#SG🎱 Steven Gerrard
.
ตำนานตลอดกาลแห่ง แอนฟิลด์
.
บทที่ 1 "การเผชิญหน้า" ตอนที่ 4 ( สุดทาง "รั้ง" )
.
ศึกชิงแชมป์เเห่งชาติยุโรป 2012 ทัวร์นาเมนต์กับทีมชาติอังกฤษ ผมติดทีมยอดเยี่ยมยูโร 2012 บาเยิร์นมิวนิค ติดต่อกับเอเยนต์ของผม พวกเขาต้องการรู้ว่าผมสนใจจะย้ายไปร่วมงานกับเขาหรือไม่ มันเป็นช่วงฤดูร้อนก่อนฤดูกาลถัดไปที่บาเยิร์นได้คว้าสามเเชมป์
.
บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมทีมของ จุปป์ ไฮน์เกส โดยเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบชิงชนะเลิศเเชมป์เปี้ยนลีก ที่เวมบลี่ย์ เมื่อปี 2013 ไม่เเน่ว่าผมอาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม เเต่ผมได้ตัดสินใจไปเมื่อ 8 ปีที่เเล้วว่าผมจะอยู่ที่ลิเวอร์พูล
.
ตอนที่ผมปฎิเสธการย้ายไปร่วมทัพเชลซี ผมรู้ว่าผมไม่สามารถย้ายออกจากลิเวอร์พูลได้ ผมจะเป็นนักเตะที่เล่นให้สโมสรเดียวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้เเละนานที่สุดเท่าที่ผมจะเล่นฟุตบอลในยุโรป
.
ผมเข้าใจว่าจะมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกเยินยอ เเละการถูกไล่ล่าตัวมาร่วมทีมกับ มูรินโญ ที่ผมชื่นชมมากๆ ในฐานะผู้จัดการทีม เขาได้คุยกับผมถึงการพยายามเซ็นมาร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลที่พวกเขาคว้าแชมป์ เเชมป์เปี้ยนลีก บาร์เซโลน่าก็มาด้อมๆมองๆ อยู่รอบๆตัวผม เเต่ผมไม่มั่นใจว่าเขาจะให้ความสำคัญในตัวผมเป็นพิเศษ
.
- ผมคิดว่าพวกเขารู้นะ พวกเขารู้ว่าผมผูกพันเเละภักดีกับ สโมสรลิเวอร์พูล มากเเค่ไหน -
.
แน่นอนพวกคุณเป็นนักเตะอเมริกาใต้ รัศมีของทีมบาร์เซโลน่าเเละรีลมาดริด เป็นสิ่งที่เเทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทาน เเต่ทว่า "อาร์เซน่อล"
.
- มันคงทำให้หัวใจผมเเตกสลาย หาก หลุยส์ ซัวเรช ย้ายจากลิเวอร์พูลไปร่วมทีมอาร์เซน่อล -
.
ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งในตอนเเรก เพราะแบรนเดอร์เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด เขากับหลุยส์ยังคุยกันอยู่ เเต่หลังจากที่ผมเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้กับ เฟร์นันโด ที่ต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการเก็บเขาไว้ที่ลิเวอร์พูล
.
ผมไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องอีก ผมมีเกมฟุตบอลที่ต้องกังวล ทั้งตำแหน่งของผมในฐานะกัปตันทีม และความรับผิดชอบของผมต่อนักเตะสามสิบกว่าคนในทีมชุดใหญ่ของสโมสร
.
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ยาวนานของผมกับลิเวอร์พูล มันมีความหมายว่าผมอาจจะแตกต่างกับกัปตันทีมคนอื่นๆ ในการเล่นเกมใน บาร์เคลย์-พรีเมียร์ลีก นักเตะลิเวอร์พูลสามารถเข้าถึงผมได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาหาผมพร้อมกับข้อกังวลเเละข้อสงสัยต่างๆ เเละผมพยายามที่จะช่วยพวกเขาทุกๆคน
.
ผมรู้สึกถึงความหนักอึ้งในตำแหน่งของผม มันคงจะผิดที่จะเรียกว่าภาระ นั่นเป็นว่าทุกครั้งที่ผมนั้นรู้สึกว่าเป็นเกียรติ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเดินเข้ามาในเมลวู้ด ผมจะเห็นถอยคำของ บิลล์ เเชงคลีย์ ผู้จัดการที่ยิ่งใหญ่ของเรา
.
มันถูกเขียนสลักไว้บนกำเเพง มันสรุปถึงสปิริตของ บิลล์ แชงคลีย์ เเละทุกคนที่ได้ติดตามเขา เราได้ถูกย้ำเตือนในทุกๆวันถึงสิ่งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวไว้ว่า...
.
-" เหนือสิ่งอื่นใด ผมต้องการเป็นที่จดจำ ในฐานะชายที่ไม่มีความเห็นเเก่ตน เป็นผู้ที่บากบั่นเเละกังวล เพื่อให้คนอื่นๆสามารถเเบ่งปันความรุ่งโรจน์ เเละเป็นผู้ที่สร้างครอบครัวของเหล่าผู้คนที่สามารถเชิดหน้า เเละกล่าวว่า เราคืิอ ลิเวอร์พูล" -
.
บิลล์ เเชงคลีย์ พลิกโฉมลิเวอร์พูล จากสโมสรในดิวิชั่นสอง สู่ยักษ์ใหญ่เเห่งยุโรป เขาได้ปลูกฝังค่านิยมให้เราหวงเเหนสโมสรแห่งนี้
.
ผมเป็นเพียงเเค่นักเตะคนหนึ่ง เเต่ผมเข้าใจว่าในถ้อยคำนั้นมันหมายถึงอะไร มันคือความเชื่อ บุคลิก ลักษณะที่ผมพยายามอย่างหนักที่จะทำให้ได้เสมอเหมือน ในที่เล็กๆของผม ที่อยู่ในหัวใจหลักของสโมสรเเห่งนี้
.
ดังนั้นมันจึงเป็นความรับผิดชอบอันหนักอึ้งที่ผมรับไว้ตลอดเวลาสิบกว่าปีสุดท้ายที่ลิเวอร์พูล ผมรู้สึกว่าผมต้องช่วยเหลือเหล่าแฟนๆ ที่น่าทึ่งของพวกเรา
.
สิ่งที่สำคัญอย่างใหญ่หลวงนั้น มันหมายความถึง การพยายามรั้งนักเตะสตาร์ของทีมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น ตอร์เรส หรือ ซัวเรชก็ตามเเละผมต้องพยายามช่วยผู้จัดการทีมเช่นกัน
.
ในขณะที่ฟังนักเตะซึ่งไม่ได้เป็นเเค่เพียงเพื่อนร่วมทีม แต่ยังเป็นเพื่อนของผม เขาได้ร้องขอให้ผมช่วยเหลือในการต่อสู้กับสโมสร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยาก มันเครียด เเม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับความท้าทายที่ บิลล์ เเชงคลีย์ ทำได้สำเร็จในยุค 60 ก็ตาม...
.
ผมต้องรับมือกับมหากาพย์การย้ายทีมถึงสองครั้งในช่วงเวลาสี่ปี ผมทำอย่างสุดความสามารถในการรั้ง เฟร์นันโดเเละหลุยส์ เเละไม่ใช่เเค่เพียงมันคือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับลิเวอร์พูล
.
ในมุมมองที่เห็นแก่ตัว ผมรู้ว่างานของผมในฐานะนักเตะ เเละในฐานะกัปตันทีมจะง่ายขึ้นมาก เมื่อมีทั้งสองคนนั้นอยู่ในทีม
.
พวกเขาทั้งสองสำคัญมากคุณคงไม่รู้ได้หากว่าคุณไม่เคยร่วมงานกับเขาทั้งสอง....
.
ติดตามตอนที่ 5 ได้ที่ เพจลิเวอร์พูลแฟนคลับ...
.