเศรษฐียังต้องไปยืนขายของข้างถนนโดยสวมเสื้อผ้าที่เคยใช้สมัยที่ยังมีฐานะดี ผู้คนป่วยทางจิตและสถิติการฆ่าตัวตายสูงมาก
หลายคนกลัวว่าสหรัฐในยุคของทรัมป์จะกลับไปเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 91 ปีที่แล้ว สมัยนั้นเป็นยุคของประธานาธิบดีฮูเวอร์ ทั้งที่มีลางว่าเศรษฐกิจจะแย่ แต่แกเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คิดว่ายังไงเศรษฐกิจก็ไม่มีปัญหา สหรัฐต้องมั่งคั่ง
https://www.teacherspayteachers.com/Product/President-Hoover-and-The-Great-Depression-1330367
ฮูเวอร์จึงไม่มีนโยบายที่จะช่วยประชาชนผู้เดือดร้อน เพราะแกคิดว่า นั่นจะทำให้ชาวอเมริกันเสียความเคารพตนเอง คนอเมริกันเก่ง จะต้องให้รัฐบาลมาช่วยหรือ ซึ่งถ้าช่วยเสียแต่แรก เศรษฐกิจก็อาจจะไม่ล้ม
ประวัติศาสตร์การล่มสลายทางเศรษฐกิจของทุกประเทศ มีสาเหตุจากไอ้คนใกล้ตัวผู้นำ สื่อมวลชนเตือนฮูเวอร์ว่าให้รีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่นายเมลลอน รัฐมนตรีคลังบอกว่า อ้า ท่านประธานาธิบดีครับ มันเป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจครับ รัฐบาลไม่ต้องไปแทรกแซง
อ้า ตามที่ผมเรียนมานะครับ เมื่อเศรษฐกิจตกไปจนถึงจุดต่ำสุดแล้ว มันจะค่อยๆ โง่ เอ๊ย โงขึ้นมาใหม่ได้เอง
ประชาชนเดือดร้อนมาก แต่นายเมลลอนก็แนะนำฮูเวอร์ไม่ให้เอาเงินไปช่วยประชาชนโดยตรง ภาพเก่าขาวดำที่เราเห็นตอนเรียนประวัติศาสตร์เศรษฐกิจก็คือ คนอเมริกันต้องเข้าแถวรอรับอาหารจากองค์กรการกุศล คนอีกจำนวนล้านไปคุ้ยเศษอาหารจากกองขยะ คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยไม่มีบ้านอยู่ ต้องไปสร้างเพิงตามที่รกร้างว่างเปล่า ที่ท้ิงขยะ และตามสวนสาธารณะ
ผู้อ่านท่านผู้เจริญอาจจะเคยได้ยินคำว่า Hooverville ฮูเวอร์วิลล์ คำนี้หมายถึง ‘ชุมชนแออัดที่เกิดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ’ คนอเมริกันเรียกชุมชนแออัดตามชื่อประธานาธิบดีฮูเวอร์ พฤติกรรมของประธานาธิบดีก็มีแต่ออกมาโม้รายวัน (แบบที่ทรัมป์ทำอยู่ทุกวันนี้) ว่าความมั่งคั่งอยู่แค่เอื้อม สหรัฐจะมั่งคั่ง ซึ่งขัดแย้งกับความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมาก
https://www.museudeimagens.com.br/hoovervilles-favelas/
ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่ไม่มีความเชื่อเรื่องการค้าเสรี ทรัมป์จึงตั้งกำแพงภาษีสูงเพื่อกีดกันจีน เกาหลีใต้ ไทย และอีกมากมายหลายประเทศ แม้แต่พันธมิตรทางยุโรปของทรัมป์ก็โดน
90 กว่าปีที่แล้ว ประธานาธิบดีฮูเวอร์ก็ตั้งกำแพงภาษีสินค้าขาเข้าสูงปรี๊ดเหมือนกัน แกโม้กับคนอเมริกันว่า ข้าพเจ้าตั้งภาษีขาเข้าสูง เพื่อให้สินค้าจากต่างประเทศแพง เมื่อแพงคนก็ไม่ซื้อ คนอเมริกันก็จะหันมาซื้อสินค้าที่ผลิตโดยคนอเมริกันเท่านั้น อา ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าทำไปก็เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมของประเทศที่รักยิ่งของเรา
แถมโชคไม่ดีที่สมัยนั้น สมาชิกรัฐสภาก็บ้าเห็นดีเห็นงามไปกับฮูเวอร์ แล้วก็บ้าผ่านร่าง พ.ร.บ. Hawley-Smoot Tariff Bill ให้กลายเป็น พ.ร.บ. (Act) โดยสมบูรณ์ ไอ้กฎหมายฉบับนี้นี่ละครับ อนุญาตให้รัฐบาลเก็บภาษีสินค้าขาเข้าสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
แล้วผลเป็นยังไงครับ สินค้ายุโรปเข้าขายในแผ่นดินสหรัฐไม่ได้
เมื่อเศรษฐกิจยุโรปทรุดตัว คนยุโรปจึงไม่มีเงินมาซื้อสินค้าอเมริกัน
แถมหลายประเทศยังโต้ตอบด้วยการตั้งกำแพงภาษีสินค้าขาเข้าของสหรัฐสูงแบบเดียวกัน
อ้าว คราวนี้ สหรัฐก็ส่งสินค้าของตัวเองออกไม่ได้
การค้าระหว่างประเทศตอนนั้นจึงตกต่ำย่ำแย่ มูลค่าการซื้อขายในวงการค้าโลกลดลงมากกว่าครึ่ง
พรุ่งนี้มาดู ค.ง. (ความโง่) ของผู้นำสหรัฐที่ทำให้เศรษฐกิจโลกพังกันต่อครับ.
โฆษณา