24 เม.ย. 2020 เวลา 13:20
ชาวต่างชาติที่ถูกทางการจีนลักพาตัว
ถูกตัดสิน “จำคุก” ฐานแทรกแซงกิจการฮ่องกง 🇭🇰💢
และเรื่องราวของผู้ที่ถูกอุ้มในไทย
“ลี เฮนลีย์” นักธุรกิจสัญชาติเบลีซที่อาศัยอยู่ในไต้หวัน หายตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ปีแล้วขณะที่เดินทางไปยังเซินเจิ้น 🇨🇳
เดือนถัดมา สำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะมุขมนตรีจีนก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายลีเฮนลีย์ กำลังถูกสอบสวนในคดีก่ออาชญากรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
และในเดือนพฤศจิกายน สื่อจีนก็รายงานว่าเขาถูกจับกุมจริงที่เมืองกว่างโจว
มีชาวไต้หวันอีกอย่างน้อย 3 รายที่ถูกทางการจีนจับกุมในเวลาใกล้เคียงกัน โดยพวกเขาโดนข้อหาให้ความช่วยเหลือแก่ชาวต่างชาติแทรกแซงฮ่องกง
ตั้งแต่มีม็อบประท้วงเกิดขึ้นในฮ่องกง รัฐบาลปักกิ่งรวมถึงสื่อใหญ่ของจีน ก็ได้กล่าวหาว่ามีกองกำลังจากต่างชาติ (โดยเฉพาะอังกฤษและอเมริกา) ที่ให้การสนับสนุนผู้ประท้วงเพื่อปั่นให้เกิดความโกลาหลในฮ่องกง 🇭🇰
วันพฤหัสที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา นายลี เฮนลีย์ ถูกทางการจีนตัดสินจำคุก 10 ปี ฐาน “ร่วมมือกับชาวต่างชาติแทรกแซงฮ่องกงและเป็นภัยต่อความมั่นคงของจีน”
.
.
ผู้สนับสนุนประชาธิปไตยชาวฮ่องกง
ใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว 🔥🔥
สัปดาห์ที่แล้ว ทางการฮ่องกงได้จับกุมนักเคลื่อนไหว 15 ราย โดยหนึ่งในนั้นถือเป็นบุคคลที่สำคัญมาก เขาก็คือ “มาร์ติน ลี” นักการเมืองวัย 81 ปี ผู้ที่เคยร่วมร่างกฎหมายปกครองเขตการปกครองพิเศษฮ่องกง ภายใต้แนวคิด 1 ระเทศ 2 ระบบ
แม้จะอายุมากแล้ว แต่ความคิดของมาร์ตินก้าวหน้าและฝักใฝ่ในระบอบเสรีประชาธิปไตย
เขาได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า
“พวกเรากลัวว่าฮ่องกงจะกลายเป็นเพียงเมืองหนึ่งของแผ่นดินใหญ่”
“การประท้วงในฮ่องกงจึงสำคัญ เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์”
การที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของปักกิ่งเข้ามาแทรกแซงฮ่องกง นำไปสู่วิกฤตทางการเมืองของประเทศ
ซึ่งเป็นที่แน่นอนเลยว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สถานการณ์โรคระบาดบรรเทาลง ม็อบฮ่องกงจะกลับมาอีกครั้ง 👊🏻👊🏻
15 นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงที่ถูกจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการจับกุมบุคคลที่พรรคคอมมิวนิสต์เห็นว่าเป็นภัยคุกคาม
ย้อนกลับไปในปี 2015 "กุ้ยหมินไห่" ผู้ถือหุ้นร้านหนังสือ Causeway Bay Books ที่ฮ่องกง 🇭🇰 ซึ่งตีพิพม์หนังสือประวัติส่วนตัวของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ถูกทางการจีนอุ้มหาย!
โดยเขาและผู้เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่าย 'หนังสือต้องห้าม' อีก 4 คน ถูกลักพาตัวกันไปทีละคน โดยนายกุ้ยนั้นถูกจับตัวไปขณะมาเที่ยวพัทยา 🇹🇭
ทางการจีนปิดปากเงียบในเรื่องนี้เป็นเวลา 3 เดือน
กุ้ยหมินไห่ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าสื่อโทรทัศน์ของจีน โดยเขาสารภาพว่า
“ผมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่จีนด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับ”
“คุณพ่อของผมจากไปด้วยโรคมะเร็งในปี 2015 โดยที่ผมไม่มีโอกาสได้ไปงานศพของท่าน หลังจากนั้นคุณแม่ก็ป่วยหนัก ผมคิดถึงท่านทั้งวันทั้งคืน อยากพบท่านอีกครั้งในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นี่คือเหตุผลที่ผมเดินทางมายังแผ่นดินใหญ่ และผมพร้อมจะรับโทษทุกอย่าง”
สีหน้าของเขาตลอดการพูด ดูฝืนใจและไม่เป็นธรรมชาติ
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา ทุกอย่างล้วนผ่านการจัดฉากมาแล้ว และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ชาวฮ่องกงเห็นว่าจีนตั้งใจขัดรัฐธรรมนูญและหลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ
ทั้งนี้ . . ทางการจีนออกมายอมรับว่าพวกเขาจับกุมกุ้ยหมินไห่ในข้อหา “ดำเนินธุรกิจที่ผิดกฎหมาย”
ช่วงกลางปี 2016 ทางการจีนได้ปล่อยตัวนายหลัมหวิงจี ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือ Causeway Bay Books ให้กลับมาฮ่องกงชั่วคราว เพื่อให้เขานำเอาฮาร์ดไดรฟ์ข้อมูลรายชื่อลูกค้าทั้งหมดกลับไปให้
แต่เมื่อเขาเดินทางมาถึงฮ่องกง เขาก็รีบแถลงต่อสื่อเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถูกคนแปลกหน้าปิดตาแล้วก็ลักพาตัวไป อีกทั้งยังถูกกักขังและสอบสวนเป็นเวลาหลายเดือน
1
ทุกคำสารภาพของพวกเขาที่ออกมาทางสื่อจีนนั้น ล้วนเป็นไปตามที่ทางการปักกิ่งเขียนสคริปต์ให้
ปัจจุบัน หลัมหวิงจีอยู่ที่ไต้หวัน 🇹🇼
การเปิดเผยครั้งนั้นสั่นสะเทือนไปทั้งฮ่องกง สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งในฮ่องกงและทั่วโลกต่างพาดหัวข่าวในประเด็นร้อนดังกล่าว แต่ทางฝั่งจีนกลับปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด 🤷‍♂️
ด้านกุ้ยหมินไห่ ได้รับการปล่อยตัวในเดือนตุลาคม 2017 แต่ก็ถูกลักพาตัวอีกครั้งในเดือนมกราคม 2018 โดยกลุ่มชายที่คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จีน ระหว่างที่กำลังนั่งรถไฟเพื่อไปพบแพทย์ที่ปักกิ่ง 🇨🇳
กุ้ยหมินไห่ถูกกักขัง และในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เขาก็ถูกตัดสินจำคุก 10 ปี ฐาน “ส่งมอบข้อมูลลับให้ต่างชาติอย่างผิดกฎหมาย”
คลิปการสารภาพของกุ้ยหมินไห่
อ่าน "เขาประท้วงอะไรกันที่ฮ่องกง?"
โฆษณา