20 เม.ย. 2020 เวลา 17:21 • ไลฟ์สไตล์
กาลครั้งหนึ่ง…ประสบการณ์และบาดแผลของนักศึกษาฝึกงาน
ตอนที่เราใกล้เรียนจบ ทางมหาวิทยาลัยจะต้องให้เราไปฝึกงาน สะสมประการณ์ในสายที่เราเรียนมา…
คุณเคยเจอประสบการณ์อะไรที่เป็นความประทับ และฝั่งใจ จนยากที่จะลืมเลือนบ้างไหม?
และนี่คือ เรื่องราวของหญิงสาวนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง ที่ทำให้เธอกลัวการเชื่อใจและกลัวการสัมผัส แตะเนื้อ ต้องตัวโดยเฉพาะผู้ชาย
ภาพ Gordon Johnson by Pixabay
ในช่วงปีสามของนักศึกษา ทุกคนจะต้องไปฝึกงานตามที่ต่าง ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สัมผัสชีวิตคนทำงาน … มีหญิงสาวคนหนึ่ง เธอชื่อว่า พลอย เธอเลือกที่จะฝึกงานต่างจากเพื่อน ๆ ในสาขา เพราะเธอมีเป้าหมายว่าหลังเรียนจบจะกลับไปช่วยธุรกิจทางบ้าน ถ้าเราได้ฝึกงานที่บริษัทนี้ เธอก็จะได้ใช้ประสบการณ์กลับไปช่วยทางบ้านได้ พลอยจึงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฝึกงานในบริษัทแห่งนี้ เป็นเวลา 1 เดือน
บริษัทที่พลอยฝึกเป็นบริษัทลูก ของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศ ที่มีพนักงานอยู่ประมาณ 30 คน ส่วนคนในแผนกที่พลอยมีอยู่ประมาณ 2 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด เป็นหัวหน้าแผนกและผู้ช่วยหัวหน้าแผนก ผู้ช่วยแผนกชื่อ เรียม จะค่อยดูแลและสอนงานพลอย คน ๆ นี้แหละที่ทำให้พลอยเจอกับเรื่องราวเลวร้ายและเป็นบาดแผลฝังใจจนถึงปัจจุบัน
พลอย ด้วยความที่เป็นเด็กผู้หญิงใสซื่อ จริงใจและยิ้มแย้ม เป็นมิตรกับทุกคน ยิ่งพอรู้ว่าเรียมเป็นคนภาคเดียวกัน จึงสนิทเร็วกว่าคนอื่น ๆ ในบริษัท เพราะคุยภาษาเดียวกัน ทุก ๆ อย่างดำเนินไปอย่างปกติ พลอยสนุกกับงาน ทุกคนในบริษัทก็เป็นมิตรกับเธอ
เวลาผ่านไปจนถึงวันสุดสัปดาห์แรกของการฝึกงาน…
ระหว่างที่พลอยนั่งทำงานอยู่ในห้อง ที่ได้รับมอบหมายมาจากบริษัท เสียงไลน์เด้งขึ้นมา
‘สวัสดี ทำอะไรอยู่’ พี่เรียม ทักมาหาพลอยเป็นครั้งแรก สงสัยคงจะมาถามเรื่องงาน ในใจของหญิงสาวคิดเช่นนั้น
ใช่! พี่เขาทักมาถามเรื่องงาน พลอยเลยได้โอกาสถามในส่วนที่เธอไม่ค่อยเข้าใจ และเหมือนว่าพลอยยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ พี่เรียมที่วันนี้ออกมาทำงานที่บริษัทเลยถือโอกาสหลังเลิกงานจะมาช่วยดูงานให้ พลอยตอบด้วยความดีใจและขอบคุณ พี่เรียมเลยถือโอกาสนี่เลี้ยงต้อนรับพลอยก่อนเลย ว่าจะพาไปกินร้านอาหารแห่งหนึ่ง พลอยก็ตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไร
พี่เรียมจะมารับพลอยประมาณสี่โมงเย็น หน้าที่พักของเธอ
ระหว่างนั้น เราก็คุยกันสัพเพเหระ พี่เรียมโชว์รูปลูกเด็กผู้หญิงวัยกำลังน่ารักน่าเอ็นดูให้พลอยดู น่าจะอายุประมาณ 5 ขวบ พี่เขาเริ่มถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวมากขึ้น ว่ามีแฟนรึยัง อยู่คนเดียวเหงาไหม ที่พักให้ผู้ชายขึ้นไปได้ไหม ห้องสบายไหม พลอยยังไม่เอะใจกับคำถามเหล่านั้น คงคิดว่าพี่เขาเป็นห่วง
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบ สี่โมงกว่า พี่เรียมยังไม่มา ห้าโมงก็แล้ว หกโมงก็แล้ว พลอยเลยโทรถามว่าตอนนี้อยู่ไหน พี่เรียมบอกเพียงว่าใกล้ถึงแล้ว จนเวลาเกือบทุ่ม พี่เรียมพึ่งมาถึง มันค่ำจนแทบไม่เห็นแสง พลอยเริ่มเอ๊ะใจอยู่เล็ก ๆ ว่าทำไมถึงมาป่านนี้
พลอยเปิดงานให้พี่เรียมดู เขาดูไม่ถึง 5 นาที แล้วบอกว่าแก้แบบผ่าน ๆ ให้ค่อยไปแก้วันจันทร์ก็ได้
‘เอ้า’ ในใจของพลอยตอนนั้นคิดได้แค่นั้น แล้วขึ้นรถไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารที่พี่เรียมบอกว่าอร่อย
ร้านอาหารที่พี่เรียมแนะนำ เป็นร้านอาหารธรรมดา ที่ใช้จัดงาน กินเลี้ยงสังสรรค์ นั่งดื่ม มีดนตรีสดบรรเลง อาหารถือว่าอร่อย
มันเริ่มแปลก…
ทันทีที่มาถึงพี่เรียมสั่งเบียร์และสั่งไวน์ ซึ่งนั่งฝั่งเดียวกับพลอย แทนที่จะนั่งคนละฝั่ง นั่งเข้ามาชิดพลอย ใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เฮฮา อารมณ์ดีจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
พลอยนั่งกินอาหาร ฟังดนตรี พยายามไม่สนใจ ส่วนพี่เรียมดื่มเบียร์ไปหลายขวด เวลาผ่านไปนานสองนาน
ในใจพลอยเริ่มกังวลและกลัว จากปฏิกิริยาที่แสดงออกมา ราวกับว่าพลอยเป็นของของเขา ทุกสายตาจับจ้องมาที่โต๊ะของเราสองคนเพราะพี่เรียมเสียงดังและขอเพลงกับนักร้อง จนเวลาผ่านไปเกือบ 4 ทุ่ม มันดึกมาก จนอยากกลับบ้าน พลอยอยากกลับตั้งแต่สองทุ่มแล้ว แต่พี่เรียมขออยู่ต่ออีกสักพัก สั่งเบียร์มาเพิ่ม จนเกือบ 5 ทุ่ม พี่เรียมถึงจะกลับ
พลอยรู้สึกโล่งใจที่ได้กลับสักที แต่ความกลัวก็ยังคงอยู่ในใจ ระหว่างทางกลับ พี่เรียมเกิดจอดรถระหว่างทาง ปวดห้องน้ำไปทำธุระใต้ต้นไม้ นิสัย สันดารของผู้ชายหลังดื่มแอลกอฮอล์เริ่มออกมา พูดมาก อารมณ์ดีกว่าปกติ และ ใจกล้า
ก่อนหน้านั้น ก่อนที่จะมาร้านอาหารพี่เรียมถามพลอยว่า หลังกินอะไรเสร็จไปคาราโอเกะกันไหม พลอยก็ตอบไปว่า ได้ค่ะ เธอคิดว่า คงไปร้องเพลงตามห้าง เหมือนตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหลังสอบเสร็จก็ไปร้องเพลงกัน แต่พออยู่ในสถานะการณ์แบบนี้ ห้าทุ่มกว่าแล้ว ห้างก็ปิดแล้วจะมีคาราโอแกะที่ไหนเปิด ไม่ใช่ห้างใหญ่ ๆ ตามตัวเมืองใหญ่ ๆ ที่เปิด 24 ชั่วโมง คาราโอเกะที่ว่าคงเป็นคนละอย่างกับที่เธอคิดแล้วแหละ พลอยคิดในใจ
หลังพี่เรียมกลับมาขึ้นรถ หลังทำธุระเสร็จ ก็ถามว่าจะไปคาราโอเกะต่อไหม พลอยปฏิเสธไปว่า ดึกแล้ว ง่วงนอน
พี่เรียมก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ยังไม่ออกรถ แล้วพี่เรียมพูดขึ้นมาว่า
“ขอมือหน่อย” พลอยสงสัยกับคำถามที่เกิดขึ้น แต่ก็แบมือให้ไป คิดในแง่ดีว่า คงอยากดูดวงให้ล่ะมั้ง
แต่…ไม่ใช่! พี่เรียมจับมือพลอยขึ้นมาหอม เธอตกลงรีบสะบัดมือออก และไม่รู้ว่า มือที่สะบัดไปนั้น ตบหน้าพี่เขา พลอยอยู่ในอาการหวาดกลัว ตกใจ พยายามมีสติ ดึงสติกลับมาให้มาที่สุด มองไปพื้นที่รอบ ๆ มันช่างเงียบสงัดและไม่มีรถผ่านไปมาสักคน
พี่เรียมเริ่มถามว่า
“พลอยตบหน้าพี่ทำไม”
เธอตอบกลับไปว่า “แล้วพี่มาหอมมือพลอยทำไม” ระหว่างนั้นพี่เรียมก็ขับรถออกไป
“ทำไม หอมไม่ได้” พี่เรียมพูด
“อ้าว ก็มันไม่สมควร เราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่มีลูกมีภรรยาแล้ว จะทำแบบนี้ไม่ได้” พลอยพูดอย่างใจเย็น และมีสติที่สุด ด้วยน้ำเสียงเรียบไม่ใช้อารมณ์ กลัวว่าถ้าเธอแสดงท่าทีต่อต้าน โมโห เรื่องอาจจะบานปลายไปกว่านี้
“ทำไมล่ะ ก็ในละครทำได้ พี่ก็ทำได้สิ รู้ไหมพลอยตบพี่ พี่เจ็บมากน่ะ โดนจมูกเต็ม ๆ ”
“ขอโทษค่ะ พลอยไม่ได้ตั้งใจ”
“แล้วว่าไง ให้พี่หอมได้ไหม” พี่เรียมเริ่มพูดลามปาม เถียงคำไม่ตกฟาก แม้อธิบายเหตุผลว่ามันไม่สมควร ก็ไม่ฟัง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง พลอยพยายามอธิบายเหตุผลมาตลอดทาง
“ว่าพี่มีลูก มีภรรยาอยู่แล้ว แล้วพลอยเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง เห็นพี่เป็นแค่พี่คนหนึ่งที่คอยสอนงานเท่านั้น” พี่เรียมไม่ยอมฟังเหตุผล
จนผ่านไปสักพัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เป็นสายของแฟนพี่เรียม โทรมาถามว่า อยู่ไหน กับอะไรอยู่
แต่…
พี่เรียมตอบว่า กำลังจะกลับแล้ว เตะฟุตบอลอยู่ และให้ดรีมนั่งอยู่เงียบ ๆ
มันใช่ที่ไหนกัน!
การที่แฟนพี่เรียมโทรมา ถือว่าโชคดี คิดว่าคงทำให้พี่เรียมดึงสติ รีบกลับบ้าน
แม้ว่าแฟนพี่เรียมจะโทรตามพี่เรียม แต่ระหว่างขับรถไปส่งพลอย ก็ยังวนอยู่ที่คำถามเดิม ๆ
‘พี่หอมได้ไหม ทำไมล่ะ ในละครยังทำได้เลย’
จนถึงซอยที่พักของพลอย อยู่ ๆ พี่เรียมก็จอดรถ แล้วถามว่า
“สุดท้ายแล้วเนี่ย ถึงที่พักแล้ว พี่หอมพลอยได้ไหม”
“ไม่ค่ะ” พลอยตอบด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ
แล้วพี่เรียมก็ขับรถไปส่งถึงหน้าที่พัก
พลอยรีบลง รีบเก็บของออกจากรถทันที รีบวิ่งไปเปิดประตูแสกนบัตรแล้วปิดทันที กลัวว่าพี่เรียมจะตามมา
พลอยกลับถึงห้องอยู่ในลักษณะอาการที่หวาดกลัว ไม่กล้าที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง หัวใจเต้นแรง สั่นไปทั้งตัว ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ มันน่ากลัวเหลือเกิน นี่มันเกือบเที่ยงคืนแล้ว พลอยอาบน้ำ และรีบนอน
เช้ารุ่งขึ้น พลอยยังคิดว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังดี เธอยังเก็บตัวเงียบ ใช้ความคิด ทบทวนอยู่คนเดียว พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงานเจอกับพี่เรียมจะคุยกันยังไงดี พี่เขาเป็นคนดูแลเราด้วย จนถึงเที่ยง พี่เรียมก็ทักมาว่า
ที่พลอยตบหน้าเขาเมื่อวานมันยังเจ็บอยู่เลย เธอก็ขอโทษ และตัดสินใจที่จะพิมพ์คำพูดที่แรง ๆ ออกไป เพราะเหมือนพี่เรียมจะยังไม่เลิกตอแยเธอ
แล้วคำพูดแรง ๆ แบบไหนที่จะทำให้พี่เขาหยุด เธอเอาคำพูดของตัวร้ายในละครมาใช้ แน่นอนว่า มันได้ผล มันทำใหพี่เขาหยุดตอแยเธอ และพูดตอกกลับพลอยประโยคหนึ่งว่า “ที่แท้ นิสัยเป็นแบบนี้เองเหรอ” ประมาณนี้ มันทำให้เธอรู้สึกเบาใจไประดับหนึ่ง แต่ไม่ที่สุด
พลอยตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนอีกคนหนึ่งฟังและแม่ ทั้งสองต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าน่ากลัว และแม่ก็บอกให้พลอยเลิกฝึกงานดีไหม
ใจหนึ่งเธออยากกลับ อยากเลิก แต่ถ้าเธอกลับตอนนี้คงเป็นเรื่องใหญ่และกระทบกับหลาย ๆ ฝ่าย และถ้าพ่อพลอยรู้เรื่องนี้ คงได้บุกมาถึงบริษัทแน่ ๆ
พลอยตัดสินใจว่าจะฝึกจนกว่าจะจบ และได้บอกเรื่องนี้กับหัวหน้าแผนกที่พลอยให้ช่วยดูแล
เช้ารุ่งวันทำงาน… พลอยมาทำงานตามปกติ และพี่ที่เป็นหัวหน้าแผนกที่รู้เรื่องนี้ ก็คอยดูอยู่ตลอด เธอจึงค่อยวางให้ และพลอยเองก็ไม่พยายามอยู่กับพี่เรียมสองต่อสอง
ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี จนฝึกงานจบ นักศึกษาฝึกงานคนนี้ เธอได้ทั้งมิตร ประสบการณ์ดี ๆ และบทเรียนจากเรื่องราวคราวนี้เยอะแยะมากมาย ๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์นั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจพลอยอย่างมาก
แม้เรื่องราวจะผ่านมาหลายปี…แต่
บาดแผลครั้งนั้น ทำให้เธอ กลัว…การเชื่อใจ ไว้ใจ เพราะ ณ เวลานั้น ที่ยังไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก เธอคิดเพียงว่า ผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ มีลูก มีภรรยา คงไม่ทำเรื่องแบบนี้
บาดแผลครั้งนั้น ทำให้เธอ กลัว…การอยู่ในที่ ๆ เบียดเสียด แออัด หลีกเลี่ยงการเบียดเสียด หรืออยู่กับผู้ชายสองต่อสอง หรืออยู่ที่ที่มีผู้ชายเยอะ ๆ นอกจากจะมีเพื่อนสนิทด้วยอยู่ใกล้ๆ
บาดแผลครั้งนั้น ทำให้เธอ กลัว…การแตะเนื้อต้องตัวไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชาย หรือกับคนที่เธอไม่สนิทมากขึ้นกว่าเดิม
แต่…อย่างน้อย ๆ เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น แข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะจิตใจ ไม่ทำให้เธอจิตตก ถึงขึ้นซึมเศร้า เบื่ออาหาร หวาดระแวง จนถึงขั้นทำร้ายชีวิตตัวเอง
สิ่งสำคัญที่สุด คือ สติ! ใจเย็น และความโชคดี จากบุญวาสนาที่มีอยู่ นี่คงเป็นกรรมหนึ่งจากชาติใดชาติหนึ่ง ที่ทำให้เรามาเจอกันและจากกันด้วยดี
ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวไม่ว่าจะทำอะไร ตั้งสติ ใจเย็น อย่าให้อารมณ์เป็นใหญ่ ทำตัวเองให้เข้มแข็ง เรื่องทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ใช้เวลาเป็นตัวรักษาเยียวยา
🌱…กาลครั้งหนึ่ง…🍂
นำมาจากเรื่องจริง ขอบคุณพลอย ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์และบทเรียนแสนสำคัญ
โฆษณา