16 เม.ย. 2020 เวลา 01:09 • ธุรกิจ
พวกเราคิดว่าตลาดขาลงรอบนี้มันจบแล้ว
<<แชร์ข้อมูลสำคัญที่ทุกท่านจำเป็นต้องเข้าใจ>>
(ตอนที่ 2)
เอาละครับ หลังจากความเดิมบทความที่เเล้วทุกท่านเข้าใจภาพรวมโครงสร้างของตลาดหุ้นไทยตามมุมมองที่เราเล่าให้ฟังแล้ว เรามาดูวิธีการ&หลักฐานทั้งหมดที่พวกคนกลุ่มต่าง ๆ เขาทำการทำกำไรในรอบนี้ โดยขั้นตอนทั้งหมดเราขอแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมความพร้อมในการเก็งกำไรขาลง
แน่นอนว่าหากถ้าพวกเขาจะทำกำไรในขาลงย่อมหนีไม่พ้นการใช้เครื่องมือทางการเงินสำหรับการเล่นขาลงอย่าง Short Sell ในตลาดหุ้น และการ Short Futures โดยเรามาดูหลักฐานการ Short Sell ในช่วงที่ผ่านมากันนะครับ
รูป แสดงการเปรียบเทียบสัดส่วนของการ Short sell และมูลค่ารวมของตลาดหุ้นไทย
การขยายตัวของธุรกรรม Short sell เติบโตขึ้นมากกว่า 100% ในปีก่อน
จากรูปจะเห็นได้ว่ามูลค่าการขายชอร์ตค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในช่วงหลัง และโตขึ้นเป็นอย่างมากใน 2 ปีหลังสุด (2018 , 2019) โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 65% , 134% ตามลำดับ นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนระหว่างมูลค่าการ Short Sell กับมูลค่าของตลาดหุ้นแล้วพบว่าปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 5.9% แตกต่างจากในอดีตที่สัดส่วนเพียงแค่ 1% เท่านั้น โดยข้อมูลในส่วนนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงการเตรียมการในการเล่นขาลงของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ในตลาดที่แทบทุกกลุ่มหันมาเล่นขาลงกันเพิ่มมากขึ้น
รูป แสดงการ Short sell ของนักลงทุนต่างชาติผ่าน NVDR
จากรูปจะสังเกตว่า ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา จำนวนหุ้นที่ถูก Short Sell ผ่านกระดาน NVDR ที่เป็นตัวแทนของการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ (สีฟ้ารูปบน) โดยไปพีคสุดที่เดือนตุลาคม สอดคล้องกับช่วงที่ Open Interest ใน Block Trade สูงสุดเมื่อปีก่อน จากนั้นรูปล่างข้างล่างจะแสดงข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาได้เดินหน้ากระหน่ำ Short Sell ในกระดาน NVDR ของหุ้นใน SET50 เป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดสูงสุดกว่า 42% ในเดือนที่ผ่านมา (ก.พ. 2563)
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นว่า มีคนบางกลุ่มเขาได้เตรียมพร้อมในการเล่นหุ้นขาลงมาเป็นปี ๆ แล้ว โดยพวกเขารอเพียงแค่ “จังหวะ” ที่เหมาะสม โดยในส่วนนี้คงเป็นเรื่องยากและอาจไม่มีตอบได้อย่างแน่ชัดว่ามันจะมาเมื่อไหร่ เพราะเรื่องบางเรื่องก็เกินกว่าที่จะควบคุมได้ และในที่สุดสิ่งที่พวกเขารอคอยก็มาถึง นั่นคือ เหตุการณ์ที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกลงหนัก
ขั้นตอนที่ 2 การรับรู้กำไรจากสภาวะตลาดขาลง
อันที่จริงในเรื่องนี้ เราเองก็ไม่อยากจะใส่ร้ายคนกลุ่มใดกลุ่มนึงว่าพวกเขาจะมี “เจตนา” ซ้ำเติมให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงจากปัจจัยลบที่กระหน่ำเข้ามากระทบกับตลาดหุ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ถ้าเรามาดูหลักฐานก็จะพบว่ามันพอมีส่วนที่เป็นแบบนั้นอยู่บ้าง ดังรูป
รูปแสดง 10 อันดับการขาย Short ของหุ้นไทยในเดือน ก.พ.
เมื่อพิจารณาจาก % Short Sell จะพบว่า หุ้นที่มีปริมาณ Short Sell สูงสุด 10 อันดับแรกนั้นมีตัวใหญ่ที่ส่งผลต่อดัชนี SET50 อย่าง PTTGC , GULF , PTT และตัวอื่น ๆ ที่ลงแรงในช่วงนี้ทั้งสิ้น ซึ่งนี้อาจจะเป็นอีกแรงหนึ่งที่พวกเขาต้องการ “เร่ง” ผลักดันให้ Domino ชิ้นแรกล้มลง โดยสุดท้าย พวกเขาก็ทำสำเร็จและทำให้ผลกระทบที่พวกเขาคาดหวังไว้เป็นจริง! โดยโครงสร้างทุกอย่างใน Block Trade เริ่มพังทลาย … และกลายเป็นข้อมูลสำคัญที่ทุกท่านต้องทำความเข้าใจ ดังนี้
พวกท่านยังจำกันได้ใช่ไหมว่า OI เคยทำจุดสูงสุดที่ 3.7 ล้านสัญญาเมื่อปลายปีก่อน ถ้าอย่างนั้นพวกท่านคิดว่าปัจจุบันจะมีสถานะคงค้างเหลือในระบบเท่าไหร่ ? เราลองเอาภาพเดิมมา rerun อีกครั้ง
1
รูป แสดงสถานะคงค้างของ Futures Product ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
จากรูปจะเห็นว่าสถานะคงค้างของ Block Trade หายไปเกือบ 2 ล้านสัญญา ซึ่งก็คือกว่าครึ่งนึง ! แสดงให้เห็นถึงการล้มหายตายไปของคนที่ทำการ Block Trade ฝั่งขา Long ที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สายป่านไม่พอและไม่เหลือเงินที่จะเติม จึงทำให้เข้าสู่กระบวนการ Force Close บังคับปิดสถานะออกไป และเมื่อพวกเขาถูกบังคับขาย โบรกเกอร์จะต้องนำหุ้นที่ซื้อแทนที่ไว้ไปขายในตลาด โดยการโยนออกแบบ MP แทบทุกรายการ (โบรกเกอร์ไม่สนใจว่านักลงทุนจะติดลบแค่ไหน เขามีหน้าที่ทำตามกฎ และให้นักลงทุนรับผิดชอบหนี้ก้อนนั้น) สร้างความพินาศให้กับตลาดหุ้นแบบปฏิกิริยาลูกโซ่ โดยพวกท่านสามารถพิจารณาของ OI ของหุ้นแต่ละตัวได้จากรูป ดังนี้
1
รูปแสดงสถานะคงค้าง (Open Interest) ของหุ้นรายตัวในช่วงเดือน ก.พ. - ปัจจุบัน
จากรูปจะเห็นว่าหุ้นทุกตัวมีค่า OI ที่ปรับตัวลดลง สอดคล้องกับภาพรวมของธุรกรรม Block Trade ที่มีสถานะคงค้างลดลง ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่อื่น เพราะไม่เพียงแต่ปัจจัยลบที่กดดันตลาด ยังมีผลกระทบจากเรื่องเหล่านี้ที่มีกลุ่มคนบางกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์จากธุรกรรมเหล่านี้ ทิ้งเหลือไว้เพียงแค่ซากความเสียหายให้นักลงทุนฟื้นฟูมันกลับขึ้นไป อันที่จริงพวกเราเองก็พอทราบอยู่แล้วละครับ ว่าสักวันมันจะต้องเป็นแบบนี้ เราจึงพยายามนำเสนอการใช้ TFEX ที่ถูกต้องไป
2
ฟังดูเหมือนจบแล้วใช่ไหมครับ ? แต่ทุกอย่างยังไม่จบ
เราบอกกับทุกท่านไปแล้ว ว่าขั้นตอนทั้งหมดมันมี 3 ขั้นตอน เมื่อเตรียมการแล้ว , ได้กำไรเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนที่ 3 สุดท้ายคือนำเงินกลับเข้ากระเป๋า ทุกท่านจินตนาการว่าพวกที่ Short Sale ไปแล้วเขาอยากได้กำไรสุทธิ เขาอย่างไร ? แล้วคิดการ Short Sale เป็นกระบุงที่ผ่านมาตลอดเวลา จะสามารถ Cover ภายในวันเดียวหมดหรือไม่ ! โดยตามปกติแล้ว เขาจะต้องอาศัยช่วงเวลาที่นักลงทุนขวัญหนีดีฟ่อ ยังกล้า ๆ กลัว ๆ กับสภาวะแบบนี้ค่อย ๆ ซื้อกลับคืนไป แต่หากถ้าทุกคนมีสติ ไม่ขายทิ้งก็เป็นเรื่องที่ยากที่พวกเขาจะซื้อคืน และยังไงเงื่อนไขที่พวกเขาจะต้องซื้อคืนก็ต้องทำและนี่คือเหตุผลที่เราคิดว่าตลาดรอบนี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนี้เคยเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวใช่หรือไม่ ?
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตลาดปรับลดลงจาก Block Trade โดยพวกท่านสามารถย้อนกลับไปดูข้อมูลย้อนหลัง 2 ปีก่อนได้ ดังนี้
3
รูป แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยกับสถานะคงค้าง (Open Interest)
1
จากกราฟเป็นความสัมพันธ์ระหว่างค่าราคาหุ้นกับสถานะคงค้าง โดยจะพบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทุกรอบที่ตลาดหุ้นฟอร์มตัวขึ้นมา สถานะคงค้าง (OI) จะปรับตัวขึ้นตามมาด้วยเสมอ จึงอนุมานได้ว่าการขึ้นของหุ้นแต่ละรอบนั้นมีแรงซื้อจาก Block Trade เป็นตัวหนุนนำขึ้น และเมื่อ OI สะสม Block Trade มาถึงระดับนึงประมาณ 3.5-4 ล้านสัญญา ก็จะมีแรงขายออกถล่มเพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้ถูก Force sell และสร้างความเสียหายให้กับตลาด จากนั้นพอเรื่องเงียบลงไป ก็จะมีคนกลุ่มเข้า (หรือกลุ่มเดิม) หาเงินเข้าเพื่อซื้อ Block Trade และถล่มลงอีกครั้ง โดยเฉลี่ยต่อรอบจะอยู่ประมาณ 30% ที่ถูก Force sell แต่รอบนี้หนักกว่ารอบอื่น เพราะหายไปถึง 50% และหากถ้าเราย้อนหลังไปในช่วงปี 57-59 ก็จะเกิดเหตุการณ์ที่เหมือนกัน
แล้วพวกท่านคิดว่าในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้อีกหรือไม่ ?
เราขอยืนยันว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะนี้คือเกมการเงินที่ทุกคนต่างทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน และตราบใดที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เครื่องมือเหล่านี้ (Block Trade) ย่อมถูกใช้งาน และถึงจุดจุดหนึ่งที่เรื่องราวเหล่านี้เลือนหายไป หรือคนหน้าใหม่เข้ามา ก็จะมีกลุ่มคนที่ใช้ความเปราะบางของเรื่องเหล่านี้มาฉวยโอกาสในการทำกำไร โดยฉากสุดท้ายก็จบแบบเดิมๆแบบที่เรามาเล่าให้ฟัง ดังนั้นแล้ว ปัจจุบันนักลงทุนบางกลุ่มเขาไม่ได้คาดหวังให้ตลาดหุ้นต้องกลับไปเล่นที่ระดับ 200-300 จุดเพื่อซื้อกลับขึ้นมารอเวลารวยเหมือนอย่างในอดีต เพราะเขาอาศัยองค์ความรู้สมัยใหม่มาทำกำไรแทนที่ และนี่คือเหตุผลที่พวกเราทุกคนจำเป็นต้องฉลาดขึ้น ต้องเข้าใจทุกอย่างให้มากขึ้น เพราะเราไม่สามารถคาดหวังให้ใครมาเป็น Hero ช่วยเหลือพวกเราได้ โดยมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมานั้นก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุไม่ว่าจะเป็นการห้าม Short Sale ในช่วงนี้ ทั้งที่พวกเขา Short กันมาเป็นปี ๆ แล้ว หรือการเพิ่ม Margin ในช่วงนี้ ที่เป็นเพียงการเร่งให้นักลงทุนถูกบีบให้โดน Force Close ง่ายขึ้น
1
สุดท้ายนี้ พวกเราเองก็ไม่รู้ว่ามุมมองของเราจะถูกต้องหรือไม่ แต่อย่างน้อยเราก็ตั้งใจที่จะออกมาเผยแพร่ความรู้ให้กับนักลงทุน โดยหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับใครสักคน และหากใครที่คิดว่าสิ่งที่เราแชร์นั้นเป็นประโยชน์พวกท่านสามารถให้กำลังใจและโหวต+แชร์กระทู้ของพวกเราได้ โดยพวกเรามีเป้าหมายในการแชร์ความรู้ในเรื่องที่ตั้งใจศึกษาข้อมูล (TFEX) ให้มากที่สุด และรวบรวมนักลงทุนสร้าง TFEX Society ที่แบ่งปันข้อมูลกัน ช่วยเหลือกันและพากันต่อรองผลประโยชน์ต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด หากใครที่มีแนวคิดคล้ายกันสามารถมาจอยกันได้ที่ Line Square และก่อนจากกันไป อย่างที่พวกเราเคยสัญญากันไว้ว่าในปีนี้ เราจะพาทุกท่านเข้าสู่เรื่องของ AI และหุ่นยนต์เทรด เราจึงมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับทุกท่านด้วย โปรแกรม One Click Future ที่จะช่วยให้พวกท่านส่งคำสั่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
1
📌📌📌Commission...1X 📌📌📌
ง่ายๆ เพียงแค่..คลิก👇🏻 Link แล้วกรอกข้อมูล📄
🆓 ฟรี ไม่มีขั้นต่ำ ❌
📚 พร้อมความรู้และบทความสำหรับสมาชิก
💡 เพิ่มโอกาสที่เหนือกว่า... มาร่วมกลุ่มกับเราสิครับ
💬 สามารถพูดคุย สอบถาม หรือร่วมแชร์ข้อมูลกับเราได้
💚ในห้อง Line Open Chat “TFEX For Future”
👇🏻 คลิก link เข้ากลุ่มได้
โฆษณา