19 เม.ย. 2020 เวลา 09:11 • สุขภาพ
เวียตนามติดเชื้อcoved-19 ต่ำมาก เพราะอะไร
เวียตนามเป็นประเทศมีชายแดนติดกับจีนประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคระบาดCovid-19 มีระบบสาธารณสุขที่ไม่พร้อมและงบประมาณที่จำกัด แต่เวียตนามมีการติดเชื้อCovid-19 ไม่ถึง300ราย หลังจากมีการระบาดของโรคมาร่วม 4เดือน ซึ่งจำนวนการติดเชื้อต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซี่ยนที่ติดเชื้อกันหลายพันราย หรือแม้กับประเทศที่ได้รับการชื่นชมในมาตรการต่อสู้กับการระบาดในครั้งนี้อย่างเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน ที่สำคัญเวียตนามยังไม่พบการเสียชีวิตจากCovid-19เลย
ข้อมูลของเวียตนามเชื่อได้มั๊ย อะไรทำให้เวียตนามมีอัตราการติดเชื้อต่ำมาก
ข้อมูลพื้นฐาน เวียตนามมีประชากร ปี2018 ประมาณ 95,545,962 คน(1)มากกว่าประชากรประเทศไทยในปีเดียวกันที่มีจำนวนประชากร 69,428,453 คน (2)ถึงกว่า26ล้านคน
แต่
จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อCovid-19ของเวียตนาม ณ วันที่18 เมษายน2563 มีจำนวนแค่268ราย ถ้านับจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่าไทย 10.2เท่า แต่ถ้านับการติดเชื้อต่อล้านประชากรเท่ากับ 2.8/1,000,000ประชากรเปรียบเทียบกับไทย39.4/1,000,000 ประชากรต่างกัน 14 เท่า
เวียตนามยังไม่พบผู้เสียชีวิต และอัตราการหายสูงถึง73.9% (198ราย)เปรียบเทียบกับไทย มีอัตราการหาย 61.8% จนเวียนนามได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลกและนานาชาติเป็นอย่างมาก
ข้อมูลพื้นฐานจำนวนแพทย์ต่อประชากร 10,000
เวียตนามมีจำนวนแพทย์ต่อประชากรสัดส่วนดีกว่าประเทศไทยถึง3เท่า ไม่ผิดครับตัวเลขนี้
ข้อมูลการตรวจหาเชื้อ Covid-19
อัตราการตรวจหาเชื้อของเวียตนาม 2,089 tests/1,000,000 ข้อมูล18เมย.2563
อัตราการตรวจหาเชื้อของไทย 511 tests/1,000,000 ข้อมูล15เมย.2563
เวียตนามมีการตรวจหาเชื้อมากกว่าไทยถึง4เท่า แม้มีข่าวว่าเวียตนามมีความพร้อมด้านสาธารณสุขน้อย
เวียตนามทำอย่างไรจึงควบคุมการติดเชื้อได้ดี
ชาวเวียตนามสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง เข้าคิวรอรับการแจกอาหาร ที่ Hanoi
เวียดนามมีประสปการณ์จากการเกิดโรคระบาด SARS ในปี2003 เป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศปลอดจากโรคนี้ และในปี2009 ก็มีประสบการณ์ระบาดของ H1N1
เวียตนามมีความมั่นคงทางการเมืองสูงปกครองโดยระบอบพรรคเดียวคือพรรคคอมมิวนิสต์ มีการตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างรวดเร็วและจริงจังมากสามารถกำหนดควบคุมได้คล้ายจีน และประชาชนให้ความร่วมมือจากการปลุกเร้าความรู้สึกชาตินิยมว่าจะชนะสงครามครั้งนี้ได้เหมือนที่เคยชนะ สงครามในอดีต เหมือนที่เคยชนะ SARS มาก่อน ร่วมกับรับรู้ข้อมูลความรู้ข่าวสารโดยตรงจากรัฐบาล
หลังจากเริ่มมีรายงานการเกิดโรคจากอู่ฮั่นในเดือนมกราคม เวียตนามซึ่งมีชายแดนติดกับจีนเริ่มมาตรกาควบคุมชายแดน เตรียมการระบบสาธารณสุขขั้นเตรียมพร้อมระดับสูง สำหรับการรับมือผู้ป่วยปอดติดเชื้อที่ยังไม่ได้มีข้อมูลที่ชัดเจนนัก. ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 ก่อนที่จะมีรายงาน ผู้ป่วยรายแรกในอู่ฮั่นเสียชีวิต ก่อนที่จะพบผู้ป่วยติดเชื้อในเวียดนาม
มาตรการกักตัวอย่างกว้างขวางหลายหมื่นคนในquarantine camp และติดตามผู้สัมผัสอย่างจริงจัง
เวียตนามใช้มาตรการที่ง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนทางเทคโนโลยีอะไรมากมาย ไม่ต้องพูดถึงหุ่นยนต์ ไม่พึ่งAI เวียตนามใช้การสื่อสารที่ชัดเจนทำให้ประชาชนเข้าใจ จนเกิดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและประชาชนในการทำศึกกับCovid-19เหมือนที่เวียตนามเคยร่วมมือร่วมใจกันทำศึกกับตะวันตกจนสามารถชนะสงครามในอดีต
ความสำเร็จของเวียดนามในการต่อสู้กับCovid-19 จนเป็นแบบอย่างที่รัฐบาลหลายประเทศได้เรียนรู้กับวิธีแบบเวียตนาม(Vietnam’s approach)
1.การตอบสนองที่รวดเร็วมากต่อสถานการณ์การระบาด ของรัฐบาล
ความรวดเร็วเป็นปัจจัยในความสำเร็จของทุกประเทศที่มีการกล่าวถึงในช่วงแรกๆไม่ว่าจะเป็น ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ แต่รัฐบาลเวียตนามเริ่มเตรียมพร้อมตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม2563 วันที่ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตในอู่ฮั่น ตั้งแต่ยังไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อนอกประเทศจีน ตั้งแต่ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศเวียตนามเลย
16 มกราคม กระทรวงสาธารณสุขแจ้งรัฐบาลถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาด
21 มกราคม เตรียมการป้องกันลงไปถึงระดับคลินิกและโรงพยาบาลทั่วประเทศ
23 มกราคม พบผู้ติดเชื้อ2รายแรก(พบหลังไทย10วัน,13 มกราคม 2563)ที่นครโฮจิมินทร์ เป็นชายจีนจากอู่ฮั่นมาเยี่ยมบุตรชายและบุตรชายที่ติดจากพ่อ
24 มกราคม รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เปิดศูนย์ฉุกเฉิน ป้องกันการระบาด
30 มกราคม ประชุมคณะกรรมการป้องกันการระบาดแห่งชาติ
1 กพ. นายกรัฐมนตรีเวียตนามประกาศ การเกิดการระบาด nCoV ขณะมีผู้ติดเชื้อตอนนั้นเพียง6ราย
9 กพ.กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามจัดประชุมทางไกลกับWHO พร้อมกันกับโรงพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศเวียดนาม700 แห่งเพื่อให้ข้อมูลของโรคและแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาด
11 กพ. WHO ประกาศชื่อโรคเป็น Covid-19
12 กพ. เวียตนามกักคนทั้งเมือง10,000คนใกล้กับฮานอยเป็นเวลา3สัปดาห์ ขณะที่ประเทศพบผู้ติดเชื้อเพียง10คน
13 กพ. เวียตนามพบผู้ป่วย16ราย
25 กพ. ผู้ป่วยทั้ง16รายหายจากโรคทั้งหมด
_ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเป็นเวลา22 วัน จน Us CDC ปลดเวียตนามออกจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของcovid-19
6 มีค. พบผู้ป่วยรายที่17 เกิดจากเดินทางกลับจากยุโรปหลังจากเดินทางไปลอนดอน ปารีส และ มิลานแล้วไม่ได้กักตัว
8 มีค.รองนายกและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขประกาศ เฟสสองของการต่อสู้กับCOVID-19
10 มีค. กระทรวงสาธารณสุข ประกาศmobile application ชื่อ NCOVIแนะนำให้ชาวเวียตนามทุกคนใช้เพื่อรายงานข้อมูลสุขภาพ ติดตาม ให้ข้อมูลแก่ประชาชน ส่วนชาวต่างชาติให้ใช้app. ชื่อ “Vietnam Health Declaration”เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน
11 มีค. WHO ประกาศ Global pandemic
22 มีค.ห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ
31 มีค. นายกรัฐมนตรีประกาศ. Limited lockdown ทั้งประเทศ สายการบินทั้งภายในและนอกประเทศหยุดการบิน
1 เมย. lockdown ทั้งประเทศ
การตอบสนองต่อการระบาดในระดับชาติเป็นไปอย่างรวดเร็ว และจริงจัง
2.การสื่อสารที่ชัดเจนจากรัฐบาลถึงประชาชนชาวเวียตนาม
การสื่อสารคือหัวใจสำคัญที่สุดในความสำเร็จของเวียตนามในการต่อสู้กับโรคระบาดCovid-19 หลังจากวันที่3 มกราคม2563 สื่อเวียดนามเรียกโรคจากอู่ฮั่นนี้ว่า โรคปอกอักเสบแปลกๆ ลึกลับ ระหว่างวันที่ 9มกราคม_15มีนาคม 2563 สื่อเวียดนามตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับโรคเฉลี่ย127บทความ/วันใน13 ช่องสื่อที่เป็นที่นิยมของเวียตนาม แทบไม่มีช่องว่างสำหรับข่าวที่สร้างความสับสนข่าวลวงให้ได้ลงเลย นอกจากนี้. เวียตนามยังสื่อสารผ่านการสร้างบทเพลงที่แสนจะง่ายๆไม่ซับซ้อนแต่ทรงพลังมาก ชื่อเพลง”Ghen Co Vy” ที่ ประชาชนเข้าถึง เข้าใจและปฏิบัติได้ บทเพลงนี้แพร่อย่างรวดเร็วไปทั่วโลกหลังจากJohn oliverได้นำไปร้องเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษ
1
3.ความร่วมมือกันต่อสู้กับโรคระบาด ของประชาชนร่วมกับรัฐบาล
เมื่อประชาชนได้ข้อมูลที่ถูกต้องทันเหตุการณ์ จากการสื่อสาร โดยตรงจากรัฐบาล ก็เกิดความตระหนักโดยไม่ตระหนก เกิดความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกันรัฐบาลปลุกเร้าความสามัคคีของประชาชนโดยเปรียบไวรัสเหมือนศัตรูต่างชาติที่ชาวเวียตนามต้องรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อเอาชนะศัตรูให้ได้ โดยใช้การขยายความรู้สึกจากประวัติศาสตร์ที่ชาวเวียตนามร่วมใจกันต่อสู้จนชนะศัตรูผู้รุกราน
เนื่องจากข้อจำกัดของทรัพยากรทางสาธารณสุข เทคโนโลยีและเงินทุน เวียตนามเลือกที่จะใช้กลยุทธเชิงรุกมาต่อสู้กับการระบาด ซึ่งเป็นlow cost model แต่ได้ผลมาก
_รัฐบาลได้สร้างapplicationชื่อ NCOVI สร้างwebsite เพื่อติดตามแชร์ข้อมูลให้ประชาชน
_มีระบบเฝ้าระวังจากชุมชนที่เข้มแข็งจากโครงสร้างทางทหารความมั่นคงของชุมชน มีสายลับพรรคคอมมิวนิสต์กระจายอยู่ทั่วไปทุกซอกถนน
_ให้อำนาจจังหวัดสามารถสั่งปิดชุมชนได้ มีการกักตัวหลายหมื่นคน
_การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด มีตัวอย่างชายชาวเวียตนาม ถูงสั่งจำคุก9เดือนฐานความผิดไม่สวมหน้ากากอนามัย
_สำหรับชาวต่างชาติที่ตกค้างจากมาตรการlockdown เวียดนามมีสายด่วน Vietnam tourism helpline สื่อสารให้ข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็น
เมื่อมีการlockdown ภาคธุรกิจเอกชนก็มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น โกดังข้าวของบริษัทค้าข้าวเปลี่ยนมาเป็น rice ATM ตู้แจกข้่าวสารอัตโนมัติแก่ชาวบ้านคนละ1.5 กก.ทั้งในเมืองโฮจิมินทร์ ฮานอย เว้ ดานัง
11 เมย.2563 rice ATM ที่นครโฮจิมินทร์
เรามาติดตามกันต่อไปว่ามนุษยชาติแต่ละประเทศจะต่อสู้กับCovid-19 กันต่อไปอย่างไร จะมีการสร้างherd immunity โดยวีธีธรรมชาติซึ่งต้องมีส่วนหนึ่งที่จะล้มตายไป หรือได้herd immunity จากวัคซีนที่กำลังพยายามวิจัยกันอยู่ ซึ่งจะไม่มีคนตายจากวัคซีน หรือจะไม่มีวัคซีนเหมือน HIV
และเวียตนามจะชนะสงครามเชื้อโรค ครั้งนี้ขึ้นแท่นรับเหรียญทองเหมือนที่เคยทำได้จากโรคSARSหรือไม่
ติดตามต่อไปอย่ากระพริบตา
Vietnam#CITEREFUnited_Nations_Department_of_Economic_and_Social_Affairs
1
โฆษณา