22 เม.ย. 2020 เวลา 02:56 • กีฬา
#ปิปโป้ตำนานไนกี้ไม่มีสวูช
หลังจบฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ดาวยิงจากค่ายปีศาจแดง ในเวลานั้นกลับมายังถิ่นซาน ซีโร่ โดยทำประตูไม่ได้เลยก็แน่ละในทีมชุดนั้นมีทั้ง วิเอรี่, เดล ปิเอโร่ รวมทั้งต๊อตติ แถมปิปโป้ยังได้โอกาสลงสนามทั้งทัวร์นาเมนต์แค่ 46 นาที เวลานั้นเป็นช่วงที่เขาหมดสัญญากับไนกี้พอดีและยังไม่ได้มีสัญญากับแบรนด์อื่นๆ
แมตช์วอร์นของ อินซากี้ ที่ใช้ในครึ่งฤดูกาลแรกในกัลโช่ เซเรีย อา 2002/03 รวมทั้งใส่ลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จึงหน้าตาแปลกๆ เป็นรองเท้าดำล้วนชวนสงสัย และหนึ่งในเกมที่อินซากี้ สวมรองเท้าสีดำโล้นๆ ซึ่งบางคนอาจจะดูออกว่ามันคือไนกี้ เทียมโป้ พรีเมียร์ ที่เอาโลโก้สวูชด้านข้างออกเท่านั้น โดยฝีมือของคิทแมนที่ดูแลอุปกรณ์ปีศาจแดงดำในเวลานั้น
บังเอิญปิปโป้ใส่มันและทำแฮตทริกแรกในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จเกมนั้นเกิดขึ้นที่ ริอาซอร์ รังเหย้าของ ซูเปอร์เดปอร์ ที่ มิลานบุกชนะ 4-0 เมื่อ 24 ก.ย. 2002 หลังจากนั้นเจ้าตัวเริ่มคุยสัญญากับสปอนเซอร์ใหม่อย่างเดียดอร่า ซึ่งระหว่างที่คุยสัญญาทางแบรนด์ดังเมืองมะกะโรนี ก็ขอให้เขาปิดบังแถบสีขาวที่ลิ้นให้เป็นสีดำเพิ่มเพราะเอกลักษณ์ของเทียมโป้ พรีเมียร์ชัดเจนมากใครเห็นก็รู้ทาง อินซากี้ ก็จัดการให้โดยคิทแมนคนเดียวจนแถบขาวที่ลิ้นเกือบจะเป็นสีดำ
หลังเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแต่ อินซากี้ ไม่อยากเปลี่ยนรองเท้าและต้องการให้ คิทแมนของเอซี มิลาน แปลงรองเท้าของเขาจาก สวูช เป็นโลโก้ของเดียดอร่า ด้วยการติดโลโก้เข้าไปแทนเพราะ อินซากี้ เป็นผู้เล่นที่เชื่อโชคลางมากๆ ดังนั้นช่วงแรกเขาไม่อยากเปลี่ยนรองเท้าคู่ที่ทำแฮตทริกแรกในยูซีแอลได้ทำให้แมตช์วอร์นของเขาเลยมีคลาบกาวเป็นโลโก้เดียดอร่าทั้งที่ตัวรองเท้าเป็นเทียมโป้ พรีเมียร์ เรื่องนี้น่าจะคลายข้อสงสัยวันวานของใครหลายคนขึ้นมาได้บ้าง
#ทำเรื่องเล่นเป็นเรื่องใหญ่
โฆษณา