19 เม.ย. 2020 เวลา 12:14 • ไลฟ์สไตล์
Rhythm of Life : จังหวะชีวิต
Rhythm of Life : จังหวะชีวิต
สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีจังหวะ ...
ทั้งการดำเนินชีวิตที่จะต้องก้าวไปในจังหวะ และทิศทางที่ถูกต้อง อย่างไหนควรรีบเร่งที่จะก้าวเดิน เพื่อไปให้ทันกับช่วงเวลาอายุที่ไม่เคยรีรอ หรืออย่างไหนที่เราควรก้าวช้าเพื่อมองทิวทัศน์ข้างทาง หรือเพื่อให้เกิดความมั่นคง
การเล่นดนตรี ซึ่งรู้กันอยู่ว่าจังหวะสำคัญมาก จังหวะถือว่าเป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์งานดนตรีมีคุณภาพ ความลงตัว ความไพเราะของบทเพลง โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าเป็นงานดีมีคุณภาพอีกแล้วครับท่าน
แม้กระทั่งการเล่นกีฬาเราก็ควรจะต้องรู้จังหวะของเกม รู้ว่าจังหวะไหนถ้าฝืนเราจะบาดเจ็บจังหวะไหนควรเสี่ยงเพื่อชิงความได้เปรียบจากคู่แข่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องการจังหวะ...
แต่ว่าจังหวะที่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากเราปราศจากผู้ควบคุม วงดนตรีอาจมีคอนดักเตอร์เป็นผู้ควบคุมจังหวะ การเล่นกีฬาอาจจะมีกรรมการคอยควบคุมจังหวะของเกม หรืออาจเป็นผู้ฝึกสอนที่คอยอ่านเกมแล้วสื่อสารกับนักกีฬาว่าจังหวะไหนควรผ่อนจังหวะไหนควรเร่ง
แล้วถ้าเป็นจังหวะชีวิตล่ะ ...
คงเป็นไปไม่ได้หากเราจะให้คนอื่นมาควบคุมจังหวะชีวิตของเรา แน่นอนว่าจังหวะชีวิตของตัวเรานั้น ผู้ควบคุมเห็นจะหนีไม่พ้นตัวเราเอง แต่เราจะควบคุมจังหวะชีวิตของตัวเราเองได้ดีหรือเปล่านั้น มันขึ้นอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่างเป็นองค์ประกอบ ซึ่งผมมองว่า ... จิตใจเรานั้นมีส่วนสำคัญที่สุดที่จะควบคุมจังหวะชีวิตของเราให้ดี
หากใจร้อนเกินไป จังหวะชีวิตของเราก็จะถูกเร่งรีบให้เดินหน้าไม่หยุดยั้ง โดยไม่สนคนรอบข้างที่ถูกเราทิ้งไว้ หรือไม่สนใจในความพร้อมของตัวเองว่าถึงเวลาหรือยัง
หากใจเย็นเกินไป จังหวะชีวิตของเราก็อาจจะเนิบช้า บางทีเราก็อาจจะเสียโอกาสดีๆ ไปให้กับคนที่เร็วกว่าก็เป็นได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ก่อนที่เราจะควบคุมจังหวะชีวิตของเรา เราก็ต้องควบคุมจิตใจของตนเองให้ดีด้วย
จริงๆ แล้วเรื่องการควบคุมจังหวะชีวิตนี่ไม่เคยมีอยู่ในความคิดของผมเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อผมได้มีโอกาสขับรถเพื่อเดินทางไปในที่แห่งหนึ่ง ก่อนหน้านั้นจังหวะในการขับรถของผมค่อนข้างเร่งรีบ เพื่อที่จะได้ไปให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด โดยไม่ฟังคำทัดทานจากคนข้างกายเลย แต่แล้วกลับมาถูกขัดจังหวะด้วยสัญญาณไฟแดง
ผมหยุดรถหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม พร้อมกับมองขึ้นบนท้องฟ้า ทันใดนั้นผมเห็นภาพภาพหนึ่ง ภาพนั้นคือสัญญาณไฟ สัญญาณที่มีผลต่อการขับรถของผม สัญญาณที่เป็นสิ่งที่ควบคุมจังหวะการวิ่งของรถ และการจราจร
“เส้นทางแห่งชีวิตก็เหมือนดั่งท้องถนน การขับรถยังต้องมีจอดหยุดพักเครื่องยนต์ ชีวิตเราก็ไม่ใช่เครื่องจักร ปลายเท้าที่เหยียบคันเร่งก็อาจจะแข็งเกร็งจนตะคริวขึ้น...”
ฉับพลันความคิดวาบปรากฏขึ้นในสมอง ...
ครับ ผมคิดโยงไประหว่างสัญญาณไฟกับจังหวะของชีวิต
สัญญาณไฟ เป็นเหมือนสัญญะที่ควบคุมจังหวะชีวิตของเราว่าเวลาไหนสมควรหยุด และเวลาไหนควรที่จะไปต่อ และชีวิตก็ไม่ต่างอะไรไปกับการขับรถ
บางทีการขับรถด้วยความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจจะทำให้ถึงที่หมายอย่างรวดเร็วกว่าคนที่ขับรถ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ขับรถช้ากว่าจะไม่ถึงที่หมายเลย
ในทางกลับกัน หากเราขับรถช้าเกินไป ก็ไม่ได้การันตีว่าจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยกว่าคนที่ขับรถเร็วกว่า หรือการที่เราขับรถช้าจนเกินไปก็อาจจะทำให้เราถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดจนพลาดอะไรบางสิ่งบางอย่าง
สิ่งที่ควบคุมให้เราถึงที่หมายตรงตามเวลาโดยปลอดภัยนั่นก็คือคันเร่ง และเบรก เราควรรู้ว่าจังหวะไหนควรผ่อน และจังหวะไหนควรเร่ง หากเส้นทางไหนอันตราย การขับรถเร็วอาจทำให้ไม่ปลอดภัย นั่นคือมูลเหตุที่ทำให้เกิดไฟจราจรขึ้นมาเพื่อควบคุมจังหวะของรถ ... รวมทั้งจังหวะของชีวิตด้วย
คาดว่าหลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “การเดินทางอย่างเร่งรีบ โดยคิดถึงแต่เพียงจุดหมายปลายทาง ก็อาจจะทำให้เราพลาดความสวยงามระหว่างทางก็เป็นได้”
และนั่นก็เฉกเช่นเดียวกันกับชีวิต การที่รีบเร่งไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง อาจทำความเดือดร้อนให้กับใครหลายคนบนถนน หรือหากช้าเกินไป ก็อาจทำให้เกิดการจราจรติดขัด
เส้นทางแห่งชีวิตก็เหมือนดั่งท้องถนน การขับรถยังต้องมีจอดหยุดพักเครื่องยนต์ ชีวิตเราก็ไม่ใช่เครื่องจักร ปลายเท้าที่เหยียบคันเร่งก็อาจจะแข็งเกร็งจนตะคริวขึ้น ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะต้องผ่อนคันเร่งชีวิต พักสายตา และพักหัวใจให้ผ่อนคลาย จอดรถชมวิวดอกไม้ข้างทาง พักกินอาหารอร่อยๆ กับเพื่อนที่รู้ใจ ชาร์ตแบตฯ ให้เต็มที่ เครื่องยนต์หายร้อนแล้วก็ค่อยเดินทางต่อก็ยังไม่สาย
หากวันไหนที่คุณรู้ตัวว่าจังหวะของชีวิตเร่งรีบแค่ไหน ... ลองหันไปถามคนข้างกายของคุณก็ได้ครับ ว่าเขาเหนื่อยหรือยัง หรือหิวอะไรบ้างหรือเปล่า
ไม่ต้องรอคำตอบจากคนข้างกาย ณ ตอนนี้ผมได้เลี้ยวรถเข้าข้างทาง เพื่อหาอะไรอร่อยๆ ทานแล้วล่ะครับ...
เรื่อง : PicStory
ภาพ : PicStory
โฆษณา