19 เม.ย. 2020 เวลา 09:55 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
รีวิว Xiaomi Redmi Note 9S กับฟีเจอร์ที่เกินราคา?
สวัสดีครับ พบกัน เต้ อีกเช่นเคยครับผม ช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ผมเชื่อว่าหลายคนคงปรับตัวกันไม่น้อย และหลายคนต้องทำงานที่บ้านแต่บางคนก็ยังทำงานกันปกติ ยังไงผมก็ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองป้องกันตัวเองในสถานการณ์แบบนี้ด้วยนะครับ
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ก็อาจจะส่งผลทำให้มือถือหลายๆยี่ห้ออาจจะต้องเลื่อนการเปิดตัวไปพอสมควร แต่หลังจากที่ Xiaomi ได้ออกมือถือตัวล่าสุดอย่าง Mi Note 10 ออกมา ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างจะนานกว่าจะมีรุ่นใหม่ออกมาและกว่าจะเปิดตัวในไทย และกว่าจะถึงมือผม 555+ และวันนี้ผมก็จะมารีวิว Redmi Note 9S หรือถ้าในอินเดียหรือบางประเทศก็จะใช้ชื่อ Redmi Note 9 Pro แต่จริงๆในซีรีส์นี้จะมีอีกตัวก็คือ Redmi Note 9 Pro Max แต่ตอนเปิดตัวในประเทศไทย บ้านเราไม่ได้เปิดตัว Redmi Note 9 Pro Max มาด้วย
ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าสเปกโดยรวมมันต่างกันนิดเดียว และด้วยความที่เป็น Redmi ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะซื้อมือถือโดยคำนึงถึงเรื่องราคามากกว่าสเปกที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย และผมคิดว่าหลายคนก็คงเลือกรุ่นที่ถูกกว่า เพราะหน้าตาตัวเครื่องเหมือนกัน คนซื้อก็อาจจะมองว่ามันไม่น่าจะต่างกัน แต่ราคาต่างกัน...เพราะแบบนี้รึเปล่าที่ทำให้ Xiaomi ประเทศไทย ไม่นำ Redmi Note 9 Pro Max เข้ามาขาย...หรืออาจจะเข้ามาในภายหลัง???
เครื่องที่ผมได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ขายจริงซึ่งจะมีอุปกรณ์ที่เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายปกติเลย...และผมต้องขออภัยด้วยว่า รีวิวนี้ อาจจะมีบางหัวข้อที่ไม่สามารถทดสอบได้เต็มที่ เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันผมจึงไม่สามารถใช้มือถือในแบบปกติได้ หรือพูดง่ายๆว่าใช้มือถือน้อยลงนั่นเอง เพราะฉะนั้นในหลายๆหัวข้อผมอาจจะไม่ได้ลงลึกมากครับ ต้องขออภัยด้วยครับ _/\_
และแน่นอนว่าสำหรับคนที่อยากดูเป็นวีดีโอก็เชิญที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
กล่อง
ช่วงหลังมือถือซีรีส์ Redmi ทุกรุ่นจะเป็นกล่องสีขาวที่ด้านหน้าสกรีนรูปของรุ่นมือถือเอาไว้ ซึ่งต่างจากซีรีส์ Mi ที่จะเป็นกล่องเรียบๆสีดำซะส่วนใหญ่ และแน่นอนว่า Redmi Note 9S ที่สกรีนอยู่ด้านหน้า ไม่ใช่สีเดียวกับสีเครื่องในตัวกล่อง ซึ่งเราสามารถดูสีที่เราเลือกได้จากข้างกล่องจะมีเขียนบอกไว้ว่าในกล่องนี้ตัวเครื่องเป็นสีอะไร
สเปกตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่อง 165.75 x 76.68 8.8 มิลลิเมตร
หน้าจอแสดงผลขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2400 x 1800 , 395 PPi , อัตราส่วนหน้าจอ 20:9
ระบบปฏิบัติการ MIUI 11 บน Android 10
CPU: Snapdragon 720G
GPU: Adreno 618
RAM : 4GB , 6GB
ความจุตัวเครื่อง 64 / 128GB ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.1
กล้องหลัง 4 ตัว 48 + 8 + 5 + 2 ล้านพิกเซล
กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.79 Samsung ISOCELL GM2
กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 119 องศา
กล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล f/2.4 โฟกัสใกล้สุดที่ระยะ 2 เซนติเมตร
กล้องวัดระยะความลึกขนาด 2 ล้านพิกเซล ด/2.4
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล F/2.48
แบตเตอรี่ 5020mAh
รองรับ Quick Charge 3+ 18W
มีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm
สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง
มีสีให้เลือก 3 สี สีเทา สีขาว สีฟ้า
ราคา 4/64GB 6,499 บาท และ 6/128GB 7,999 บาท
ในกล่อง Redmi note 9S
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีเคสนิ่มแบบใส แต่ถ้าเป็นสีเทาจะเป็นเคสสีเข้ม ที่มีฝาปิดช่อง Type C ด้วย และสีตัวเครื่องที่ผมได้มาคือสีฟ้า Aurora Blue ต่อมาก็จะมีคู่มือ และคู่มือการรับประกัน เข็มจิ้มถาดซิม สายชาร์จ ที่ด้านนึงจะเป็น USB Type A และอีกฝั่งเป็น Type C และหัวชาร์จที่ได้มาจะเป็นหัวชาร์จ Quick Charge 3+ ที่ปล่อยไฟสูงสุดที่ 22.5W แต่ๆๆ ตัวเครื่อง Redmi Note 9S รองรับการชาร์จไฟสูงสุดที่ 18W เท่านั้น
ภายนอก
มือถือซีรีส์ Redmi ส่วนใหญ่ หรือเกือบทุกรุ่น จะมาพร้อมกับบอดี้ที่เป็นพลาสติก สำหรับ Redmi Note 9S ก็เช่นกัน แต่บอดี้ด้านข้างตัวเครื่องจะเป็นพลาสติกที่มีการทำให้ด้านและเหลือขอบที่เป็นเงาไว้หน่อย ซึ่งสัมผัสจะไม่เหมือนพลาสติกอย่าง Redmi Note 8
จุดเด่นของรุ่นนี้คือใช้กระจก Gorilla glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง...แต่ด้านหลังจะเป็นกระจกแบบโค้ง เพื่อรองรับการจับถือที่ถนัดมือมากขึ้น อันนี้ผมบอกเลยว่ามันรับกับมือ และจับถนัดมือมากครับ...
และฝาหลังของรุ่นนี้จะไม่ได้มีลวดลายอะไรพิเศษ แต่จะเป็นกระจกที่เงาวิบวับสะท้อนแสงได้ดีมาก 555+
ด้านบนก็จะมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ไว้ตัดเสียงรบกวนขณะสนทนามาให้ และถัดมาก็จะเป็นช่อง IR Blaster
ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีช่องใส่ถาดซิม
ซึ่งถาดใส่ซิมของ Redmi Note 9S เป็นแบบ 3 ช่อง สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ช่อง และใส่ Micro SD Card ได้อีก 1 ช่อง และมาพร้อมกันซีลยางรอบถาดซิมอีกเช่นเคย การที่มีซีลยางติดอยู่ถาดซิมทุกรุ่น แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวเครื่องจะกันน้ำนะครับ น่าจะเป็นเรื่องของกันละอองน้ำหรือฝุ่นเบื้องต้นเท่านั้นครับ
ด้านขวาก็จะมีปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่องที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัวนั่นเอง
ด้านล่างก็จะมีช่องหูฟัง 3.5 ช่อง Type C ไมโครโฟนตัวหลัก และลำโพงตัวเครื่อง
ด้านหน้าก็จะมีลำโพงสทนา และมีไฟแจ้งเตือนสีขาวมาให้ด้วย และกล้องหน้าที่เป็นแบบเจาะรูตรงกลาง
ส่วนด้านหลังก็จะมีกล้องทั้งหมด 4 ตัว และ แฟลชอีก 1 ดวง ส่วนเรื่องสเปกกล้องเดี๋ยวผมจะไปพูดในหัวข้อ กล้อง อีกทีนะครับ...แล้วก็ด้านหลังของ Redmi Note 9S ไม่มี NFC นะครับ
หน้าจอ
หน้าจอของ Redmi Note 9S มาพร้อมกับจอแบบเจาะรูตรงกลาง IPS ขนาด 6.67นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 2400 x 1080 และเป็นกระจก Gorilla Glass 5 อัตราส่วนของหน้าจอรุ่นนี้จะเป็นอัตราส่วนหน้าจอ 20:9 ที่รุ่นใหม่ๆหลายรุ่นเริ่มใช้แล้ว เพราะส่วนใหญ่เราจะเห็น 19.5:9 ซะส่วนใหญ่…พูดง่ายๆว่าจอมันยาวขึ้นอีกนิดนึงครับ...และแน่นอนว่า ถึงจะเป็นจอ IPS ธรรมดา แต่ก็ถือว่าสู้แสงได้ในระดับนึงเลยครับ
สำหรับ ใครที่ซื้อ Redmi Note 9S ก็ไม่ต้องติดฟิล์มหน้าจอแล้ว เพราะเค้าติดมาให้ในกล่องเลย แต่ฟิล์มที่แถมมาจะเป็นฟิล์มธรรมดา
แบตเตอรี่และการชาร์จ
การชาร์จเต็ม 1 ครั้งในการใช้งานโดยทั่วไป สามารถใช้ได้โดยประมาณ 12-15 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น(ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน) คือพูดง่ายๆว่าใช้งานได้เช้าถึงเย็นโดยที่ไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน...เพราะ Redmi Note 9S ให้แบตเตอรี่มามากถึง 5020 mAh
สำหรับการทดสอบชาร์จแบตเตอรี่กลังตั้งแต่ 0-100% จะใช้เวลาโดยประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีโดยประมาณ (ชาร์จในห้องแอร์)
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมให้ที่ชาร์จมาเกิน...ส่วนตัวผมมองว่าอาจจะเป็นการผลิตหัวชาร์จรุ่นเดียว แต่สามารถใช้ได้กับหลายๆรุ่น โดยที่ไม่ต้องผลิตหัวชาร์จแยกรุ่นเหมือนแต่ก่อน...หรืออาจจะมีรุ่นอื่นในซีรีส์เดียวกันที่รองรับการชาร์จไฟที่มากกว่า Redmi Note 9S??? และก็มีบางคนถามผมมาว่าที่ชาร์จที่ให้มาไฟแรงกว่าจะไม่มีปัญหาหรอ? ผมมองว่าไม่มีครับ เพราะต่อให้เราเสียบหัวชาร์จที่มีกำลังไฟมากกว่า ตัวเครื่องก็จะยังรับไฟสูงสุดที่ 18W อยู่ดีครับ
การปลดล็อค
การปลดล็อคของ Redmi Note 9S สามารถปลดล็อคด้วยใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งแน่นอนว่าการปลดล็อคด้วยใบหน้าจะเป็นการปลดล็อคด้วย 2D เท่านั้น จะไม่ปลอดภัยเท่ากับการสแกนลายนิ้วมือ...
ซึ่งการสแกนลายนิ้วมือ ผมแนะนำให้ลงทะเบียนนิ้วมือ ทั้งนิ้วชี้และนิ้วโป้งของทั้งสองมือเอาไว้ปลดล็อคในท่าทางต่างๆในการหยิบมือถือด้านหน้าและด้านหลัง...สำหรับคนที่ถนัดขวาก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับคนที่ถนัดซ้ายอาจจะต้องใช้นิ้วชี้ซ้ายปลดล็อค และสแกนลายนิ้วมือทำได้รวดเร็วมาก ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องกดนิ้วเพื่อปลดล็อคหลายรอบแน่นอน ^^;
กล้อง
เรื่องของกล้องหลัง ผมจะไม่อธิบายก็ไม่ได้ 555+ เพราะในแต่ละรุ่นของ Xiaomi ซอฟแวร์ตัวกล้องจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นเสมอ ถึงจะเป็นมือถือราคาไม่แพงก็ตาม ฟีเจอร์บางอย่างก็อาจจะตกทอดมาจากรุ่นก่อนหน้าซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนจะมีฟีเจอร์อะไรบ้าง เชิญอ่านต่อได้เลยครับ
กล้องหลังของ Redmi Note 9S มีทั้งหมด 4 ตัว และมีการวางกล้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไว้ตรงกลางด้านบนตัวเครื่องซึ่งอาจจะคล้ายกับมือถือบางยี่ห้อ แต่ก็ช่างมันเถอะครับ 555+ มุมบนซ้ายสุดจะเป็นกล้อง Ultra Wide หรือ มุมกว้างพิเศษ ขนาด 8 ล้านพิกเซล 119 องศา F/2.2
ต่อมากล้องมุมบนขวา จะเป็นกล้องหลัก ขนาด 48 ล้านพิกเซล F/1.79 ส่วนกล้องมุมซ้ายล่างจะเป็นกล้อง Macro ขนาด 5 ล้านพิกเซล F/2.4 โดยสามารถโฟกัสวัตถุใกล้สุดที่ 2-10 เซนติเมตร และกล้องมุมขวาล่างจะเป็นกล้องวัดความลึก ขนาด 2 ล้านพิกเซล F/2.4
ซึ่งกล้องหลัก 48 ล้านจะเป็นเซ็นเซอร์ของ Samsung ISOCELL GM2 ไม่มี OIS ซึ่งใน Redmi Note 7 และ Redmi Note 8 จะใช้ Samsung ISOCELL GM1 ซึ่งสองรุ่นนี้ก็แทบจะไม่เห็นความต่างของภาพซักเท่าไหร่...แต่พอมาเป็น Samsung ISOCELL GM2 ที่อยู่ใน Redmi Note 9S ภาพที่ออกมาจะมีความต่างกับ GM1 แบบเห็นได้ชัด และส่วนตัวผมมองว่ามันให้คุณภาพที่ดีขึ้น และโทนของภาพต่างจาก GM1 ค่อนข้างชัดเจน และสิ่งที่ต่างจาก GM1 อีกอย่างคือ GM2 สามารถถ่ายกลางคืนได้ดีขึ้น และ ISO สามารถดันไปได้สูงกว่า GM1 ค่อนข้างมาก...
ซึ่ง ISO สูงสุดที่ Redmi Note 8 ทำได้คือ 9600 แต่สำหรับ Redmi Note 9S สามาถทำ ISO สูงสุดอยู่ที่ 51008 ถือเป็นตัวเลขที่มากกว่าพอสมควร ซึ่งทำให้ภาพสว่างค่อนข้างมาก
อย่างที่เห็นในรูปคือ รูปนึงจะเป็นสิ่งที่ตาเห็นคือ มืดแบบมองไม่ค่อยเห็น แต่เมื่อผมถ่ายรูปในโหมดออโต้หรือโหมด 48 ล้านพิกเซล ผมได้แตะโฟกัสตรงไหนก่อนก็ได้ แล้วผมดันแสงไปสูงที่สุด ผมแนะนำว่าตอนกดถ่าย ให้ถือกล้องนิ่งๆอีกซักแปปนึง อย่าเพิ่งขยับไม่เกิน 5 วินาที รูปที่ออกมาจะสว่างมากๆ...และผมบอกเลยว่าการถ่ายรูปให้สว่างขนาดนี้ โหมดกลางคืนก็ไม่สามารถถ่ายได้ 555+
ส่วนโหมดกลางคืนก็ทำได้ดีในจุดที่มีแสงสว่างในระดับนึง แต่สำหรับที่มืดสนิด โหมดออโต้ แล้วดันแสงสูงๆจะทำได้ดีกว่าโหมดกลางคืน
ภาพในตอนกลางวันถ้าใครสังเกตดีๆ โทนของภาพจะเปลี่ยนไป...ถ้าใครเคยใช้ Redmi Note 7,8 มาก่อนก็อาจจะรู้สึกได้ว่าโทนของภาพ สี หรือความเข้ม มันต่างกันจริง แต่อีกเหตุผลนึงผมก็มองว่าด้วยซอฟแวร์ที่ใหม่กว่า ก็อาจจะทำให้โทนภาพออกมาต่างกันรึเปล่า???
การถ่ายย้อนแสง ผมขอบอกเลยว่า เมื่อตอน Redmi Note 7 หรือ Redmi Note 8 อาจจะด้วยข้อจำกัดของตัวกล้องเองรึเปล่าผมไม่แน่ใจ ผมรู้สึกว่าการถ่ายย้อนแสงแล้วเหมือนซอฟแวร์ก็พยามทำเต็มที่แล้ว แต่ภาพที่ออกมาก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งพอถ่ายออกมา ก็ยังไม่สามารถเก็บรายละเอียดในจุดที่แสงจ้ามากๆได้...พอมาเป็น Redmi Note 9S ในการถ่ายย้อนแสง ทำได้ดีกว่ารุ่นเก่าแบบเห็นได้ชัด คือมีการเก็บรายละเอียดในจุดที่แสงจ้ามากๆได้ และดันแสงสว่างในจุดที่มืดมากได้เช่นกัน
โหมดภายถ่ายบุคคล สำหรับการถ่ายภาพแล้วเบลอหลังด้วยซอฟแวร์ ในรุ่นนี้ก็ทำได้ดี คือตัดขอบได้ดี แต่ด้วยที่ Redmi Note 9S ไม่มีเลนส์เทเล หรือ เลนส์ซูม ในบางรูปการณ์เบลอก็อาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติซักเท่าไหร่ แต่โดยรวมผมถือว่าโอเคขึ้น และยังมีฟีเจอร์ที่ยกมาจาก Mi Note 10 ก็คือ โหมดภาพยนตร์ ก็จะเป็นการเพิ่มขอบดำทั้งด้านบนและด้านล่างให้เหมือนเฟรมของภาพยนตร์ ก็เป็นอะไรที่ได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ
กล้องมาโครก็ทำได้ดี เมื่อเทียบกันรุ่นก่อนที่กล้องมีขนาดแค่ 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น สำหรับ Redmi Note 9S ได้กล้องมาโครขนาด 5 ล้านพิกเซล ก็ถือว่าทำได้ดีในเรื่องของความละเอียด และสามารถโฟกัสวัตถุระยะใกล้สุดที่ 2 เซนติเมตร
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โดยรวมผมถือว่าทำได้ดีกว่า Redmi Note 8 แต่ก็ใกล้เคียงกับ Redmi Note 8 Pro ถึงพิกเซลจะน้อยกว่าก็ตาม และในโหมดภาพบุคคลที่เบลอหลังด้วยซอฟแวร์ ในกล้องหน้าก็ทำได้ไม่แพ้กล้องหลังเลย แค่โทนสีผิวอาจจะต่างกันนิดหน่อย แค่นั้นเองครับ
ในส่วยของโหมด โปร ผมคงไม่พูดไม่ได้ เพราะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมาเยอะและผมก็ไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ในมือถือในราคาไม่ถึงหมื่นคือ...Redmi Note 9S สามาถถ่ายภาพไฟล์ RAW ได้ และแค่นั้นไม่พอ สามารถถ่ายไฟล์ RAW ได้ทั้ง 3 เลนส์!!! ผมเองยังไม่มีโอกาสได้สัมผัส Mi 10 แต่ผมเชื่อว่า สำหรับสายถ่ายรูปด้วยมือถือแล้ว ต้องถูกใจแน่นอน...แค่นั้นยังไม่พอ สำหรับมือใหม่ที่อยากรู้จักโหมด โปร ให้มากขึ้น
ทางมุมบนซ้ายมือก็จะมีปุ่มรูปตัว i อยู่ เมื่อกดเข้าไปก็จะเจอกับคำอธิบายต่างๆว่าไอคอนต่างๆที่อยู่ในโหมดโปรมันทำงานแบบไหนและควรตั้งค่าแบบไหน...อันนี้สุดจริงๆ และยังไม่จบ ยังมีของดีซ่อนอยู่อีก เดี๋ยวเราจะไปพูดกันต่อในเรื่องวีดีโอ ^^
และในการถ่ายด้วยโหมด 48 ล้านพิกเซล อาจจะยังมีบางครั้งที่เมื่อถ่ายโหมด 48 ล้านพิกเซลเสร็จ พอกดดูรูปมันจะขึ้นว่ากำลังประมวลผล...ถ้ามันขึ้นแบบนี้นานๆก็แสดงว่าภาพนั้นจะเป็นภาพเสีย ซึ่งอาการแบบนี้ผมก็เคยเจออยู่ในโหมด 108 ล้านพิกเซล ใน Mi Note 10 ซึ่งพอเข้าใจได้...แต่ 48 ล้านพิกเซล มันไม่น่าเกิดแบบนี้ขึ้นได้ เพราะกล้อง 48 ล้านพิกเซล ในรุ่นก่อนๆ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...ซึ่งอาจจะต้องรอให้ทาง Xiaomi ออกอัพเดตซอฟแวร์แก้ออกมา
วีดีโอ
สำหรับวีดีโอแล้ว Redmi Note 9S สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 30FPS และยังสามารถถ่าย Full HD ได้สูงสุดที่ 60FPS แต่กันสั่นซอฟแวร์ หรือ EIS จะทำงานตั้งแต่การถ่าย Full HD 30FPS ลงมาเท่านั้น สูงกว่านั้นกันสั่น EIS จะไม่ทำงาน
และสิ่งที่เพิ่มเติมในโหมดวีดีโอก็คือ กรอบภาพยนตร์ ซึ่งจะเป็นการตัดขอบบนขอบล่างออก ทำให้เหมือนเราถ่ายวีดีโอเหมือนเฟรมในภาพยนต์ที่มีขอบบนขอบล่าง ซึ่งก็ให้อารมณ์อีกแบบ และสามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 30FPS เช่นกัน
ส่วนเรื่องคุณภาพของวีดีโอของ Redmi Note 9S ก็จะมีอาการคล้ายๆแต่ก็เหมือนกับ Redmi Note 8 หรือ Redmi Note 8 Pro ที่ใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL เหมือนกันก็คือเมื่อถ่ายวีดีโอแบบ Full HD วีดีโอจะไม่ค่อยคม แต่พอถ่าย 4K จะค่อนข้างชัดกว่า Full HD แบบเห็นได้ชัด แต่ใน Redmi Note 9S ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นเก่าแบบชัดเจนครับ ส่วนตัวผมมองว่าใน Redmi Note 9S ที่ Full HD อาจจะชัดน้อยกว่า Full HD น่าจะเป็นเพราะเรื่องของการครอปวีดีโอเพื่อให้กันสั่น EIS ทำงานก็เป็นไปได้ แต่โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดีครับ ทั้งในเรื่องของกันสั่น EIS ด้วย
สำหรับวีดีโอกล้องหน้าก็สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ Full HD 30FPS และเปิดโหมดบิวตี้ได้ด้วย แต่ความละเอียดจะลดลงเหลือ HD เท่านั้น และอีกฟีเจอร์นึงที่เข้ามาในมือถือราคาขนาดนี้คือ สามารถถ่ายวีดีโอ Slow Motion 120FPS ความละเอียด HD ที่กล้องหน้าได้ด้วย!!!
และสุดท้ายที่อยากจะบอกคือโหมดโปร ไม่ได้มีแค่ภาพนิ่งอีกต่อไปแล้ว ใน Redmi Note 9S มีโหมดโปรในวีดีโอด้วย!!! มากเกินไปแล้ว 555+ ซึ่งการตั้งค่าในวีดีโอโหมดโปรจะเหมือนกับภาพนิ่งคือสามารถปรับ White Balance ระยะโฟกัส สปีดชัทเตอร์ ISO ชดเชยแสง และเลือกเลนส์ที่จะใช้ถ่ายได้ แต่ทั้งหมดก็ไม่สำคัญเท่ากับการซูม...ในโหมดวีดีโอโปร จะมีแถบที่ไว้ให้เราซูมได้แบบลื่นๆแบบไม่สะดุดเหมือนเราใช้สองนิ้วเพื่อซูม...นี่แหละคือโหมดโปรที่โปรจริงๆ และแน่นอนว่าสามารถถ่ายได้ทุกความละเอียด ถ้าเราถ่ายด้วยความละเอียด Full HD 30FPS กันสั่น EIS ก็จะทำงานด้วยเช่นกัน แต่ถ้าถ่าย 4K 30FPS กันสั่น EIS ก็จะไม่ทำงาน...
และแค่นั้นยังไม่พอ...ในโหมดโปรของวีดีโอนี้ยังสามารถถ่าย LOG ได้ ซึ่งถ้าเป็นคนที่ถ่ายวีดีโอด้วยกล้องใหญ่อยู่แล้วส่วนใหญ่จะรู้จักว่า LOG คืออะไร อธิบายง่ายๆในความเข้าใจของผม LOG ก็คือเป็นไฟล์ RAW ของวีดีโอประมาณนั้นอะครับ...และยังมีฮิสโตแกรมมาให้อีก...บอกเลยว่า ถ้า Redmi Note 9S มาขนาดนี้ แล้วมือถือที่กล้องดีๆอย่าง Mi 10 ผมว่าต้องมีฟีเจอร์นี้แน่ๆ ป้ายยา Mi 10 รอเลยครับ 555+
ส่วนเรื่องการรับเสียงของวีดีโอ
จากที่ผมทดสอบมา ก็สามารถรับเสียงได้ดีในระดับนึง เสียงเบสและเสียงกลางรับเสียงได้ดี แต่ไม่มากเท่าไหร่ เสียงกลางอาจะดูแบนๆไปซักนิดนึง แต่อัดเสียงการพูดแล้วก็ถือว่าชัดเจนดี ส่วนการรับเสียงแหลม ปลายเสียงแหลมอาจจะไม่ค่อยชัดซักเท่าไหร่ เหมือน MP3 คุณภาพประมาณ 192k-256k เลยทำให้ปลายเสียงแหลมไม่ค่อยชัด...แต่ถ้าต้องถ่ายวีดีโอในที่เสียงที่ดังมากๆ ไมโครโฟนของ Redmi Note 9S ก็จะรับไม่ไหวเช่นกันกัน เพราะถ้าบันทึกเสียงในที่เสียงดังมากๆเสียงก็จะแตก ซึ่งที่ผมดูไมโครโฟนที่รับเสียงที่ดังมากๆไม่ได้ก็คงเป็นไมโครโฟนตัวที่สองด้านบนตัวเครื่องมากกว่าครับ
สรุปเรื่องกล้อง
ผมบอกตรงๆนะว่าน่าตกใจมากว่าทำไมมือถือราคาไม่ถึงหมื่น แต่ได้ฟีเจอร์เยอะมากๆ สิ่งนึงที่ผมมองคือ มันจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานในรุ่นต่อๆไปด้วย เพราะฉะนั้น รุ่นอื่นๆต่อจากนี้ก็คงจะทำได้เช่นกัน ผมบอกเลยว่ากล้อง Redmi Note 9S ผมถือว่ามีพัฒนาการที่ดีกว่ารุ่นเก่าแบบเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นใครที่อยากได้มือถือที่ราคาไม่แพง กล้องดีๆ ผมบอกเลย Redmi Note 9S ไม่ผิดหวัง และยังมีโหมดโปรที่ถ่ายได้ทั้งไฟล์ RAW ในส่วนของภาพนิ่ง และยังมีโหมดโปรในส่วนของวีดีโออีก...มันมาอยู่ในมือถือราคาไม่ถึงหมื่นได้ยังไง???
เกมส์
สำหรับเรื่องเกมส์ผมอาจจะไม่ได้ทดสอบอะไรมาก เกมส์ที่ผมทดสอบจะมี ROV Call Of Duty Mobile PUBG Mobile แต่หลักๆจะเป็น ROV กับ Call Of Duty Mobile เพราะว่าเป็นเกมส์ที่สามารถปรับกราฟฟิกได้สูงเกือบจะสุด แต่ PUBG Mobile จะปรับได้แค่กลางๆเท่านั้น
ROV จะสามารถปรับกราฟฟิกได้ประมาณนี้ และสามารถปรับเฟรมเรทสูงได้
ในการเล่นเกมส์ในตาแรกใช้เวลาประมาณ 16 นาทีโดยประมาณ พร้อมกับบันทึกวีดีโอพร้อมกันด้วย ก็พบว่าตัวเครื่องรู้สึกว่าร้อนที่จุดเดียว และเฟรมเรทขณะเล่นคือแทบจะตันอยู่ที่ 60FPS ตลอด มีตกๆลงมาบ้างก็ไม่ต่ำกว่า 56FPS
Call Of Duty Mobile จะสามารถปรับกราฟฟิกได้ประมาณนี้
แต่ถ้าอยากให้ลื่นกว่าแนะนำให้ปรับเป็น High จึงจะสามารถปรับเฟรมเรทไปที่ Max ได้ครับ
PUBG Mobile จะสามารถปรับกราฟฟิกได้ประมาณนี้
แต่ถ้าอยากให้ลื่นหน่อยก็ปรับกราฟฟิกไปที่ สมดุล และจะสามารถปรับเฟรมเรทไปที่ Ultra ได้ครับ
คะแนน Antutu
แต่ถ้าคะแนนระหว่าง Snapdragon 730G และ Snapdragon 720G ก็พบว่า มีคะแนนที่ใกล้เคียงกันแต่ Snapdragon 720G จะมีคะแนนสูงกว่า 730G ในบางเรื่องนิดเดียวเท่านั้น แต่ประสิทธิภาพโดยรวม หรือการใช้งานโดยรวมแทบไม่ต่างจาก Snapdragon 730G ซักเท่าไหร่เลย
ซีพียูและความร้อน
ตามสเปกของ Snapdragon 720G ก็จะเป็นซีพียูพื้นฐานเดียวกับ Snapdragon 730G เพราะฉะนั้นเรื่องความร้อนตอนเล่นเกมส์ เท่าที่ผมสัมผัสมา มันจะไม่ร้อนมาก ถือเล่น ROV ตานึงก็จะรู้สึกได้ว่ามีความร้อนมาจากจุดเดียว เพราะตัวเครื่องไม่ใช่บอดี้โลหะ และไม่มีชุดระบายความร้อน...แต่ยังไงผมแนะนำให้ถอดเคสเล่นเกมส์นะครับ ความร้อนจะได้ไม่สะสม
ประเภทหน่วยความจำ
จากข้อมูลและการทดสอบ Redmi Note 9S จะใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.1 ครับ
Youtube
Youtube สามารถดูได้แบบ Full HD 60FPS และดูแบบ HDR ได้ด้วย
Netflix
แอบเสียดายที่ Netflix ไม่สามารถดูแบบ Full HD ได้...ถ้าสามารถดูได้นะ ผมคิดว่าเป็นมือถือที่จบมากๆเลย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าอนาคตจะมีการอัพเดตให้ดูได้หรือไม่เพราะตัวเครื่องเป็น L3
ฟังเพลง
และแน่นอนว่า ใช้ชิพ Snapdragon ก็จะมีชิพเสียงในตัว แต่เป็นแบบ Built In เพราะฉะนั้น เสียงที่ได้ฟังผ่านช่อง 3.5 ก็จะมีความดังและมีมิติที่ดีกว่ามือถือที่ไม่มีชิพเสียง
ลำโพง
ส่วนลำโพงของตัวเครื่อง ตามสเปกบอกว่าเป็นลำโพงอัลตร้าลิเนียร์แอมพลิจูดสูง 1217 X max 0.4 มม. Smart PA 10V ที่ให้เสียงที่ค่อนข้างดัง และมีเสียงกลางที่ค่อนข้างชัดเจนและเบสเป็นลูกๆให้ได้ยินบ้างเล็กน้อย และเสียงแหลมที่ไม่แหลมจนเกินไป ฟังได้นานๆไม่รู้สึกรำคาญ ไม่เหมือน Mi 9 Lite ที่ลำโพงเสียงไม่ค่อยดังแล้วเสียงแหลมเหมือน Mi 9 Lite ซึ่งฟังนานๆแล้วรู้สึกรำคาญมากกว่า
และ Redmi Note 9S ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า เคลียร์ลำโพง จะเป็นการปล่อยคลื่นความถี่เสียงย่านนึงที่ทำให้ลำโพงทำงานและเหมือนเป็นการเป่าลมออกมา ถ้าเครื่องเราตกน้ำหรือมีเศษฝุ่นเข้าไปอุดตัน ก็สามารถเปิดโหมดนี้ได้...แต่ถ้าเปิดหลายๆรอบหรือแค่ไม่กี่ครั้ง ก็จะสังเกตได้ว่าด้านหลังเครื่องบริเวณลำโพงของตัวเครื่องจะร้อนขึ้นมาเพราะลำโพงทำงานค่อนข้างหนักในโหมดนี้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าทำบ่อยๆ...ถ้าฟังเพลงนานๆด้วยระดับเสียงที่ดังลำโพงก็ร้อนได้เหมือนกัน
ระบบสั่น
และนี่ก็เป็นอีกจุดเด่นนึงที่ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนคงชอบ...คือระบบสั่นของ Redmi Note 9S ตามสเปกบอกว่าเป็นมอเตอร์สั่นแนวแกน Z ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่แน่ใจว่าทำงานแบบไหน แต่ที่รู้ๆคือการตอบสนองการพิมพ์ การสั่นตอบรับคำสั่งบางอย่าง การตอบสนองการกดปุ่มชัทเตอร์ หรือรัวชัทเตอร์ หรือสั่นตามจังหวะริงโทนที่ติดเครื่องมา ผมรู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกสั่นที่ดีแบบบอกไม่ถูก เอาเป็นว่าการตอบสนองการสั่นคล้ายๆกับ iPhone ที่เป็นระบบสั่นแบบ TapTic Engine หรือ Samsung ซีรีส์ S20 กับ Note 10 ประมาณนั้น
การโทร
ผมทดสอบเรื่อง CA กับ Redmi Note 9S ก็พบว่า ไม่มีรองรับ CA ของเครือข่าย AIS ที่ผมใช้ แต่จากข้อมูลที่ผมได้มา Redmi Note 9S จะจับคลื่นได้ 2 CA ถ้าใช้กับซิม DTAC และเครือค่ายที่ไม่ขึ้น CA จะเป็น AIS กับ TRUE(ถ้าข้อมูลตรงนี้ผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ) การโทรก็ให้เสียงที่ดังฟังชัด แต่ด้วยตำแหน่งลำโพงสนทนาอาจจะอยู่สูงขึ้นไป อาจจะต้องลดมือถือลงมาหน่อย ให้ขอบด้านบนพอดีกับหู และด้วยเซ็นเซอร์ปิดหน้าจออยู่บริเวณนี้ก็ทำให้เวลาเราคุยโทรศัพท์แนบหู หน้าจอมันก็จะไม่ติดขึ้นมาเองเหมือนบางรุ่นที่เซ็นเซอร์อยู่ใต้หน้าจอแล้วมีอาการติดๆดับๆ ซึ่ง Redmi Note 9S เลยมีโหมดพกพามาด้วย เวลาเราใส่มือถือในกางเกงหรือกระเป๋า จอมันจะไม่ติดขึ้นมาเอง
เมนูโทรออก
Xiaomi ช่วงหลังไปใช้แอพพื้นฐานการโทรออก รายชื่อ และข้อความของ Google ซึ่งเหตุผลก็คือเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google ซึ่งทำให้เมนูโทรออกของ Google ไม่มีตัวบันทึกเสียงมาให้...ผมแนะนำให้โหลดแอพอื่นมาใช้งานแทนครับ
Sensor box
เซ็นเซอร์พื้นฐานก็ให้มาครบ
Wifi
Redmi Note 9S รองรับ Wifi Dual Band ด้วย และแน่นอนว่าเมื่อลองเทสสปีด ตัวเครื่องสามารถรับสัญญาณได้ดี ได้ความเร็วค่อนข้างสูง
และที่สำคัญคือ สามารถปล่อยฮอทสปอตและเลือกได้ว่าจะปล่อยคลื่น 2.4Ghz หรือ 5Ghz
Gps
GPS ก็นำทางได้ดีปกติ ถึงจะเป็น GPS ตัวเดียวก็ไม่มีอาการเพี้ยนให้เห็น
จุดสังเกต
เป็นมือถือที่แบตค่อนข้างอยู่ได้นานมาก
ฟีเจอร์กล้องต่างๆทำได้ดีเกินราคา
Netflix ดู HD ไม่ได้
ถ่ายรูปโหมด 48 ล้านอาจจะมีโอกาสเกิดภาพเสียได้
ระบบสั่นที่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามือถือในราคาเท่ากัน
มีไฟแจ้งเตือน
ไม่รองรับ CA ในบางค่าย
หน้าจอมีอาการโกสเมื่อเปิดหน้าจอค้างเป็นเวลานาน แต่ซักพักก็จะหายไป
สรุป
ก่อนที่ผมจะได้ Redmi Note 9S มารีวิว ผมก็คิดว่ามันก็คงเป็นมือถือราคาไม่แพงและสเปกหรือฟีเจอร์ก็น่าจะได้ตามราคาของมือถือระดับนี้ เหมือน Redmi Note 8 หรือ 8 Pro...แต่เมื่อได้สัมผัสเข้าจริงๆ ยิ่งเล่นก็ยิ่งเจอฟีเจอร์อะไรต่างๆเยอะขึ้น และไม่คิดว่าจะถูกใส่มาในมือถือราคาขนาดนี้ เอาเป็นว่า มือถือ Xiaomi ที่ได้ชื่อว่าคุ้มค่าราคาถูก ในความรู้สึกผมก่อนหน้านี้มันก็เริ่มจางหายไป
แต่พอมาเป็น Redmi Note 9S ผมรู้สึกว่าสิ่งต่างๆที่ให้มา มันเกินคุ้ม และเกินกว่าหลายๆคนจะได้ใช้ แต่อีกมุมที่ผมมองคือ “มีให้ใช้ ดีกว่าไม่มี” ซึ่งผมบอกเลยว่ามือถือราคาแพงๆบางรุ่นก็ไม่มีมาให้ใช้ทั้งที่หลายคนอยากให้มี...เหมือน Xiaomi จะพยามอุดช่องว่างของความต้องการของคนส่วนใหญ่ที่อยากให้ใส่นู่นใส่นี่มาให้...และผมเชื่อว่ามันจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่รุ่นต่อจากนี้ต้องใส่มาให้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ใช้อย่างเราแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจ Redmi Note 9S จะมีจำหน่ายทั้งหมด 3 สี คือ สีฟ้า สีเทา สีขาว และมีสองความจุให้เลือกคือ รุ่น แรม 4GB ความจุ 64GB ราคา 6,499 บาท และ รุ่น แรม 6GB ความจุ 128GB ราคา 7,999 บาท
และนี่ก็เป็นบทความแรกของปี 2563 ของผม ยังไงก็ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามงานของผมและเป็นกำลังใจให้เสมอมา...เนื้อหาบางอย่างหรือการทดสอบบางอย่าง ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ก็ลาไปก่อน สวัสดีครับ
โฆษณา