23 เม.ย. 2020 เวลา 03:40 • ประวัติศาสตร์
'คฤหาสน์วินเชสเตอร์' เขาวงกตสุดซับซ้อนที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเหล่าวิญญาณร้ายไม่ให้ตามมารังควาน
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1866 ‘โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์’ (Oliver Winchester) ได้คิดค้นปืนไรเฟิลที่สามารถบรรจุกระสุนได้ 13 นัดในคราวเดียวขึ้นมา ซึ่งในสมัยนั้น ปืนไรเฟิลสามารถบรรจุกระสุนได้เพียง 1 นัดเท่านั้น และเขาได้ตั้งบริษัท วินเชสเตอร์ รีพีตติ้ง อาร์มส์ (Winchester Repeating Arms Company) เพื่อผลิตปืนไรเฟิลให้กับทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ไว้ใช้ต่อสู้กับชนเผ่าอินเดียนแดง จนรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถยึดแผ่นดินอเมริกาอันเป็นแผ่นดินดั้งเดิมของชนเผ่าอินเดียนแดงมาเป็นของตนได้สำเร็จ ส่งผลให้ตระกูลวินเชสเตอร์ได้กลายมาเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ร่ำรวยมหาศาลระดับต้นๆ ของประเทศ จากการขายปืนให้กับทางรัฐบาลสหรัฐ และส่งขายไปทั่วโลก
ร่วม support SpokeDark เพื่อเข้ากลุ่มลับ bit.ly/sp-bott
ต่อมาในปีค.ศ. 1880 โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์ ได้เสียชีวิตลง ทำให้ วิลเลียม วินเชสเตอร์ (William Winchester) ผู้เป็นลูกชายได้ก้าวขึ้นมาบริหารบริษัทผลิตปืนแทนพ่อ วิลเลียมแต่งงานกับซาราห์ พาร์ดี (Sarah Pardee) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1862 และทั้งคู่ก็ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก นามว่า แอนนี พาร์ดี วินเชสเตอร์ (Annie Pardee Winchester) เมื่อปี ค.ศ. 1866 แต่เคราะห์ร้ายที่หนูน้อยแอนนีลืมตาดูโลกได้เพียงเดือนเดียว หนูน้อยก็เสียชีวิตลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ซาราห์เสียสติและใช้เวลาบำบัดนานถึง 10 ปี ก่อนจะกลับมาหายดีอีกครั้ง
คฤหาสน์วินเชสเตอร์
ต่อมาในปี ค.ศ. 1881 หลังจากที่วิลเลียมเข้ารับตำแหน่งบริหารบริษัทผลิตปืนต่อจากพ่อของเขาได้เพียงปีเดียว วิลเลียมก็เสียชีวิตลงจากอาการป่วยด้วยวัณโรค ทิ้งให้ซาราห์ ภรรยาผู้เป็นที่รักอยู่ตัวคนเดียวพร้อมกับมรดกก้อนโตที่มีมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ซาราห์เริ่มกลับมาโศกเศร้าอีกครั้ง จากการที่เธอต้องสูญเสียทั้งลูกและสามีที่เธอรัก เธอเริ่มหมดหนทางและเริ่มใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วย
ซาราห์เข้าพบร่างทรงคนหนึ่ง เพื่อให้ร่างทรงคนนั้นติดต่อกับวิญญาณของสามีและลูกสาวของเธอ ร่างทรงบอกว่า ที่สามีและลูกของเธอต้องตายก่อนวัยอันควรนั้นเป็นเพราะคำสาปแช่งของเหล่าวิญญาณจำนวนมากมายที่ต้องตายจากปืนไรเฟิลที่ผลิตจากบริษัทของตระกูลสามีเธอ วิญญาณเหล่านี้จะตามล่า และพรากชีวิตคนที่เธอรักไปทีละคน และคนถัดไปก็คือ ตัวของซาราห์นั่นเอง ร่างทรงคนนี้ยังแนะนำเธออีกว่า เพื่อแสดงความเคารพต่อวิญญาณเหล่านั้น เธอต้องย้ายบ้านไปอยู่ทางทิศตะวันตก และสร้างบ้านให้เกิดเสียงดังตลอดเวลา เพราะเสียงจากการสร้างบ้านจะทำให้วิญญาณไม่กล้ามารบกวน
Sarah Winchester
ซาราห์จึงซื้อบ้านหลังใหญ่ต่อจากคุณหมอท่านหนึ่งในเมือง San Jose รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บ้านหลังนี้มีพื้นที่ราว 400 ไร่ มีห้องทั้งหมด 8 ห้อง และเธอได้จ้างชาวบ้านละแวกนั้นมาเป็นแม่บ้าน คนสวน คนรับใช้ รวมทั้งสิ้น 22 คน และจ้างช่างไม้ ช่างทาสี อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ช่างเหล่านี้มาสร้างและต่อเติมบ้านของเธอตลอดเวลา ทุกวัน วันละ 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด!
ซาราห์เชื่อว่า หากเธอสร้างบ้านให้ลึกลับสลับซับซ้อน พวกวิญญาณจะหาตัวเธอไม่เจอ เธอจึงให้ช่างสร้างห้องลับ ประตูที่ติดกลไกไว้ หรือแม้กระทั่งบันไดหลอกๆ เพื่อหลอกล่อให้พวกวิญญาณงุนงง โดยสรุปแล้วเธอใช้เวลาสร้างและต่อเติมบ้านหลังนี้เป็นเวลาทั้งสิ้น 36 ปีเต็ม! รวมแล้วบ้านหลังนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น มีห้องทั้งหมด 160 ห้อง ห้องนอน 43 ห้อง ห้องใต้ดิน 2 ชั้น ประตู 950 บาน หน้าต่างกว่าหมื่นบาน เตาผิง 47 เตา บันได 40 ที่ ห้องจัดเลี้ยง 2 ห้อง ลิฟท์ 3 ตัว ปล่องไฟอีกมากมาย และโถงรับแสงอีกกว่า 10 โถง
1
ร่วม support SpokeDark เพื่อเข้ากลุ่มลับ bit.ly/sp-bott
ต่อมาในปี ค.ศ. 1907 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ บ้านของซาราห์พังถล่มลงมาเหลือเพียง 4 ชั้น มีเรื่องเล่าว่า ในทุกๆ คืนซาราห์จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปนอนตามห้องต่างๆ โดยไม่บอกให้ใครรู้ เพราะเธอกลัวว่าวิญญาณจะหาตัวเธอเจอ และเธอยังเคยหลงอยู่ในบ้านของตัวเองอีกด้วย และเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1922 ขณะที่ช่างไม้กำลังต่อเติมหลังคาบ้านอยู่นั่นเอง ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาบริเวณใกล้ๆ กับที่ช่างไม้กำลังทำงานอยู่ ทำให้ช่างไม้ทั้งสองคนกลัว และไม่ได้ทำงานต่อให้เสร็จ ในคืนนั้นเอง ซาราห์ก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ในวัย 83 ปี ทำให้ผู้คนต่างร่ำลือกันไปต่างๆ นานาว่า ที่เธอเสียชีวิตนั้น เป็นเพราะมีการหยุดต่อเติมบ้านนั่นเอง
คฤหาสน์วินเชสเตอร์
ปัจจุบันบ้านหลังนี้ได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของรัฐแคลิฟอร์เนียและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ มีการเรียกบ้านหลังนี้ว่า ‘คฤหาสน์วินเชสเตอร์’ (The Winchester Mystery house) และถ้าใครอยากเข้าชมภายในตัวบ้านต้องมีไกด์นำทางไปด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วคุณจะ ‘หลง’ และอาจไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกอีกเลย ก็เป็นได้!
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา