17 เม.ย. 2020 เวลา 04:12 • ประวัติศาสตร์
“ออกจากโคราช ผ่านลำตะคองก่อนเข้าเขตปากช่องขับรถเลนส์ขวาตลอด ขณะนั้นประมาณ บ่าย 2 ครึ่งกว่าๆแล้ว แดดยังแรง หางตาแว่บไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินกระเตงลูกเข้าเอวตรงเกาะกลางที่มีต้นไม้ปลูกอยู่เป็นแนว แม้จะผ่านแค่แว่บเดียวแต่สิ่งที่มองเห็นคือ ผู้หญิงตัวเล็กผอมกระเตงเด็กข้างเอว กระเป๋าสะพายที่สะพายอยู่มีเสื้อผ้าเหมือนยัดอยู่แบบลวกๆมองเห็นเสื้อผ้าที่ออกมานอกกระเป๋าที่ไม่ได้ปิดซิบ มือสองข้างถือถุงที่มีของในนั้นอยู่เต็มถุง เธอเอา 2 มือประสานไว้รอบเอวของเด็ก แล้วก็เดินจ้ำๆๆไปข้างหน้าเรื่อยๆ
.
ช่วงที่ขับรถผ่านเมื่อได้เห็นภาพนั้น ในใจก็คิดไปต่างๆนาๆ เธอเป็นชาวบ้านแถวนั้นรึเปล่า? หรือเธอมากับคนที่เดินเก็บขวด เก็บกระป๋องตามไหล่ทางที่เห็นอยู่เป็นระยะ? ถ้าใช่แล้วทำไมต้องสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาแบบนั้น? ระหว่างที่ขับรถไปก็มีคำถามมากมายในหัว ขับรถผ่านยูเทิร์นแรกไปแต่สลัดภาพผู้หญิงคนนั้นกับลูกของเธอไปไม่ได้ จนผ่านไปอีกไกลกระทั่งเห็นยูเทิร์นอีกครั้งไกลๆ ระหว่างนั้นความคิดมันก็ตีกันไปเรื่อย จนกระทั่งตัดสินใจยูเทิร์นเพื่อที่จะกลับไปดูผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งในขณะที่ยูเทิร์นก็บอกกับตัวเองว่า ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น หรือไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้ หรืออะไรก็ตามก็จะไม่เสียใจในสิ่งที่ตัดสินใจจะทำลงไป ดีกว่าปล่อยผ่านไปไม่ทำอะไรเลยแล้วก็ปล่อยให้มันติดค้างในใจต่อไปแบบนี้
.
หลังจากยูเทิร์นก็ขับรถย้อนกลับไปทางเดิมและมองหาฝั่งตรงข้ามภาวนาให้ไม่เจอ เพราะถ้าไม่เจอก็หมายความว่าเค้าคงเป็นคนแถวนั้นจริงๆ จากที่ผ่านมา 2 ยูเทิร์นค่อนข้างไกลพอสมควร ขับไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้เห็น 2 แม่ลูกนั้นอีกครั้ง กลับไปยูเทิร์นมาอีกรอบแล้วขับเลย 2 แม่ลูกมาหน่อยเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อจอดฝั่งเกาะกลางชิดขอบข้าง เมื่อดูว่าปลอดภัยจึงมองกระจกเห็นคนเป็นแม่กำลังดูรถจากข้างหลังเพื่อที่จะเดินผ่านรถเราไปให้ปลอดภัย เราเปิดกระจกไว้เมื่อเค้าเดินผ่านจึงถามว่า จะไปไหน ผู้หญิงคนนั้นทำหน้างงๆเราจึงถามซ้ำว่า จะไปไหน เค้าบอกว่าจะไป บ้านอะไรซักอย่างจำไม่ได้ แต่บอกว่าอยู่สะพานตรงที่จะเข้าหนองสาหร่าย เลยบอกว่าขึ้นมาสิจะไปส่ง ตอนแรกทำท่าปฏิเสธ แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกเราก็จะผ่านทางนั้นอยู่แล้ว แดดเปรี้ยงขนาดนี้สงสารเด็ก ผู้หญิงคนนั้นเลยขึ้นมานั่งบนรถด้วย (ใส่ mask เรียบร้อยทั้งแม่และเด็ก) แต่พอก้าวขึ้นมาเราก็บอกเค้าก่อนว่า พี่ขออนุญาตฉีดสเปรย์แอลกอฮอลล์นะ ไม่ได้หมายความว่าพี่รังเกียจแต่ตอนนี้ทุกคนควรป้องกันไว้กับโรคที่ระบาดอยู่ตอนนี้ พี่ขออนุญาตนะคะ ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าและบอกว่า เข้าใจ
.
ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันก็ถามเค้าว่าทำไมมาเดินแบบนี้ล่ะ อีกอย่างเดินฝั่งเกาะกลางแบบนี้อันตรายนะ เค้าบอกว่าหนูก็พยายามเดินให้ชิดๆด้านในไว้ ถ้าเดินฝั่งโน้น (ฝั่งริมทางด้านซ้ายที่รถจอดได้ตามปกติ) มันร้อน หนูเดินมาตั้งแต่ 10 โมงแล้ว เดินฝั่งนี้ยังมีร่มของต้นไม้ด้วย สงสารลูกอากาศมันร้อน เราถามว่าทำไมไม่ขึ้นรถล่ะ ที่ที่ไปมันไกลนะ เค้าบอกรถไม่ค่อยมี ถึงมีก็ไม่อยากขึ้นเพราะเงินที่มีมันเหลือน้อย เก็บไว้ซื้อนมให้ลูกกิน ถามต่อว่าทำไมมาเดินแบบนี้ล่ะจะไปไหน
.
พอถามถึงตรงนี้เค้าก็เงียบไปนิดนึงแล้วก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า เลิกกับสามี เป็นช่วงที่ตกงานกันทั้งคู่ เครียด ทะเลาะกัน สามีไล่ออกจากบ้าน เอาลูกออกมาด้วย เลยคิดว่าจะเดินไปตรงที่ที่บอก แถวนั้นมีสวนเยอะอาจจะไปลองๆถามเค้ามีงานอะไรให้ทำบ้าง เพื่อนเคยบอกว่าอยู่แถวนั้นหวังว่าถ้าไปจะได้เจอเพื่อน ขอตั้งหลักซักพักยังไม่รู้ว่าจะเอายังงัยดี มันมืดไปหมด ถามไปว่า ตัวเล็กนี่อายุเท่าไหร่ (ขึ้นรถมาเจอแอร์เย็นๆหลับตั้งแต่ขึ้นมาเลย) เค้าตอบว่า 2 ขวบ ได้แต่บอกไปว่า เอาเถอะ ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด คิดถึงตัวเราคิดถึงลูกไว้ให้เยอะๆ พูดถึงตรงนี้เค้าก็น้ำตาไหลแต่มองจากกระจกส่องหลังเห็นว่าพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้ได้ยิน ถามว่าแล้วเงิน 5,000 ที่เค้าแจกเราได้ลงทะเบียนรับกับเค้ามั้ย ผู้หญิงคนนั้นบอกหนูทำไม่เป็น โทรศัพท์มีเครื่องเดียวแฟนก็ใช้ อีกอย่างตัวเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วย เลยไม่ได้อะไรตรงนี้กับเค้า ถามว่าถ้าไม่เจอเพื่อนจะทำยังงัย เค้าบอกว่าคงไปขอนอนที่วัดก่อน หนูไม่ยากหรอกชีวิตหนูลำบากมาเยอะแล้ว
.
ขับมาซักระยะมองเห็นสะพานทางเข้าหนองสาหร่ายอยู่ข้างหน้า เค้าบอกว่าให้หนูลงตรงสะพานข้างหน้าก็ได้ค่ะเดี๋ยวหนูเดินต่อเข้าไปเอง เลยบอกว่าไม่เป็นไรหรอกเข้าไปอีกไกลมั้ยเดี๋ยวพี่ไปส่ง สงสารเด็กกำลังหลับสบายเลย เค้าบอกว่าจะไป (ชื่ออะไรซักอย่างจำไม่ได้) มันอยู่เลยตลาดไปหน่อยนึง เลยบอกโอเคพี่พาไปเอง อย่างน้อยก็เดินใกล้ขึ้นมาหน่อย
.
ถึงจุดที่จะลง ก็จอดเค้าปลุกลูกแล้วก็เตรียมข้าวของ พอจะลงรถเค้ายกมือไหว้ขอบคุณ และอวยพรว่า ขอให้คุณเดินทางปลอดภัยนะ ขอให้คุณเจริญๆยิ่งๆขึ้นไป ขออย่าให้อันตรายใดๆมาทำร้ายคุณได้นะ เราได้แต่ยิ้มและบอกขอบคุณ เค้ากำลังจะลงรถ เรายื่น mask สำหรับแม่และเด็กแบบผ้า ที่พนักงานในร้านทำมาให้เรากับออโต้ใช้ ได้มา 2 ชุด เลยแบ่งให้ชุดนึง เพราะดูแล้วที่เค้าใส่อยู่คงผ่านการใช้งานมาหลายวัน บอกว่าอันนี้ใช้แล้วเราซักมาใช้ใหม่ได้ เอาไว้ใช้นะ พร้อมกับเงินอีกจำนวนนึง ยื่นไปพร้อมกัน เค้ารับ mask ไปพร้อมกับกล่าวขอบคุณอีกหลายรอบ พอพลิกดูอีกด้านเห็นเงินที่แนบไป เค้ารีบเอาเงินยื่นกลับมาคืนแล้วบอกว่า แค่นี้ก็ช่วยเค้ามากมายแล้ว เค้ารับไม่ได้จริงๆ เลยยื่นกลับไปอีกรอบแล้วบอกว่าเอาไปเถอะ ถึงเราทนได้ แต่ลูกเค้าทนแบบเราไม่ได้นะ ถือว่าอย่างน้อยก็ทำให้เรามีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นๆที่จะต้องทำต่อไป
.
ยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกับบอกว่าหนูไม่รู้จะตอบแทนคุณยังงัย อยู่ๆคุณก็มาช่วยหนูกับลูกแบบนี้ พูดไปน้ำตาก็ไหลไปด้วย ยกมือไหว้และอวยพรซ้ำๆ ก่อนจากกันเราได้แต่บอกว่า เข้มแข็งและอดทนนะ ผ่านมันไปให้ได้ เรามีลูกที่ต้องดูแลโฟกัสที่ลูกนะ พี่ขอให้เราและลูกผ่านมันไปได้ด้วยสติและความเข้มแข็งนะ
.
เค้าเดินกระเตงลูกขึ้นเอวเพื่อที่จะข้ามถนนไปซอยข้างหน้า ส่วนเรายูเทิร์นรถกลับ ด้วยความรู้สึก จุกๆ อึนๆ เศร้าๆ
.
ขับรถไปน้ำตาไหลไป ไม่รู้จะโกรธอะไร โกรธระบบเฮงซวยของบ้านเราได้มั้ย ระบบที่ไม่เคย support คนจน หรือคนจนตรอก ระบบที่ไม่เคยเอื้อต่อคนตัวเล็กตัวน้อย หลายกระทรวงตั้งขึ้นมาเพื่อให้มีแต่ชื่อ พอออกทีวีหรือเป็นข่าวที ความช่วยเหลือมันถึงจะมาซักที งี้เหรอ? เราต้องอยู่กันไปแบบนี้เหรอ
.
ถามไปงั้นแหละ รู้ว่าไม่มีคำตอบ
.
แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่การตัดสินใจยูเทิร์นกลับไปวันนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
.
ที่มา มิตรสหายท่านหนึ่ง
โฆษณา