ทุกวันนี้ คนทั้งโลกรู้จัก standard time เวลาอัตรา เวลาที่เป็นมาตรฐานอ้างอิงตรงกัน ประเทศส่วนใหญ่ใช้เวลาเดียว แต่บางประเทศที่กว้างมากจนเวลากลางวันกลางคืนระหว่างฝั่งตะวันตกกับตะวันออกห่างกันมาก ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา ก็จะมีเวลาอัตราหลายเวลาตามแต่ละพื้นที่
เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนหน้านั้น การตั้งนาฬิกาใช้เวลาเฉลี่ยของแต่ละพื้นที่ local mean time ตั้งนาฬิกาที่กรุงเทพฯ ก็ใช้ local mean time กรุงเทพฯ ตั้งที่เชียงใหม่ ก็ใช้ local mean time เชียงใหม่ ซึ่งก็สมเหตุสมผลในแง่ที่ว่าเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นตกเฉลี่ย ก็จะอยู่ที่ ๖ และ ๑๘ นาฬิกา
แต่ปัญหามีอยู่แบบนี้ สมมติว่า ถ้าส่งโทรเลขจากอุบลราชธานีมาถึงกรุงเทพฯ local mean time อุบลฯ เร็วกว่าที่กรุงเทพฯ ๑๘ นาที แล้วเจ้าหน้าที่โทรเลขที่อุบลฯ นัดเจ้าหน้าที่ที่กรุงเทพฯ ให้รับโทรเลขตอน ๑๔ นาฬิกา
พอเริ่มติดต่อกันไกล ๆ ข้ามจังหวัด หรือแม้กระทั่งข้ามประเทศ ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องเวลาไม่ตรงกันแล้ว แทนที่จะให้ตกลงกันง่าย ๆ ก็ต้องคำนวณบวกลบ local mean time ต้นและปลายทางตลอด เกิดความยุ่งยากขึ้น ก็ต้องมีข้อตกลงว่าจะเอาเวลาไหนอ้างอิง
เริ่มต้นจากปี 1884 International Meridian Conference ที่จัดขึ้นที่ Washington, D.C., USA ประเด็นหลักคือการตกลงว่าจะเอาเส้นเมอริเดียนไหนเป็นเส้นเมอริเดียนหลัก Prime Meridian ที่จะใช้อ้างอิงเวลาต่อไป ได้ข้อสรุปว่าใช้เส้นเมอริเดียนที่ผ่านหอสังเกตการณ์กรีนิช the Observatory of Greenwich เป็นเส้นเมอริเดียนหลัก ลองจิจูดที่ 0 องศา
International Meridian Conference 1884 ที่สรุปว่า Prime Meridian ผ่านเมืองกรีนิช
อันนี้ก็ไม่ผิด เพราะเส้นละติจูด ๑๐๕ องศาตะวันออกจากกรีนิช ผ่านที่อุบลฯ Standard time ประเทศไทย มันคือ local mean time ของกรีนิช บวกไป ๗ ชั่วโมง ซึ่งมันคือ local mean time ที่อุบลฯ
เวลาหาลัคนา ที่บอกว่า “ตัดเวลาท้องถิ่น” อันนี้หมายถึงใช้ local mean time ในการหาลัคนา