21 เม.ย. 2020 เวลา 04:47 • ประวัติศาสตร์
หอกศักดิ์สิทธิ์ อาวุธวิเศษ"
อาวุธวิเศษหรือของวิเศษในโลกนี้ที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดตามตำนาน และถูกเอามาสร้างเป็นหนังต่างประเทศเกี่ยวกับการตามหาของเหล่านี้ มีด้วยกันมากมายหลายอย่าง 1 ในนั้นที่เราจะมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ คือ "หอกศักดิ์สิทธิ์" หอกตามตำนานที่ใช้แทงสีข้างของพระเยซู"
ทวนศักดิ์สิทธิ์ (อังกฤษ: Holy Lance; เยอรมัน:Heilige Lanze), หอกศักดิ์สิทธิ์ (อังกฤษ: Holy Spear), ทวนลอนไจนัส (อังกฤษ: Lance of Longinus), หรือ หอกพระชะตา (อังกฤษ: Spear of Destiny) เป็นทวนที่ใช้แทงสีข้างพระเยซูขณะที่พระองค์ถูกตรึงกางเขน เพื่อตรวจว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้วหรือยัง ตามที่ระบุไว้ในพระวรสารนักบุญยอห์น มีศาสนจักรและอารามมากมายในโลกที่อ้างว่าตนเองมีทวนเล่มนี้ไว้ในครอบครอง แต่ก็ไม่มีการพิสูจน์และตรวจสอบใด ๆ จนถึงทุกวันนี้ ในบรรดาทวนทั้งหมดที่มีการอ้าง มีเพียง 3 เล่มเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดว่า เล่มใดเล่มหนึ่งอาจเป็นทวนศักดิ์สิทธิ์ของจริง ทวนเล่มแรกอยู่ที่วาติกัน เล่มสองอยู่อาร์มีเนีย เล่มสามอยู่เวียนนา
แม้ตำนานจะไม่ได้ระบุว่าทวนเล่มนี้มีพลังอานุภาพเหนือธรรมชาติใด ๆ แต่ผู้คนมากมายก็เชื่อว่าทวนเล่มนี้จะทำให้ผู้ครอบครองมีพลังอำนาจเกรียงไกร ดังนั้นทวนจึงเป็นที่หมายปองของบรรดาผู้นำประเทศในอดีต เช่น ใน ค.ศ. 1796 นายพล นโปเลียน โบนาปาร์ต ปิดล้อมเมืองเนือร์นแบร์ก เพื่อหวังรู้ที่ซ่อนของทวน หรือใน ค.ศ.1938 เมื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ยึดออสเตรียได้ เขาได้ยึดและนำเอาทวนศักดิ์สิทธิ์กลับไปยังเนือร์นแบร์กเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่จักรวรรดิไรซ์ที่สาม แต่หลังสงคราม นาซีเยอรมันได้ล่มสลาย และฮิตเลอร์ได้กระทำอัตวินิบาตกรรม กองทัพสหรัฐพบทวนลอนไจนัสและนำกลับคืนกรุงเวียนนา ทวนลอนไจนัสจึงเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประเทศออสเตรียตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบัน
บ้างเรียกว่า Spear of Destiny หอกแห่งโชคชะตา trash.gif
หอกลองจินุส(Lance of Longinus)/หอกศักดิ์สิทธิ์( Holy lance )หรือที่รู้จักกันดีในนามของหอกแห่งโชคชะตา ( Spear of Destiny ) ล่าสุดที่คุ้นๆคงมาจากหนังเรื่อง คอนสแตนติน Constantine แต่ผมขอเล่าในแง่มุมประวัติศาสตร์นะครับ
หอกลองจินุสนี้ได้ถูกส่งผ่านผู้ครอบครองมาหลายชั่วอายุคน ส่งต่อผ่านผู้ครอบครองมาหลายชั่วอายุคน ผ่านจากราชวงศ์หนึ่งไปสู่ราชวงศ์หนึ่งเป็นทอดๆ เชื่อกันว่าหอกอันนี้มีอำนาจวิเศษ เป็นสัญลักษณ์ของการได้สิทธิอำนาจครอบครองและความยิ่งใหญ่ผ่านทางพระหัตถ์พระเจ้า การทรมานและตรึงกางเขนของพระเยซูก่อให้เกิด หอกแห่งโชคชะตา นายทหารโรมันชื่อ กาลิอัส คาสเซียส ลองจินุส ( Gaius Cassius Longinus ) ซึ่งมีอาการตาใกล้บอด ได้รับหน้าที่ตรึงกางเขนพระเยซู ได้ใช้หอกแทงสีข้างพระเยซู ทำให้เลือดไหลพุ่งมาที่หน้าและตาของเขา ปฏิหารย์เกิดขึ้นทำให้ตาหายบอดเกิดศรัทธาจนออกจากกองทัพและบวชเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ หลังจากนั้นถูกทรมานโดยโรมันจนเสียชีวิตและกลายเป็นนักบุญในที่สุด เชื่อว่าผู้ที่ครอบครองหอกลองจินุสมี กษัตริย์เฮรอด ( Herod the Great , King of Judea 73 BC-4BC )กษัตริย์จากอิยิปต์ มอริส ( Maurice the Manichean ) ครอบครองจากจักรพรรดิ์แมกซิเมียน( Emperor Maximian) ครอบครองตั้งแต่ปี 306 จนเสียชีวิต คอนสแตนติน กษัตริย์โรมัน (Constantine the Great 275 -337) นำมันไปสู่ชัยชนะในการต่อสู้ที่สะพานมิลเวียน ( Milvian Bridge ) และตอนก่อตั้งกรุงคอนสแตนติโนเปิล ) ทีโอโดเซีย (Theodosius ) , Alaric , ทีโอดอริก (Theodoric ) ซึ่งเป็นผู้ต่อสู้เดียวกับ อัลติลา( Attila the Hun) , จัสติเนียน ( Justinian ) , ชารส์ มาเทล Charles Martel , ชาลเลอมาน(Charlemagne the Great 771-814 ) ถือครองหอกนี้สู้ศึก 47 ครั้งสุดท้ายเสียชีวิตเพราะทำตกโดยอุบัติเหตุ
ทวนศักดิ์สิทธิ์ในเอ็คชเมียดซิน อาร์มีเนีย
ทวนศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเวียนนา ออสเตรีย ตามตำนานถูกเติมแต่ง 4 ครั้งจนมีลักษณะแบบปัจจุบัน
ภาพสเก็ตทวนศักดิ์สิทธิ์ในนครรัฐวาติกัน
ที่มาhttp://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3749200/K3749200.html
โฆษณา