18 เม.ย. 2020 เวลา 02:28
การเดินทางของบุญ (บทสุดท้ายของปฐมบท) เพื่ออรรถรสของการเสพที่สมบูรณ์ ตั้งแต่บทแรกความต่อเนื่องส่งภาพต่อๆกันถึงบทสุดท้ายค่ะ 🍀...
คืนนี้ไม่มีงานเต้นรำเหมือนคืนที่ผ่านมา ผู้คนที่นี่ต่างพากันมานั่งสวดมนต์ ภาวนาขอให้ทุกสรรพสิ่งพบแต่ความสุขและร่มเย็น
ด้วยความเป็นไปของทั้งหมด
คืนนี้ไม่มีงานเต้นรำเหมือนคืนที่ผ่านมา ผู้คนที่นี่ต่างพากันมานั่งสวดมนต์ ภาวนาขอให้ทุกสรรพสิ่งพบแต่ความสุขและร่มเย็น
“ทำไมวันนี้ผู้คนที่นี่จึงเปลี่ยนจากงานเต้นรำเป็นการสวดมนต์ขอพร” คุณเกิดความสงสัย “ผมคิดว่าคุณคงเห็นคนหน้าเศร้าที่ขึ้นเรือ...เสียงยามค่ำ...บอกกับพวกเราว่า คนผู้นั้นไม่สามารถขจัดกรรมที่อยู่ในสภาวะจิตได้หมดสิ้น ความลุ่มหลง มัวเมา ยังคงเกาะติดในก้นบึ้งของจิตใจ ที่จะก่อให้เกิดทุกข์ยังมีมากมายเหลือเกิน ใจที่แบกความยึดติดเหล่านั้นจึงส่งผลให้ใบหน้าเขาเหล่านั้นดูเศร้าหมองอมทุกข์ตลอดเวลา” เกี่ยวผู้ซึ่งมีหน้าที่อธิบาย พูดอธิบายให้คุณฟัง
“เขาต้องไปใช้กรรมให้หมดเสียก่อน” คือคำพูดสุดท้ายของนายเกี่ยวในคืนนั้น
วินาทีที่ฟังประโยคนี้จบ ภาพที่ปรากฏที่ระเบียงคือคนที่เขาได้พูดคุยหรือเห็นหน้าในหมู่บ้านนี้ ทุกคนยืนมองเขาอยู่อย่างไม่ไหวติง สิ่งที่อยู่รอบตัวไม่มีการเคลื่อนไหว
เข้าใจแล้ว...เข้าใจแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทุกอย่างไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเป็นความบังเอิญ ตัวเขาเองก็คงถึงวาระนั้นแล้ว
ภาพที่เขารีบวิ่งไปคว้าตัวเด็กคนนั้นที่กำลังจะตกรถสองแถวผุดขึ้นมาในหัว...เจ็บ...เจ็บที่หัว เหมือนกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็เดินตามเส้นทางเข้ามาที่หมู่บ้านแห่งนี้
เรื่องเหลือเชื่ออีกอย่างก็คือ แม้เขาจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นและสุดท้ายทุกคนก็ต้องมาที่ระเบียงแห่งนี้ ระเบียงที่จะมีผู้ที่ผ่านเข้ามาในทุกเมื่อชั่ววัน มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวั่นวิตก ในช่วงชีวิตที่ยังมีลมหายใจ เขาได้พยายามที่จะทำตนให้เป็นคนดีอย่างที่สุดตามจังหวะและโอกาสเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า “เราอาศัยอยู่ร่วมกันด้วยการปัน” ที่ไม้เคยพูดไว้นั้นหมายความว่าอะไร และอาหารที่มีชื่อเรียกว่า “บุญ” นั้น คืออะไร
เมื่อไรก็ตามที่เราประพฤติดี ปฏิบัติชอบ เราก็จะมีความสุข เหมือนที่เขานิยมเรียกกันว่า...หน้าอิ่มบุญ
... ห น้ า อิ่ ม บุ ญ ...
บุญมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่สัมผัสถึงได้ด้วยสุขที่จะเกิดขึ้นอยู่ในใจ
ลุงเข้มคือผู้นำทาง คือด่านแรกเพื่อให้เดินทางมาถึงที่นี่และส่งกลับไปยังที่ที่เหมาะสมตามพื้นฐานที่ได้สั่งสมมา หมอกและดอกไม้ผู้ซึ่งเป็นดั่งเจ้าของบ้านมีหน้าที่คอยเปิดรับผู้ที่ผ่านเข้ามา
ส่วนคุณผู้หญิงที่ลุงเข้มเคยพูดถึงแท้จริง คือ เมตตา
ซึ่งในทางพุทธศาสนา ท่านกล่าวไว้ว่า เมตตาหมายถึง รัก ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่สมควรรับจึงเป็นผู้ที่สมควรได้ เป็นผู้ที่พ้นบ่วงแห่งทุกข์ทั้งหลายแล้ว แม้ว่าจะต้องวนเวียนมาที่แห่งนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม และเมื่อใดก็ตามที่พร้อมจะเป็นผู้ที่ได้รับความรักแล้ว ในขณะเดียวกันนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่ถึงพร้อมที่จะปันรักให้ผู้อื่นได้ต่อไป
เสียงปริศนาที่เขาคิดว่าได้ยินเวลานอน หรือคำว่า “เสียงยามค่ำ” ที่เกี่ยวพูดกับเขานั้น แท้จริงแล้วใช่มีเสียงหรือสิ่งใดที่เคลื่อนไหวรอบตัวไม่ หากแต่ว่าเป็นจิตใต้สำนึกของตัวเขาเองต่างหาก จิตใต้สำนึกที่เหมือนเป็นเงาและคอยติดตามเราไปทุกหนแห่ง
จิตคนไวเหมือนลิง ซุกซน ได้ตลอดเวลา การที่เราเลือกที่จะภาวนา ระลึกสติก่อนนอน นึกถึงแต่เรื่องดีๆ ก็จะทำให้เรามีความสุข นอนก็เป็นสุข เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่น
ทุกคนพยักหน้าให้คุณได้รับรู้ว่า “คุณ”ควรเตรียมตัวได้แล้ว เตรียมตัวเพื่อที่จะก้าวออกจากระเบียงแห่งนี้ ตั้งมั่นที่จะคิดดีปฏิบัติในสิ่งที่ดีต่อไป ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความสุข และจะเป็นการก้าวออกไปจากระเบียงของหมู่บ้านเฉลียงแห่งนี้โดยที่ไม่ต้องวนเวียนกลับเข้ามาอีกเลย
การก้าวข้ามธรณีประตูบ้านทรงโบราณของผู้มาเยือนในครั้งนี้ได้ถูกจับจ้องโดยสิ่งที่มองไม่เห็นเข้าให้แล้ว
คุณ...อยู่นิ่งและหลับตา...ก่อนที่จะเปิดตาเดินออกไปตามทางของกลิ่นดอกปีบ
*********************************************
เรือนแห่งนี้ ยินดีที่จะเปิดรับผู้มาเยือนรายอื่นๆต่อไป
☘ พบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ ☘
🌼ขอให้ทุกคนมีความสุขกาย สุขใจ ค่ะ🌼
โฆษณา