Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นิตินอกคอก
•
ติดตาม
16 เม.ย. 2020 เวลา 03:26 • ประวัติศาสตร์
🕵🏻♂️เรื่องเล่าคดีดัง
คดีฆ่ากรรมในฟาร์มที่ห่างไกล ในเยอรมัน🇩🇪
ฟาร์มฮินเตอร์เคเฟก
หนึ่งในคดีฆาตกรรมสุดลึกลับที่จะกล่าวถึงบทความนี้เกิดขึ้นในแคว้นบาวาเรีย ของประเทศเยอรมัน ซึ่งเต็มไปด้วยทิวทัศน์ภูเขา และธรรมชาติที่แสนงดงามมาช้านาน หากแต่เมื่อปี 1922 เมื่อพื้นที่ห่างไกลที่เงียบสงบ ที่ชาวบ้านแถมนั้นรู้จักในชื่อฮินเตอร์เคเฟก ได้กลายเป็นเวทีสังหารหมู่สามชิกครอบครัว 6 ชีวิตที่ สุดโหดเหี้ยม และลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเยอรมัน
ครอบครัวกรูเบอร์
ฮินเตอร์เคเฟก (HinterKaifeck) เป็นฟาร์มเล็กๆ ซึ่งเป็นชื่อที่คนท้องถิ่นใช้ ที่ตั้งอยู่ในป่า ระหว่าง
เมืองบาวาเรีย อินกอลสตาดท์ และ ชโรเบนเฮาเซน (ประมาณ 70 กิโลเมตรทางเหนือของ มิวนิค ) หรือ ตั้งอยู่หลังป่าห่างจากตัวเมืองเคเฟก ประเทศเยอรมนี ราว 1 กิโลเมตร
ฟาร์มแห่งนี้เป็นของครอบครัวกรูเบอร์ประกอบไปด้วยอันเดรส กรูเบอร์ วัย 63 ปี คาซิลเลีย ภรรยาวัย 72 ปี วิกตอเรีย เกเบรียล ลูกสาววัย 35 ปี และลูกของวิกตอเรีย 2 คนคือ คาซิลเลีย วัย 7 ขวบ และโยเซฟ วัย 2 ขวบ
เรื่องราวแปลกประหลาดในฟาร์มของกรูเบอร์ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อ 1922 เมื่อแม่บ้านที่ทำงานให้กับ
ครอบครัวกรูเบอร์ จู่ ๆ ก็เก็บข้าวเก็บของลาออกจากงานอย่างกะทันหัน เมื่อถามสาเหตุแม่บ้านก็อ้างว่าเธอได้ยินเสียงประหลาด และเสียงอื่นๆ บริเวณรอบบ้าน บางครั้งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอยู่ในห้องใต้หลังคาทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน
แม่บ้านเชื่อว่าบ้านของกรูเบอร์นั้นมีผีสิง ด้วยความกลัวผมของเธอกลายเป็นสีขาวซีดเผือก และร่างกายผอมแห้ง เธอก็ไม่สามารถทนอยู่กับสถานที่แห่งนี้ต่อไป จึงกล่าวคำอำลาและออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที ส่วนอันเดรสคิดว่าแม่บ้านเป็นโรคประสาท หลอนเรื่องราวไปเองมากกว่า
อย่างไรก็ตาม หกเดือนต่อมา ก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ช่วงกลางเดือนมีนาคม 1922 อันเดรสได้เดินสำรวจความเสียหายไร่นาหลังจากเกิดพายุหิมะ และได้พบรอยเท้าแปลกบนหิมะที่ชายป่า โดยรอยเท้าเห็นได้ชัดว่ากำลังเดินตรงไปยังบ้านของเขา อันเดรสเห็นว่าเป็นผู้บุกรุก จึงรีบกลับไปที่บ้าน หากแต่เมื่อค้นหาอย่างละเอียดทั่วบริเวณก็ไม่พบผู้บุกรุกซ่อนตัวอยู่เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน ในโรงนา และโรงเก็บเครื่องมือ ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติใดๆ
ในคืนวันเดียวกันนั้นเอง อันเดรสถูกปลุกให้ตื่นเมื่อได้ยินแปลกที่ไม่สามารถอธิบายไม่ได้ดังมาจากห้องใต้หลังคา ซึ่งเป็นเสียงเดียวที่แม่บ้านได้อ้างได้ยินและเชื่อว่าเป็นผี เขารีบไปตรวจสอบก็พบว่าไม่มีใครหลบซ่อนที่นั้นเลย เมื่อสำรวจทั่วบ้านก็ไม่พบรอยเท้าออกจากบ้าน หรือรอยเท้าบุกรุกเข้ามา อันเดรสก็กลับเข้าไปนอนอีกครั้ง
เมื่อถึงเช้าวันถัดไป เขาก็พบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวางอยู่ที่ระเบียงบ้านทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นและเมื่อสอบถามครอบครัวก็ไม่มีใครยอมรับเป็นเจ้าของ
หลังจากนั้นไม่นาน วันที่ 30 มีนาคม 1922 ชุดกุญแจบ้านได้หายไปจากที่เก็บของมันอย่างลึกลับแม้ค้นหาทุกซอกทุกมุมก็ไม่มี อันเดรสยังพบว่ารูกุญแจของประตูโรงเก็บเครื่องมือมีรอยขีดข่วนคล้ายกับมีคนใครบางคนพยายามงัดแงะ
วันที่ 31 พฤษภาคม ท่ามกลางความไม่ชอบมาพากล แม่บ้านใหม่ก็ได้เข้ามาทำงาน เธอชื่อ มาเรีย บอมการ์ตเนอร์ (Maria Baumgartner) เธอมารับงานแทนแม่บ้านคนก่อนที่ลาออกไป มันเป็นวันแรกของเธอ และมันก็จะเป็นวันสุดท้ายของเธอด้วยเช่นกัน
สภาพศพที่ถูกฆ่าในโรงนา
วันที่ 4 เมษายน คนในเมืองเริ่มเกิดความกังวล เมื่อไม่มีใครเห็นคนในครอบครัวกรูเบอร์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบคบหาสมาคมกับใคร แต่พวกเขาก็ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ แต่ครั้งนี้พวกเขาโผล่หน้ามา อีกทั้งวิกตอเรียมีหน้าที่เป็นนักร้องต้นเสียงเพลงสวดก็หายไปเฉยๆ และคาซิลเลีย ลูกสาวเธอก็ขาดเรียนโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วง 2 วันก่อน
และนั่นเอง ทำชาวเมืองตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังไร่ฮินเตอร์เคเฟก เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวกรูเบอร์ เมื่อมาถึงฟาร์ม พวกเขาก็บรรยากาศในฟาร์มเวลานั้นราวกับป่าช้าไม่มีผิด พวกเขาพยายามร้องเรียกสมาชิกครอบครัว
กรูเบอร์ แต่ไม่มีใครตอบกลับมาเลย และเมื่อตรวจสอบบริเวณอย่างคร่าวๆ ก็ไม่มีวี่แววของสมาชิกครอบครัวกรูเบอร์แม้แต่น้อย
พวกเขาตัดสินใจที่จะตรวจสอบภายในโรงนา และเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับภาพสยดสยอง ร่างของ อันเดรส, คาซิลเลีย ภรรยาของอันเดรส, วิกตอเรียลูกสาวของอันเดรส และคาซิลเลียหลานสาว ถูกนำมากองซ้อนทับกันโดยมีฟางแห้งคลุมร่างอยู่ภายในโรงนา
ด้วยความตกใจ ชาวบ้านก็ค้นหาสมาชิกที่เหลือก็พบว่าพวกเขาอยู่ในบ้าน ร่างหนูน้อยโยเซฟหลานสาวคนสุดท้องถูกฆ่าตายนอนเสียชีวิตอยู่ในเปล และร่างของมาเรียสาวใช้คนใหม่ถูกฆ่าตายในเตียงห้องนอนของเธอ ทั้งสองมีเลือดท่วมที่ตอนนี้แห้งกรัง สมาชิกครอบครัวกรูเบอร์ทั้ง 5 และรวมถึงแม่บ้านที่ ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมและเลือดเย็น
ชาวเมืองเรียกตำรวจทันที และภายในไม่กี่ชั่วโมงผู้เชี่ยวชาญจากมิวนิคและตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ จากการชันสูตรเบื้องต้นพบว่าเหยื่อทั้งหมดถูกฆ่าด้วยการตีที่ศีรษะด้วยพลั่วเพียงครั้งเดียว แม้ศพของวิคตอเรียจะมีร่องรอยการถูกบีบรัด แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิต ทำให้สันนิษฐานว่าฆาตกรสังหารหมู่น่าจะมีความคุ้นเคยกับการใช้งานพลั่ว เนื่องจากทุกบาดแผลมีความแม่นยำ และมั่นใจว่าจะสามารถทำให้เหยื่อตายในครั้งเดียว
ตามร่างกายไม่พบบาดแผลใด ๆ ทุกคนเสียชีวิตทันที ยกเว้นคาซิลเลีย (หลาน) พบร่องรอยว่าเธอยังคงมีชีวิตอีกหลายชั่วโมงหลังจากถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งปอยผมของเธอยังถูกกระชากผมจนหลุดจากศีรษะหลายกระจุกโดยไม่ทราบสาเหตุ
เหยื่อทุกคนถูกฆ่าในขณะสวมใส่ชุดนอน ยกเว้นวิกตอเรียกับคาซิลเลีย (หลาน) ที่สวมชุดธรรมดา รวมไปถึงความจริงที่ว่าโยเซฟและมาเรียถูกสังหารขณะหลับ เห็นได้ชัดว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นในตอนยามวิกาลของตอนเย็น
ใกล้เวลานอนของสมาชิกครอบครัว โดยคนร้ายฆ่าวิกตอเรียและคาซิลเลีย (หลาน) ที่ยังสวมชุดธรรมดาก่อน จากนั้นก็ลวงอันเดรส ภรรยา วิคตอเรียลูกสาวมาสังหารทีละคน ในยุ่งฉางด้วยพลั่ว จากนั้นคนร้ายเข้ามาในบ้านและลงมือสังหารโยเซฟและมาเรียบนเตียง
ที่น่าประหลาด คือ ทำไมคนร้ายจึงนำร่างคนร้ายถึงต้องคลุมศพ ไม่ว่าจะเป็นการนำศพ มาวางทับซ้อนกันแล้วคลุมด้วยฟาง ร่างโยเซฟถูกคลุมด้วยกระโปรงของวิกตอเรีย และร่างของมาเรียถูกคลุมด้วยผู้ปูเตียง
เชื่อว่าการสังหารล้างครัวที่โหดร้ายนี้น่าจะเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์วันที่ 31 พฤษภาคม 1922 เมื่อสอบถามเพื่อนบ้านก็พบเรื่องที่แปลกประหลาด เมื่อพยานยืนยันว่าพวกเขาเห็นควันไฟลอยขึ้นมาจากปล่องบนหลังคาบ้านอันเดรสในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งนั่นหมายความว่ามีคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้หลังจากเกิดเหตุฆาตกรรม
นอกจากนี้ตำรวจยังพบหลักฐานมากมายที่แสดงถึงร่องรอยของคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็น บนโต๊ะอาหารยังมีอาหารที่เพิ่งกินเสร็จใหม่ ๆ บนเตียงนอนของอันเดรสมีร่องรอยว่ามีคนนอน อีกทั้งฝูงวัวและสัตว์อื่น ๆ ในฟาร์มได้รับการดูแลให้อาหาร เช่นเดียวกับสุนัขที่ถูกล่ามไว้ในโรงนา แม้ว่ามันแสดงอาการหวาดกลัวแต่ก็มีสุขภาพแข็งแรง ไม่แสดงอาการว่าอดอยากทั้ง ๆ ที่เจ้าของเสียชีวิตไปหลายวันแล้ว
ตำรวจ งง กับความจริงข้อนี้ แน่นอนคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุฆาตกรรม ก็คงจะเป็นฆาตกรที่พึ่งสังหารล้างครอบครัวอันเดรสมาหมาดๆ แต่แทนที่ฆาตกรจะหนีจากที่เกิดเหตุ มันยังคงใจเย็น อาศัยอยู่ในบ้านหลายวันอย่างสบาย อีกทั้งยังให้อาหารสัตว์เลี้ยงด้วย แน่นอนไม่มีใครสารมารถอธิบายพฤติกรรมเหล่านี้ได้ นอกจากตัวฆาตกรเอง
ยิ่งสืบก็ยิ่งลึกลับ เมื่อตำรวจไม่พบแรงจูงใจการสังหารโหดเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกพวกเขาสันนิษฐานว่าเป็นการฆาตกรรมเพื่อหวังชิงทรัพย์ธรรมดา เพราะครอบครัวอันเดรสรวยมากจึงไม่แปลกที่จะมีใครสักคนกล้าที่จะบุกรุกและฆ่าพวกเขาเพื่อหวังสมบัติมีค่า
ศพทั้งหมดจากเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็พบว่าเงินสดก้อนใหญ่และเครื่องประดับมีค่าภายในบ้านไม่ได้ถูกแตะต้อง หรือหายไปอย่างไร แม้จะมีการสอบสวนภายหลังพบว่าวิกตอเรียเพิ่งถอนเงินก้อนใหญ่ปิดบัญชีธนาคารก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่สัปดาห์ แม้เธอจะบอกว่าจะเอาไปบริจาค แต่เงินก็น่าจะเหลืออยู่จำนวนมาก ไม่มีใครรู้ว่าเงินจำนวนนั้นเอาไปทำอะไร และมันเชื่อมโยงกับการสังหารหมู่ครั้งนี้หรือไม่
ปริศนาในคดีนี้มีอยู่มากมาย และหากรวมเรื่องรอยเท้าและเสียงในห้องหลังคาว่าเป็นเรื่องจริงด้วย และถ้าฆาตกรเป็นมนุษย์มีเลือดมีเนื้อ แสดงว่าฆาตกรได้หลบซ่อนในบ้านของอันเดรสมานานหลายเดือน ก่อนเกิดคดีฆาตกรรม เหตุใดฆาตกรถึงทำเช่นนี้ และหลังการสังหารหมู่ ฆาตกรยังคงอยู่ในบ้านเกือบหนึ่งสัปดาห์และยังมีการให้อาหารวัวและสุนัขด้วย เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น
คดีนี้ถูกลืมเลือนไปยาวนาน จนถึงปี 1922 และปี 1996 ตำรวจมิวนิวพยายามรื้อฟื้นคดีนี้อีกครั้ง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า
ต่อมาในปี 2007 กรมตำรวจคาดหวังว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่น่าจะช่วยคลี่คลายคดีได้ แต่หลักฐานหลายอย่างสูญหายไปกับกาลเวลา ไม่เหลือพยานให้สอบปากคำ รวมไปถึงผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตหมดแล้ว ทำให้คดีนี้จึงถูกเก็บเข้าแฟ้มอีกครั้ง เหลือเพียงแต่นักสืบสมัครเล่นที่พยายามหาข้อสันนิษฐานอธิบายการคดีฆาตกรรมครอบครัวกรูเบอร์เท่านั้น
มีผู้ตั้งทฤษฎีว่า ฆาตกรอาจเป็นอดีตสามีของวิกตอเรีย คาร์ล เกเบรียล (Karl Gabriel) แม้ว่าเขาจะ เสียชีวิตในสนามรบที่ฝรั่งเศสเมื่อปี 1914 แต่ไม่พบศพ ทำให้สันนิษฐานความไปได้ว่าเขาอาจจะกลับมาหาภรรยาของเขา แล้วได้ยินข่าววิกตอเรียมีความสัมพันธ์กับบิดาของเธอจึงเกิดความแค้นตามมาสังหารทิ้งทั้งครอบครัวก็เป็นไปได้
ส่วนคนอื่นๆ ก็ชี้ว่าฆาตกรอาจเป็นผี จากคำอ้างของแม่บ้านที่ได้ยินเสียงแปลกที่บ้านกรูเบอร์ หนังสือพิมพ์ลึกลับ และรอยเท้าลึกลับบนหิมะ ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างที่เหนือธรรมชาติพยาบาลที่มีแรงพยาบาลครอบครัวกรูเบอร์อยู่
ทุกวันนี้ แม้ว่าฟาร์มและบ้านกรูเบอร์ถูกรื้อทิ้งไปแล้วเมื่อปี 1923 เพราะชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัวการคงอยู่ของสถานที่น่ากลัวแห่งนี้ เหลือเพียงแต่พื้นที่ที่ว่างเปล่าเท่านั้น แต่คดีสังหารหมู่ยกครัวกรูเบอร์ที่ฮินเตอร์เคเฟกได้กลายเป็นตำนานที่อยู่ในใจของเยอรมันไปแล้ว
ที่มาข้อมูล
https://board.postjung.com
2 บันทึก
4
1
2
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย