21 เม.ย. 2020 เวลา 12:08 • กีฬา
[ คืนชีพสาลิกาดง ] สโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในมือเจ้าของคนใหม่กับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
หลังจากการบริหารงานโดยเจ้าของทีมอย่าง ไมค์ แอชลีย์ เศรษฐีชาวอังกฤษ ตลอดระยะเวลา 13 ปี ท่ามกลางความทุกข์ตรมระทมใจของแฟนบอล "ทูนอาร์มี่" ที่มองว่าที่ผ่านมาการเข้ามาทำทีมของเศรษฐีขี้งกคนนี้ เข้ามาเพื่อหวังผลกำไรเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากความรู้ทางด้านฟุตบอล และ ความรักที่มีต่อฟุตบอลและสโมสร จะเห็นได้จากผลงาน 13 ปีที่ผ่านมา สโมสรต้องตกชั้นถึง 2 ครั้ง และยังต้องดิ้นรนหนีตกชั้นอยู่หลายฤดูกาล โดยแฟนบอลส่วนใหญ่มีความรู้สึก ไร้ซึ่งความทะเยอทะยานจากเจ้าของทีม คิดแค่เพียงจะอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ในแต่ละฤดูกาลอย่างไรโดยใช้เงินให้น้อยที่สุด
ไมค์ แอชลีย์ ที่แฟนบอล รู้สึกดีใจกว่าการได้เจ้าของทีมคนใหม่ คือการที่ไม่ต้องมีชายคนนี้เป็นเจ้าของสโมสรอีกต่อไป
มาวันนี้ ทีมที่มีฉายา "สาลิกาดง" หรือฉายาในภาษาอังกฤษ The Magpie (ชื่อนกชนิดหนึ่งที่มีลายสีขาวดำเหมือนสีประจำสโมสร) ท่ามกลางความหวังของแฟนบอล กำลังจะได้เจ้าของทีมคนใหม่เป็นกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางอย่าง "ซาอุดิอาราเบีย พับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์" โดยมีเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย บริหาร ผู้ที่เคยเป็นข่าวให้ความสนใจต้องการจะซื้อทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะมาลงเอยที่ สโมสรนิวคาสเซิล ด้วยมูลค่า 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,000 ล้านบาท) ซึ่งราคานี้ น้อยกว่าทีมปีศาจแดงอยู่ถึง 10 เท่า อีกทั้งความเขี้ยวของกลุ่มเจ้าของทีมแมนฯยูฯ อย่างครอบครัวเกลเซอร์ ทำให้การเจรจาไม่มีความคืบหน้า ก่อนที่จะเลิกสนใจและมาลงเอยที่นิวคาสเซิล
สโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด คือหนึ่งในทีมฟุตบอลที่เก่าแก่อีกทีมหนึ่งในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่เมืองนิวคาสเซิลอะพอนไทน์ มีประวัติศาสตร์ และตำนานนักเตะชื่อดังหลายๆคนที่เคยมาค้าแข้งที่นี่ มีสนามที่ใหญ่และทันสมัย มีแฟนบอลที่พร้อมสนับสนุนทีม คือ พูดง่ายๆว่า เป็นทีมที่พร้อมจะกลายเป็นทีมท้อปในประเทศได้อย่างสบายเลย เพราะถ้าหากให้เปรียบเทียบกับแมนฯ ซิตี้ ก่อนที่จะถูกเทคโอเวอร์แล้ว นิวคาสเซิล ยังดูดีมีประวัติศาสตร์ กว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ที่ผ่านมาทีมขาดการสนับสนุนงบประมาณ และการบริหาร ซึ่งเป็นปัญหาตลอดการเป็นเจ้าของทีม อย่างไมค์ แอชลีย์
สเน่ห์ ของสโมสรนิวคาสเซิล คือการที่เคยมีตำนานนักเตะชื่อดังมากมายหลายคน ที่เคยเล่นให้กับทีม
วันที่แฟนบอลเฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงนี้ ในตอนแรกแฟนบอลคงไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าของทีมคนใหม่จะต้องรวยอะไรมาก ขอแค่ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ ไมค์ แอชลีย์ ก็พอ แต่การที่ได้เจ้าของทีมที่รวยที่สุดในลีก (รวยกว่าเจ้าของแมนฯ ซิตี้ 10 เท่า) ทำให้แฟนบอล ทูนอาร์มี่ มีความหวังจะได้เห็นทีมรักได้แชมป์ลีกสักครั้งในช่วงชีวิตที่เชียร์ทีม
ซึ่งก่อนหน้านี้มีเศรษฐีหลายต่อหลายคนที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอล ก่อนที่จะสร้างมูลค่าจากทีมธรรมดาๆ กลายเป็นทีมชั้นนำในยุโรบอยู่หลายทีม กลุ่มทุนจากตะวันออกกลาง ก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้มี กลุ่มทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) กลุ่มทุนจากกาตาร์(ปารีส แซงต์แชร์ แม็ง) และล่าสุด กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย ที่ปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านมาครองความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอยู่นานหลายปี ถึงเวลาของซาอุดีอาระเบียแล้วด้วยการเข้ามาพานิวคาสเซิล ท้าทายความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ลีก และในยุโรบในช่วงเวลาต่อจากนี้
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย
เงินซื้อความสำเร็จได้จริงหรือ?
แน่นอนไม่ใช่ทุกทีมที่มีเจ้าของรวยแล้วจะประสบความเร็จได้ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้ ทีมอย่าง ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ และ ฟูแล่ม ก็เคยมีเจ้าของทีมที่รวยมากเข้ามาเทคโอเวอร์ สโมสร แต่ปัจจุบันทีมเหล่านี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อยู่เลย
1
เมื่อมีทีมล้มเหลว ก็มีทีมที่ประสบความสําเร็จถึงขั้นก้าวไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เช่นกัน ลีกที่ได้ขึ้นชื่อว่าหินที่สุดในโลก เป็นลีกที่มีทีมที่พร้อมจะท้าชิงแชมป์ไม่ต่ำกว่า 5-6 ทีมในแต่ละฤดูกาล แต่ก็มีถึงสามทีมที่ก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากการเข้ามาเทคโอเวอร์ ของเจ้าของทีมคนใหม่
ในปี 2003 โรมัน อับราโมวิช เข้ามาซื้อสโมสรเชลซี ก่อนจะใช้เวลาสร้างทีมและพาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ในรอบ 50 ปีของสโมสร ในฤดูกาล 2004-05 โดยทีมสิงห์บลูส์ ของเสี่ยหมี ใช้เวลาแค่ฤดูกาลที่ 2 เท่านั้นก็พาทีมประสบความสำเร็จได้แล้ว
จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของเชลซี คือการดึงตัวโชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาเมื่อปี 2004
ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2008 ก่อนจะเสกให้ ทีมเรือใบสีฟ้า เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ในฤดูกาล ที่ 3 หลังจากการเทคโอเวอร์ ซึ่งหากยังจำกันได้ในฤดูกาล 2011-12 ที่เบียดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล สุดดราม่า จากประตูชัยในช่วงทดเวลา ของ กุน อเกวโร่
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการนำเข้าผู้เล่นชื่อดังเข้ามาสู่ทีม ก่อนที่จะกลายเป็นทีมชั้นนำในยุโรบ ในปัจจุบัน
กลุ่มทุน คิงส์พาวเวอร์ จากประเทศไทย ที่ในเวลานั้นนำทัพโดย คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เข้าเทคโอเวอร์ สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ในปี 2010 ก่อนจะใช้เวลา 5 ฤดูกาล สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2015-16 มาครองได้
ซึ่งเลสเตอร์ซิตี้ จะแตกต่างจาก เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ ที่สร้างทีมด้วยการทุ่มเงินซื้อนักเตะชื่อดัง และกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ในเวลาที่รวดเร็ว เพราะตั้งแต่การเข้ามาเทคโอเวอร์ ทีมสุนัขจิ้งจอก ก็ยังไม่ได้ทุ่มเงินมหาศาลในการซื้อตัวนักเตะ และยังเป็นแค่ทีมท้ายตาราง ใช้เวลาไปกับการลุ้นหนีตกชั้นอยู่แทบจะทุกฤดูกาล โดยในฤดูกาลที่พวกเขาได้แชมป์ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นทีมลุ้นแชมป์แต่อย่างใด อัตราต่อรองการเป็นแชมป์ อยู่ที่ 5000 ต่อ 1 (แทง 1 ได้ 5000) โดยบริษัทพนันอย่างถูกกฎหมาย ก่อนที่ทีมจะสร้างปาฏิหารย์เป็นแชมป์ลีกได้ในรอบ 125 ปีของสโมสรมาครองอย่างยิ่งใหญ่ ต้องให้เครดิตทีมบริหาร ในการใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพสุดๆ
เลสเตอร์ ซิตี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินจำนวนมากในการซื้อนักเตะ ก็สามารถเป็นแชมป์ได้
แล้วทำไม นิวคาสเซิล จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่ได้ล่ะ ด้วย เชลซี และ แมนฯ ซีตี้ โมเดล หรือ เลสเตอร์ โมเดล พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทีมที่มีทุนหนาและการบริหารที่ดี ก็พร้อมที่จะประสบความสําเร็จได้ ในฟุตบอลยุคนี้ หากแฟนบอลจะคาดหวังว่าทีมจะก้าวขึ้นมาเป็นทีมท้อปในลีกและมีลุ้นแชมป์ทุกๆปีต่อจากนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริง
โปรเจคต่อจากนี้ของทีม "สาลิกาดง"
สิ่งแรกที่เจ้าของทีมคนใหม่ต้องทำก่อนจะออกรบ คือการหาแม่ทัพ ปัจจุบันทีมใช้ สตีป บรูซ เป็นกุนซือ ซึ่งดีกรีการเป็นอดีตนักเตะที่ประสบความสำเร็จข้อนี้คงไม่มีใครเถียง แต่ดีกรีด้านการเป็นโค้ชฟุตบอล ซึ่งที่ผ่านมาถนัดในการพาทีมหนีตกชั้น ที่ ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของทีมคนเก่าเลือกมาคุมทีม ก็โดนแฟนบอลด่าไปแล้ว ว่า "มึงไม่คิดจะทำทีมให้ดีกว่าการหนีตกชั้นแต่ละปีๆ บ้างหรอว่ะ ไอ้อ้วน" (อันนี้ยกเอาการให้สัมภาษณ์ของแฟนบอลต่างประเทศมาน่ะครับ 😂) เพราะฉะนั้น สตีฟ บรูซ จึงไม่ใช่คำตอบกุนซือที่จะพาทีมประสบความสำเร็จได้ และหากต้องเลือกคนที่จะมานำทัพมีใครบ้างที่เป็นตัวเต็ง
เต็งหนึ่ง มัสซิมีเลียโน่ อัลเลกรี
อดีตกุนซือ ยูเวนตุส ที่กำลังว่างงานอยู่ในปัจจุบัน ด้วยประสบการณ์ในการพา ยูเว่ ครองความยิ่งใหญ่ บวกกับการปกครองบรรดาซุปเปอร์สตาร์ ในทีมได้เป็นอย่างดี นี่จึงเป็นกุนซือที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะพาทีมประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว
เต็งสอง เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่
เป็นกุนซือฝีมือดีอีกคนที่กำลังว่างงานอยู่ในเวลานี้ แม้ว่าตลอดการคุมทีมของเจ้าตัวจะยังไม่มีถ้วยรางวัลใดเลยก็ตาม แต่ด้วยฝีมือการทำทีม ปอเช็ตติโน่ ได้รับการยอมรับว่านี่คือโค้ชคุณภาพคนหนึ่งในยุคนี้ หากทีมต้องการประสบการณ์การทำทีมในเวทีพรีเมียร์ลีก ปอเช็ตติโน่ คือคำตอบ
เต็งสาม ราฟาเอล เบนิเตซ
ปัจจุบันคุมทีม ต้าเหลียนยี่ฟาง ในไชนีส ซูเปอร์ลีก ของจีน ด้วยประสบการณ์การทำทีมที่โชกโชน ทั้งในเวทีพรีเมียร์ลีก และ เวทียุโรบ อีกทั้งยังเคยเป็นผู้จัดการทีมของนิวคาสเซิลมาก่อน ทำให้ชื่อของ เบนิเตซ ถูกจัดในตัวเต็งที่จะเข้ามาเป็นแม่ทัพให้กับทีมด้วย
ทีมในฝันของแฟนบอล ทูนอาร์มี่ 😁
โฆษณา