23 เม.ย. 2020 เวลา 16:34 • ประวัติศาสตร์
Sapiens: A Brief History of Humankind
เซเปียนส์: ประวัติย่อมนุษยชาติ
แม้จะมีภาคต่อถึง3เล่ม ความหนากว่า 600 หน้า แต่ด้วยข้อมูลที่แน่นปึกและชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่แพรวพราว มีลูกล่อลูกชน อีกทั้งยังกระตุ้นให้ขบคิด ทำให้เซเปียนส์กลายเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์
ที่อ่านสนุกในระดับที่แทบวางไม่ลง....
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวอันโลดโผนของประวัติศาสตร์ที่แสนพิเศษของพวกเราเอง นับตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นลิงไร้หางที่ไม่สลักสำคัญใด จนกลายเป็นเจ้าผู้ครอบครองโลก
หนังสือเล่มนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 2014 หลังจากตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2011 เป็นภาษาฮีบรูว์ และหลังจากตีพิมพ์ฉบับแปลเป็นครั้งแรกแล้วก็ตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างต่อเนื่องจนขายไปมากกว่า 5 ล้านเล่มแล้ว
มีการแปลหนังสือเล่มนี้ไปเป็นภาษาอื่นๆ แล้วมากกว่า 50 ภาษา
หนังสือเล่มนี้ติดรายชื่อหนังสือขายดีใน The New York Times Best Seller
จากผู้อ่านมากกว่า 100,000 คนที่กดโหวตหนังสือเล่มนี้ในเว็บ Book Depository มีมากถึง 88% ที่ให้ 4–5 ดาว (จากสูงสุด 5 ดาว)
Homosapiens (รูปจาก mgronline.com)
“หนังสือ Sapiens อธิบายว่าอะไรที่ทำให้ Homo sapiens หรือมนุษย์เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้า 70,000 ปีก่อนบรรพบุรุษของเราเป็นสัตว์ที่แทบไม่มีผลกระทบต่อสิ่งใดเลย อาศัยอยู่ในมุมมืดของทวีปแอฟริกา แต่ในช่วงเวลา 70,000 ปีหลังที่ผ่านมา Homo sapiens ได้กระจายไปทวีปอื่นๆ และครองโลกใบนี้ในที่สุด”
หนังสือเซเปียนส์เล่มนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็นสี่ส่วน ตามการปฏิวัติครั้งสำคัญของมนุษยชาติ เริ่มตั้งแต่การปฏิวัติการรับรู้ ที่แยกเราออกจากฝูงสัตว์หรือมนุษย์สายพันธุ์อื่นโดยเด็ดขาด จากนั้นเราก็ปฏิวัติเกษตรกรรม ทำให้เราเลิกเร่ร่อนเป็นพรานป่าเพื่อหยุดทำไร่ไถนาอยู่กับที่มีบ้านสร้างเมืองกัน แล้วเราก็เข้าสู่การรวมกันเป็นหนึ่งของมนุษยชาติ คือการเชื่ออะไรบางอย่างร่วมกันแบบที่มีแต่ในเซเปียน ไม่ว่าจะเงินตรา ศาสนา หรือจักรวรรดิ และสุดท้ายคือการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เราฉลาดล้ำเกินธรรมชาติ จนอาจเป็นเหตุให้เราทำลายเผ่าพันธุ์เรากันเองก็ได้ใครจะรู้
เราสามารถปรับตัวให้เคยชินกับทุกข์หรือสุขได้หมด ให้กลายเป็นปกติหรือรู้สึกเฉยๆ คือต่อให้เราถูกหวยสิบล้านวันนี้ ปีหน้าเราก็จะเฉยๆแล้ว หรือต่อให้เราเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงวันนี้ สองปีข้างหน้าเราก็จะเฉยชากับมันแล้ว
เค้าเปรียบเทียบง่ายๆว่าอารมณ์ของคนเราก็เหมือนแอร์ ที่ตั้งอุณหภูมิไว้คงที่ พอเปิดประตูอาจจะมีร้อนวูบเข้ามา หรือเย็นวูบเข้ามา แต่ซักพักมันก็จะปรับอุณหภูมิให้กลับมาเท่าเดิม
หนังสือเล่มนี้พบว่าแท้จริงแล้วตัวแปรที่มีผลต่อความสุขที่สุดก็คือครอบครัวและชุมคน มีผลยิ่งกว่าเงินทองหรือสุขภาพ ตราบใดที่มันไม่แกว่งมากเกินไปและบ่อยเกินไป
ความสุขนั้นขึ้นกับความคาดหวัง ถ้าเราหวังว่าเราจะได้แล้วเราได้เราก็สุข แต่ถ้าเราหวังว่าจะได้แล้วไม่ได้ หรือได้น้อยกว่าที่คิดเราก็ทุกข์
สมการความสุขมันง่ายอย่างนี้เลยค่ะ
หนังสือเล่มนี้ยังพูดถึงหลักพุทธะไว้อย่างน่าสนใจ เค้าบอกว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาแรกและศาสนาเดียวที่แนะนำวิธีให้เราไม่ทุกข์และสุข บอกว่าความคาดหวังของเราก็เหมือนคนที่มองหาคลื่นที่สวย พอเราไม่เจอเราก็ไม่สุขและเอาแต่มองหาคลื่นลูกถัดไป ส่วนถ้าเราเจอคลื่นลูกที่สวยตรงใจเราก็จะสุข แต่เราก็จะทุกข์เพราะมันกำลังจะหายไป เราไม่อยากให้มันหายไปอยากหยุดมันเอาไว้แต่เป็นไปไม่ได้
หลักพุทธะสอนให้เราอย่าเป็นคนไล่ล่าคลื่น แต่ให้เป็นคนมองดูคลื่นที่ชายหาด มันมาแล้วก็ไป อารมณ์ความสุขและทุกข์เราก็เป็นแบบนี้
และทิ้งท้ายเล่มนี้ผู้เขียนบอกว่า เรากำลังเล่นเป็นพระผู้สร้างหรือพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
จากเดิมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมนั้นต้องใช้เวลาเป็นแสนๆล้านๆปีจากธรรมชาติ แต่วันนี้ด้วยความรู้ด้านพันธุวิศวกรรมนั้นสามารถตัดต่อ DNA ให้กระต่ายสามารถเลือกแสงแบบแมงกะพรุนได้เลย โดยไม่ต้องรอให้พระเจ้าหรือธรรมชาติเข้ามาทำหน้าที่นี้ และกระต่ายตัวนั้นก็เกิดขึ้นแล้วและชื่อ Alba
กระต่ายเรืองแสงได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วในตรุกี (รูปภาพจาก http://news.discovery.com )
และก็มีแนวโน้มว่าด้วยสิ่งนี้แหละที่เซเปียนจะทำกับตัวเอง จนทำให้เซเปียนส์ไม่ใช่เซเปียนส์อีกต่อไป และก็คงเป็นจุดอวสานของมนุษย์สายพันธุ์เซเปียนส์สู่สิ่งที่เรียกว่า “อภิมนุษย์”
Sapiens คือหนังสือที่ทะเยอทะยาน มันบอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่กำเนิดมนุษย์ การดิ้นรนต่อสู้ ความขัดแย้ง การร่วมมือ ความรุ่งเรืองเฟื่องฟู
Cr.the momentum
ระหว่างที่อ่าน เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้แบบเต็มร้อยหรอกนะ แต่เห็นด้วยในแง่ที่ว่า “จินตนาการ” เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
หนังสือเซเปียนส์เล่มนี้ หนังสือที่หนากว่า 608 หน้า และต้องใช้เวลาอ่านถึง 12 วัน
หวังว่าคุณจะอ่านจนถึงบรรทัดนี้ และลุกขึ้นไปซื้อมาอ่านด้วยกัน แล้วถ้าเจออะไรที่น่าสนใจในเล่ม ก็เอามาเล่าให้เราฟังบ้างนะคะ
เซเปียนส์: ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
Sapiens: A Brief History of Humankind
Yuval Noah Harari เขียน
ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ แปล
สำนักพิมพ์ GYPZY
โฆษณา